เจ็ดปัจฉิมวาทะของพระคริสต์บนกางเขน
เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นมารดาของพระองค์
และสาวกคนที่พระองค์ทรงรักยืนอยู่ใกล้พระองค์
จึงตรัสกับมารดาของพระองค์ว่า “หญิงเอ๋ย นี่คือบุตรของท่าน” แล้วพระองค์ตรัสกับสาวกคนนั้นว่า “นี่คือมารดาของท่าน” แล้วสาวกคนนั้นก็รับมารดาของพระองค์มาอยู่ในบ้านของตนตั้งแต่เวลานั้น
(ยอห์น 19:26-27 มตฐ.)
ปัจฉิมวาทะจากกางเขนที่สามคือ นี่คือบุตรของท่าน นี่คือมารดาของท่าน
มีผู้ให้ความเห็นว่า “สาวกคนที่พระองค์ทรงรัก”
ในที่นี้หมายถึงยอห์นผู้ที่มีส่วนในการบันทึกพระกิตติคุณฉบับนี้
ท่านได้บันทึกในรายละเอียดตอนนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า เมื่อพระเยซูคริสต์ถูกตรึงที่กางเขน สาวกและคนสนิทที่ยืนใต้กางเขนในเวลานั้นมีมารดากับน้าสาวของพระองค์ มารีย์ภรรยาของเคลโอปัส และมารีย์ชาวมักดาลา พร้อมกับสาวกคนที่พระองค์ทรงรัก (ข้อ 25 มตฐ.)
บนกางเขนของพระคริสต์มิเพียงแต่อบอุ่นไปด้วยการยกโทษ
ที่เปิดโอกาสใหม่สำหรับชีวิตที่มีพระคริสต์เคียงข้างในทุกที่แล้ว
ที่บนกางเขนยังสำแดงออกถึงความรักและผูกพันแห่งพระคุณของพระเจ้า
ปัจฉิมวาทะที่สามนี้ได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของกางเขนที่เป็นหมายสำคัญที่เล็งถึงอาชญากร ให้กลับกลายเป็นเครื่องหมายของพันธกร
ณ
ที่กางเขนของพระคริสต์
พระองค์ได้สำแดงพระคุณแห่งความรักและผูกพันของพระองค์ต่อมารดาของพระองค์ และทรงมอบหมายพันธกิจแห่งการรักและผูกพันให้สาวกคนใกล้ชิดที่ติดตามพระองค์ไปในทุกที่ทุกสถานการณ์ให้รับช่วงพันธกิจดังกล่าวต่อจากพระองค์
“นี่คือบุตรของท่าน” “นี่คือมารดาของท่าน”
นี่คือพันธกิจแห่งกางเขนที่พระคริสต์ทรงมอบหมายให้เราท่านแต่ละคนรับช่วงต่อพันธกิจจากพระองค์
พันธกิจแห่งกางเขนเป็นพันธกิจแห่งความรักผูกพันกันและกัน
ความผูกพันใดที่จะลึกซึ้งและมีพลังยิ่งใหญ่ไปกว่าความผูกพันระหว่างแม่กับลูก
ในช่วงเวลาใต้กางเขนของพระเยซูคริสต์นั้น
มารีย์มารดาของพระองค์คงระลึกถึงคำกล่าวของสิเมโอนที่กล่าวแก่เธอเมื่อนำทารกเข้าไปในพระวิหารว่า “...ถึงหัวใจของท่านเองจะถูกดาบแทงทะลุด้วย”
(ลูกา 2:35 มตฐ.)
ใช่แล้ว
ในช่วงนาทีต่อนาทีเมื่อยืนใต้กางเขนของพระเยซูคริสต์ คือเวลาแห่งความเจ็บปวด นอกจากการที่นางต้องสูญเสียบุตรชายหัวปีของนางแล้ว
ยังต้องมารับรู้ถึงความเจ็บและการทรมานแสนสาหัสของลูกชายอีกด้วย
แต่ด้วยพระคุณแห่งความรักและผูกพันจากพระเยซูคริสต์บนกางเขนนั้น ที่ทำให้เธอสามารถทนรับความเจ็บปวดและความทุกข์สาหัสในเวลาเช่นนั้นได้
ที่กางเขนของพระคริสต์
พระองค์ทรงส่งมอบพันธกิจแห่งความรักและผูกพันให้สาวกและคนสนิทใกล้ชิดของพระองค์
สืบสานพระราชกิจต่อจากพระองค์
ให้เป็นชุมชนแห่งการเอาใส่ใจกันและกัน
เป็นชุมชนแห่งการเยียวยารักษาบาดแผลชีวิตของกันและกัน เป็นชุมชนที่ได้รับการผูกพันให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยความรักเมตตาและเสียสละของพระคริสต์
ด้วยพันธกิจแห่งความรักและผูกพันนี้ที่พระคริสต์บนกางเขนส่งทอดผ่านมายังมารดาและสาวกที่พระองค์ทรงรักได้สืบสานส่งต่อมายังชุมชนคริสตจักรของเราในปัจจุบัน
สัจจะความจริงในพันธกิจนี้ที่เราต้องมองอย่างครบรอบด้านคือ
พันธกิจแห่งความรักผูกพันนี้มิใช่ชีวิตที่หวานชื่นอย่างเดียว แต่เป็นชีวิตที่ต้องเจ็บปวดเพื่อกันและกันด้วย เป็นการยอมรับความเจ็บปวดเพื่อคนอื่น
เป็นบาดแผลและความเจ็บปวดที่เราเต็มใจรับเพราะเรารักและผูกพันกับชีวิตของผู้คนเหล่านั้น เป็นบาดแผลและความเจ็บปวดในชีวิตที่เราตั้งใจและเต็มใจยอมรับ เฉกเช่น
มารีย์มารดาของพระองค์ตั้งใจและเต็มใจไปยืนเคียงข้างเหตุร้ายที่สุดแสนทรมานและเจ็บปวดที่ใต้กางเขนบุตรชายของเธอ
เมื่อคริสตชนยอมรับสืบสานพันธกิจแห่งความรักและผูกพันจากพระคริสต์บนกางเขนที่กะโหลกศีรษะ ยอมรับบาดแผลชีวิตและความเจ็บปวดจากการทำพันธกิจ สิ่งที่คริสตชนจะต้องกระทำตามแบบอย่างของพระคริสต์บนกางเขนคือ การยอมยกโทษเพื่อนมนุษย์อย่างไม่มีเงื่อนไข และ
ขับเคลื่อนพันธกิจของพระคริสต์ไปด้วยพระกำลังของพระคริสต์ที่เคียงข้างเราไปในทุกหนแห่ง
เราไม่สามารถทำพันธกิจจากกางเขนของพระคริสต์ด้วยความสามารถ กำลัง และความอดทนของเราเองได้ แต่ที่เราขับเคลื่อนทำพันธกิจรักและผูกพันได้นั้นเพราะกางเขนของพระคริสต์เปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา พระกำลังของพระองค์อยู่เคียงข้างเราในทุกสถานการณ์ต่างหาก เราจึงสามารถสืบสานพันธกิจรักและผูกพันสืบต่อจากพระคริสต์
ขอพระเจ้าโปรดประทานความตั้งใจ และกำลังความกล้าหาญ เฉกเช่น
มารีย์มารดาพระเยซู และ
น้าสาวของพระองค์
มารีย์ภรรยาของเคลโอปัส และ
มารีย์ชาวมักดาลา
แล้วน้อมรับเอาพันธกิจแห่งความผูกพันให้เราสืบสานรับผิดชอบต่อจากพระองค์
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น