ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งการแก้แค้น
พระเจ้าแห่งการแก้แค้น ขอทรงทอแสงเถิด
(สดุดี 94:1 มตฐ.)
เมื่ออ่านพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมที่กล่าวถึงพระเจ้าว่า เป็นพระเจ้าแห่งการแก้แค้น ในครั้งแรกๆ นั้นผมยอมรับตรงๆ
ว่า รับไม่ได้ ทำไมพระเจ้าที่กอปรด้วยความรักเมตตา กรุณา
และทรงให้อภัย แล้วจะเป็นพระเจ้าแห่งการแก้แค้นได้อย่างไร พระเจ้าในพันธสัญญาเดิมทำไมโหดเหี้ยม? หรือเป็นพระเจ้าคนละองค์? ถ้าไม่ใช่
แล้วที่พระคัมภีร์บอกว่า พระเจ้าทรงแก้แค้นนั้นหมายความว่าอะไรกันแน่? ถ้าพระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งการแก้แค้น
แล้วคนที่เชื่อพระเจ้าองค์นี้จะไม่อ้างว่าที่เขาแก้แค้นเป็นการแก้แค้นในพระนามของพระเจ้าหรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้นวงจรอุบาทว์แห่งการแก้แค้นจะไม่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
หรือ?
บ่อยครั้งเมื่อเราอ่านพระธรรมสดุดี หรือ พระคัมภีร์เดิมเรามักจะเข้าใจเรื่อง
“การแก้แค้นของพระเจ้า” ผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากความจริงจากความเข้าใจพระเจ้าของผู้บันทึกพระคัมภีร์ในสมัยนั้น อีกทั้งปัจจุบันมีคริสตชนบางคนเข้าใจว่า พระเจ้าแห่งความรักเมตตา และ
การให้อภัยย่อมไม่เกี่ยวข้องกับการแก้แค้นซึ่งก็เป็นความเข้าใจที่คลาดจากความเป็นจริงด้วยเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น
ถ้าเราศึกษาสดุดี 94 อย่างระมัดระวัง เราจะพบว่า
เราเข้าใจพระคัมภีร์ข้อแรกในบทนี้คลาดเคลื่อนเพราะผู้อ่านปัจจุบันเข้าใจคำว่า
“แก้แค้น” ในพระธรรมสดุดี 94:1
ตามกรอบความคิดความเข้าใจของคนในปัจจุบัน ที่แตกต่างจากกรอบคิดและความเข้าใจของคำว่า
“การแก้แค้น” ในสมัยพระคัมภีร์ตอนนั้นๆ
กรอบคิดความเข้าใจ “การแก้แค้น”
ในปัจจุบันของเราคือ
การแก้แค้นเป็นความเกลียดชังและความโหดร้ายรุนแรง คนที่ต้องการแก้แค้นคือผู้ที่มีความรู้สึกโกรธยากจะหยุดยั้ง และต้องการตอบสนองอีกฝ่ายหนึ่งให้เจ็บแสบ ให้สาสมกับการกระทำที่ฝ่ายตรงข้ามกระทำต่อตน
ในพระคัมภีร์ภาษาเดิมใช้คำว่า neqama ที่เราแปลว่า แก้แค้น
ในกรอบคิดที่แตกต่างจึงมีความหมายที่แตกต่างกัน
ในสดุดี 94:1
ผู้เขียนพระธรรมสดุดีเรียกพระนามพระเจ้าว่า “พระเจ้าแห่งการแก้แค้น” (มตฐ.)
และในข้อต่อมาของพระธรรมสดุดีบทนี้เรียกพระนามของพระเจ้าว่า
“พระผู้ทรงพิพากษาโลก” (94:2 มตฐ.) และทูลขอพระเจ้าทรงสนองตอบต่อ
“คนโอหัง” ที่ “บดขยี้และข่มเหงรังแก”
ประชากรของพระเจ้า (ข้อ 5 อมต.) พวกเขาฆ่า “แม่ม่าย คนต่างด้าว
และลูกกำพร้า” โดยพวกเขากล่าวอ้างว่า
พระเจ้าไม่รู้ไม่เห็น (ข้อ 6-7 มตฐ.)
ดังนั้นการแก้แค้นของพระเจ้าในพระคัมภีร์จึงมิใช่ความโกรธแค้นที่พวยพุ่งออกมา แต่เป็นการที่พระเจ้าทรงปกป้องและสำแดงความยุติธรรมของพระองค์ พระเจ้าทรงตอบสนองต่อคนบาปตามที่เขาสมควรได้รับ ดังนั้น
พระธรรมข้อสุดท้ายในพระธรรมบทนี้กล่าวไว้ว่า “พระองค์ทรงให้พวกเขารับโทษสาสมกับบาปของพวกเขา” การแก้แค้นของพระเจ้าจึงเป็นการทรงสำแดงความชอบธรรมของพระเจ้าที่ธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมของพระองค์
เมื่อเรากล่าวถึงความยุติธรรมของพระเจ้า หรือ
การแก้แค้นของพระองค์
เราต้องตระหนักอยู่เสมอว่าพระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา ใช่แล้ว
พระองค์ทรงพิพากษาเราตามความบาปผิดของเรา
แต่เพราะพระเจ้า “ทรงอุดมด้วยความรักเมตตา”
และความรักเมตตาของพระองค์ทรงมีชัยเหนือการพิพากษา (เอเฟซัส 2:4; ยากอบ 2:13)
ดังนั้น พระเจ้ามิได้มองข้ามหรือยกเลิกความบาปผิดของมนุษย์
ตรงกันข้ามพระบุตรของพระองค์เองกลับเข้ามารับเอาความบาปผิดของมนุษย์ รับเอาผลที่คนบาปอย่างเราควรได้รับ “การแก้แค้น” หรือ
การตอบสนองต่อการกระทำบาปที่มนุษย์กระทำได้รับการกระทำให้ยุติธรรมและชอบธรรมบนกางเขนนั้น
ดังนั้น “พระเจ้าแห่งการแก้แค้น” ในความหมายของพระคัมภีร์มีความหมายที่เชื่อมโยงกับ
“พระเจ้าแห่งความยุติธรรม”
มิใช่เป็นพระเจ้าแห่งความรุนแรงโหดร้ายอย่างที่เราเห็นการแก้แค้นกันในปัจจุบัน
ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ
- ท่านเข้าใจข้อพระคัมภีร์ที่กล่าวถึง “พระเจ้าแห่งการแก้แค้น” อย่างไรบ้าง?
- เมื่อท่านคิดจะทำการแก้แค้นคนบางคนที่ทำให้ท่านได้รับความเจ็บปวดในชีวิต ท่านจะทำอะไรและอย่างไร?
- เราจะกระทำความยุติธรรมในโลกนี้และยังเป็นผู้ที่มีความรักเมตตา” ได้อย่างไร?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น