ปัญญาของคนสุขุมคือการเข้าใจทางของตน
แต่ความโง่ของคนโง่คือการหลอกลวง(ตนเอง)
การมุ่งมองไปข้างหน้าเป็นกระบวนการสร้างอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
หรือ ที่มันยังไม่เกิดเป็นจริง ผู้ที่ “เข้าใจว่าตนกำลังมุ่งไปที่ไหน”
เขาก็จะตัดสินใจลงมือกระทำเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายปลายทางที่เขาปักธงไว้ ถึงแม้ว่า อนาคตยังไม่ปรากฏเป็นรูปธรรมก็ตาม
แล้วการไล่ตามติดเป้าหมายปลายทางจะเป็นประโยชน์เช่นไร?
การมุ่งมองไปข้างหน้าได้วางทิศทางที่ชัดเจนที่เราจะมุ่งไป เรามักจะทำเครื่องหมายในแผนงาน/แผนชีวิตของเราอย่างชัดเจนว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน
และ ทำเครื่องหมายอีกว่าเราจะมุ่งไปสู่ที่ไหน
พร้อมทั้งลากเส้นทางว่าเราจะไปให้ถึงเป้าหมายนั้นด้วยเส้นทางใด ด้วยวิธีการใด และนั่นก็บอกชัดเจนด้วยว่าเราจะไม่ไปไหนด้วย
การมุ่งมองไปข้างหน้าช่วยให้เรารุกไปข้างหน้าอย่างสร้างสรรค์มากกว่าเพียงการตั้งรับ
ทุกย่างก้าวที่เราจาริกไปข้างหน้า
เราต้องเผชิญด้วยการที่เราต้องเลือกว่าจะรุกไปข้างหน้าหรือจะหยุดรอตั้งรับ
หลายคนใช้เวลาชีวิตของเขาเกือบทั้งวันในการตั้งรับ เหมือนกับผู้รักษาประตูของการแข่งขันฟุตบอล รอเพื่อที่จะตอบโต้ลูกบอลที่ถูกยิงเข้ามา ในชีวิตจริงของเราต่างตอบโต้ต่อสิ่งที่เย้ายวนใจยิงเข้าในชีวิตของเรา
เช่น รถยนต์คันใหม่ ตอบโต้ต่อข้อมูลข่าวสารที่เราได้ยินได้ชม ตอบโต้ต่อสถานการณ์รถติดหนึบ มีปฏิกิริยาต่อผู้คนรอบข้าง ต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น สิ่งท้าทายมากมายหลายอย่าง และต่ออุปสรรคที่ขวางทางข้างหน้าของเรา
ทางที่ดีในสถานการณ์เช่นนี้คือการตัดสินใจเลือกและตามด้วยการวางแผน
การมุ่งมองไปข้างหน้าเป็นการประหยัดเวลาที่มีจำกัดของเรา มีผู้กล่าวว่า “การใช้เวลาวางแผน
1 ชั่วโมงทำให้เราประหยัดเวลาในการปฏิบัติการในเรื่องนั้นถึง
3 ชั่วโมง” การวางแผนทำให้ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า ในแต่ละวันเรามีเพียง 24
ชั่วโมงเท่านั้น และ ในหนึ่งปีก็มีเพียง 365-366
วันเท่านั้น ถ้าเราไม่ใช้เวลาที่มีจำกัดอย่างชาญฉลาดด้วยการมุ่งมองไปข้างหน้า
เรากำลังใช้เวลาที่พระเจ้าประทานให้อย่างเสียเปล่าด้อยคุณค่า
การมุ่งมองไปข้างหน้าเป็นการลดสถานการณ์วิกฤติให้น้อยลง
ในชีวิตประจำวันของเรามีพลังหรืออิทธิพลที่เข้ามาควบคุมการขับเคลื่อนชีวิตของเราคือ พลังจากการวางแผน หรือ
พลังจากความกดดันรอบข้าง เมื่อเรามุ่งมองไปข้างหน้าเราเลือกที่จะควบคุมด้วยการวางแผน เราตัดสินใจที่จะรุกหน้าในแต่ละวันของเรา ถึงแม้ว่าถ้าเราล้มเหลว เราก็ยังมุ่งมองไปข้างหน้า
และเลือกที่จะตัดสินใจและวางแผนหาทางออกจากวิกฤติที่กำลังเผชิญหน้า แทนที่จะหยุดยอมตั้งรับไม่ว่าอะไรที่พุ่งเข้ามาหาเรา แทนที่ยอมตนตกเป็น “เหยื่อ”
ของวิกฤติที่รุกเข้ามา แม้เราอาจจะควบคุมวิกฤติที่เกิดขึ้นในบางครั้งไม่ได้
แต่เราควบคุมตนเองตัดสินใจเลือกหาทางที่ออกจากวิกฤติได้
การมุ่งมองไปข้างหน้าเพิ่มพลังแก่เรา
เวลาใดที่เราหยุดการมุ่งมองไปข้างหน้า
เราอาจจะมุ่งมองในจุดที่เรากำลังอยู่
หรือการมองแลไปข้างหลัง
การกระทำเช่นนี้ทำให้พลังชีวิต พลังใจ กายของเราลดน้อยถอยลง
เพราะเรากำลังให้เวลากับการมองสิ่งที่ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด เรากำลังหลงทางในสนามรบ เราใช้เวลาที่สิ้นเปลืองไปกับเรื่องที่เล็กๆ น้อยๆ
อย่างไร้ผล
แต่การวางแผนที่จะจัดการตนเองและหาทางออกต่างหากที่เพิ่มพลังขับเคลื่อนในยามวิกฤติแก่เรา
ขอให้เรามุ่งมองไปข้างหน้าอย่างชาญฉลาด
เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการสร้างอนาคตที่กำลังจะเป็นจริงและเป็นรูปธรรม
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น