28 มีนาคม 2557

แผนการของพระเจ้า หรือ แผนการของเราเอง?

ผมเชื่อว่าชีวิตที่มีแผนการเป็นเรื่องที่ดี   และคนจำนวนมากที่เลือกจะวางแผนการสำหรับชีวิตของตนเอง    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงขึ้นปีใหม่  หลายต่อหลายคนที่ตั้งอกตั้งใจวางแผนชีวิตสำหรับปี 2014   ตอนนี้แผนการชีวิต 2014 ของท่านไปถึงไหนแล้วครับ   มีผู้เก็บสถิติในเรื่องนี้พบว่า   ปณิธาน หรือ แผนการชีวิตปีใหม่ประมาณ 75% จะหยุดชะงักหรือล้มเลิกไปโดยปริยายก่อนที่จะสิ้นสุดเดือนมกราคม

ตอนนี้ใกล้สิ้นเดือนมีนาคม  กำลังจะเป็นช่วง “ปี๋ใหม่เมือง” แล้ว

ปณิธานปีใหม่ของท่านปีนี้ยัง “สบายดี” อยู่หรือ?   ยังดำเนินไปอย่างมีพลังหรือเปล่า?

สำหรับคริสตชนแล้ว   เราต้องมีแผนการในชีวิต   เพราะพระเจ้าทรงเป็นผู้มีแผนการ   และยังมีแผนการสำหรับชีวิตของเราแต่ละคนอีกด้วย   และแผนการชีวิตคริสตชนไม่ได้เป็นเพียงการที่ตนคิดว่าต้องการจะทำอะไรเพื่อให้ได้อะไรสำหรับตนเท่านั้น  

แต่แผนการชีวิตคริสตชนได้มาจากการที่เจ้าตัวมีเวลาที่จะใคร่ครวญภาวนาอธิษฐาน   การไตร่ตรองพิจารณา  และยังมีรายละเอียดเบื้องหลังแผนการอีกมากมาย   ดังนั้น จึงมิใช่แผนที่นั่งลงคิดในเวลาไม่กี่วัน  หรือเป็นแผนชีวิตที่ตนอยากได้ อยากมี   แผนชีวิตคริสตชนมิใช่แผนชีวิตเพียงช่วงสั้นๆ   หรือเป็นแผนที่จะทำหรือล้มเลิกไปอย่างง่ายดายก็ได้

คริสตชนเราเชื่อว่า   แผนการชีวิตของเราควรเป็นแผนการที่สอดคล้องกับแผนการของพระเจ้า

สำหรับพระเจ้าแล้วแผนการที่ทรงมีสำหรับชีวิตของเราเป็นแผนการที่ยั่งยืน   เป็นแผนการชีวิตที่นิรันดร์   แต่ชีวิตที่นิรันดร์นี้เริ่มต้นตั้งแต่เดี๋ยวนี้ในชีวิตปัจจุบันของเรา   ชีวิตนิรันดร์นี้เริ่มต้นตั้งแต่เรายอมรับให้พระองค์ทรงไถ่ถอนกอบกู้ชีวิตของเราให้หลุดรอดออกจากอำนาจแห่งความบาปชั่ว   แล้วมีชีวิตอยู่ภายใต้การปกป้องครอบครองด้วยพระคุณของพระองค์   ตั้งแต่วันนี้  พรุ่งนี้  และตลอดไป

แผนชีวิตของคริสตชนคือแผนชีวิตของแต่ละช่วงเวลาของชีวิตในการติดตามพระเยซูคริสต์   เป็นแผนการชีวิตว่าเราจะติดตามพระองค์ไปวันต่อวัน   ในบริบทชีวิต  ในหน้าที่การงาน   ในสถานการณ์ชีวิตครอบครัว   ชุมชนและประเทศชาติ  

และในแผนการชีวิตที่ติดตามพระเยซูคริสต์วันต่อวันนี้เอง   ที่เราจะเห็นถึงพระประสงค์ และ น้ำพระทัยของพระคริสต์สำหรับชีวิตของเราที่ค่อยๆ เปิดเผยออกผ่านการใกล้ชิดติดสนิทกับพระองค์   และทรงเปิดเผยผ่านสถานการณ์ชีวิต   หน้าที่การงานที่เรารับผิดชอบตามการทรงเรียก   ผ่านวิกฤติที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน   ด้วยการทรงเปิดเผยเช่นนี้เองทำให้เราเห็นและเรียนรู้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่า  พระเจ้าทรงมีพระประสงค์และแผนการอะไรบ้างในชีวิตของเราแต่ละคน   แผนการสำหรับครอบครัวของเรา   คริสตจักรของเรา  ชุมชนและประเทศชาติของเรา?

เมื่อเราเรียนรู้จากการทรงเปิดเผยของพระเจ้าผ่านทางชีวิตประจำวันของเราแล้ว   เราในฐานะคริสตชนจึงนำสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยนั้นมาวางแผนชีวิตวันต่อวันในการติดตามพระองค์ต่อไป

น่าสังเกตว่า   แผนชีวิตคริสตชนไม่มีเป้าหมายสุดปลายที่ชัดเจน   แต่เป้าหมายที่พระเจ้าทรงเปิดเผยแต่ละครั้งนั้น   เป็นเป้าหมายชีวิตขั้นหนึ่งที่นำไปสู่เป้าหมายอีกขั้นหนึ่งในชีวิต   ถ้าเรายอมดำเนินชีวิตติดตามพระประสงค์ของพระเจ้า   เราจะค่อยๆ เห็นและเรียนรู้พระประสงค์ของพระองค์มากและชัดเจนยิ่งขึ้น

แต่บ่อยครั้งที่คริสตชนในยุคปัจจุบัน “ใจร้อน”  ขาด “ความอดทน”   ต้องการคำตอบที่สำเร็จรูป   คำตอบที่ทันอกทันใจตนเอง   จนเกิดความรู้สึกยุ่งยากสับสนว่า   ชีวิตของตนทำไมถึงต้องพเนจรวนเวียนอยู่ในทะเลทรายอยู่ในถิ่นทุรกันดารอย่างอิสราเอลที่ต้องการไปให้ถึงแผ่นดินแห่งพระสัญญา

แท้จริงแล้ว   ชีวิตที่เดินวนเวียนในถิ่นทุรกันดารนั้นเป็นส่วนหนึ่งในแผนการชีวิตที่พระเจ้าทรงมีสำหรับการสร้างเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตของเรา   แผนการตามพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับเราส่วนนี้ที่ผู้คนมักไม่ต้องการ ไม่อยากได้   ดังนั้น   ชีวิตคริสตชนของเราจึงไม่เติบโต  เข้มแข็ง  และเกิดผลอย่างที่ควรจะเป็น  

แต่ที่แย่กว่านั้นคือ   เมื่อชีวิตของเราต้องวนเวียนในถิ่นทุรกันดาร   เรากลับบ่นว่าพระเจ้าว่าเหตุการณ์ที่เลวร้ายเหล่านี้ทำไมถึงมาเกิดขึ้นกับตน   ทั้งๆ ที่ตนติดตามพระเจ้า?   ความรู้สึกเช่นนี้มักนำไปสู่ความไม่พอใจ   ทอดทิ้งแผนการของพระเจ้าในช่วงเวลานั้น   จนกว่าตนต้องพบกับผลร้ายที่เกิดขึ้น    จึงกลับมาเริ่มต้นกับพระเจ้าใหม่    ชีวิตต้องเข้าสู่แผนการเดิมอีกครั้งหนึ่งจนเราเกิดการเรียนรู้ ยอมรับ  และติดตามแผนการนี้ไปสู่อีกแผนการหนึ่ง

การติดตามแผนการของพระเจ้าในแต่ละขั้นตอนนั้นมิใช่ของง่าย   ต้องใช้พลัง   ความมุ่งมั่น  อดทน  จริงใจ  สัตย์ซื่อ และถวายตัว   แต่พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อและเมตตา    ในภาวะที่เรากำลังหมดแรง หมดไฟในชีวิต   พระเจ้าทรงประทานโอกาสให้เราได้ผ่อนพัก   ในการผ่อนพักนั้นเราได้เรียนรู้ถึงพระเมตตา   เกิดความชื่นชมและสันติสุขในชีวิตท่ามกลางความทุกข์ยากลำบากหรือสับสน   พระองค์ทรงซ่อมแซมและเสริมสร้างชีวิตที่ “สึกหรอ”  “อ่อนแรง”   และทรงประทานพลังชีวิตใหม่แก่เรา    เพื่อเราจะมีพลังที่จะใช้ในการขับเคลื่อนชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์

ในการติดตามแผนการตามพระประสงค์ของพระเจ้า   ต้องติดตามพระองค์ไปก้าวต่อก้าว   และเราก้าวได้ครั้งละก้าวในการติดตามพระองค์   และเราต้องก้าวผ่านทุกช่วงสถานการณ์ หรือ ทุกฤดูกาลแห่งชีวิตตามแผนการของพระเจ้า   เราไม่สามารถที่จะเลือกเดินผ่านบางฤดูกาลของชีวิตแล้วปฏิเสธที่จะเดินก้าวผ่านฤดูกาลชีวิตอื่นๆ   เพราะพระเจ้าทรงมีแผนการให้เราได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ที่เราติดตามแผนการของพระองค์

ในการติดตามแผนการตามพระประสงค์ของพระเจ้า   เราอาจจะไม่เห็นหรือไม่เห็นชัดถึงเป้าหมายสุดปลายทาง   แผนการของพระเจ้าเป็นเส้นทางที่พระองค์เตรียมสำหรับเราแต่ละคน   เป็นเส้นทางชีวิตที่เป็นนิรันดร์   แม้จะเป็นเส้นทางที่นิรันดร์แต่เรายังคงขับเคลื่อนติดตามแผนการนั้นของพระเจ้า   แต่เราจะพบจุดหมายจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง   ในการจาริกไปบนเส้นทางตามแผนการของพระเจ้าในแต่ละวันเราได้เห็นถึงการทรงเปิดเผยของพระองค์ในแต่ละขั้นแต่ละตอนในชีวิตของเรา

ในการติดตามแผนการตามพระประสงค์ของพระเจ้า  อุปสรรคเป็นส่วนหนึ่งในแผนการนั้น   เพราะอุปสรรคคือส่วนที่เสริมสร้างให้เราเติบโต เข้มแข็งขึ้นในชีวิตคริสตชน   และที่จะเสริมสร้างความไว้วางใจของเราต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าที่เหนียวแน่นมั่นคงยิ่งขึ้น   บ่อยครั้งนักเมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับกำแพงแห่งอุปสรรค  เราเกิดความย่อท้อ  เรายอมแพ้   แล้วมักบอกกับตนเองว่า   “ความหวังที่วาดฝันไว้มันเกิดเป็นจริงไม่ได้”   แล้วก็เอาความหวังที่วาดฝันนั้นไปเก็บบนหิ้ง   เราเกิดความขมขื่นในชีวิต   แต่เราต้องตระหนักชัดว่า    อุปสรรคที่ขวางกั้นทางที่เราจะต้องไปนั้นไม่ใหญ่เกินกว่าสำหรับพระเจ้า   ในสถานการณ์เช่นนี้เราต้องไว้วางใจพระองค์ 

เส้นทางแผนการชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้ามิใช่เส้นทางจาริกสำเร็จรูป   มิใช่เส้นทางที่จาริกแล้วสำเร็จได้ในทันทีครั้งเดียว   แต่เป็นเส้นทางที่ดำเนินไปวันต่อวันกับองค์พระผู้เป็นเจ้า   และเป็นเส้นทางที่ยิ่งจาริกยิ่งเห็นพระประสงค์ชัดเจนยิ่งขึ้น    ยิ่งพบกับปัญหาอุปสรรค ชีวิตยิ่งเติบโตและเข้มแข็งยิ่งขึ้น   


ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น