เจ็ดปัจฉิมวาทะของพระคริสต์บนกางเขน
พระเยซูทรงตอบเขาว่า
“เราบอกความจริงกับท่านว่า
วันนี้ท่านจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม”
(ลูกา 23:43 มตฐ.)
ปัจฉิมวาทะที่สองจากกางเขนคือ “...วันนี้ท่านอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม”
พระเยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขนที่ภูเขากะโหลกศีรษะที่ถูกขนาบด้วยอาชญากร
2 คน
ผู้นำศาสนายิวและนักการเมืองท้องถิ่นเยาะเย้ยพระองค์ และพวกทหารโรมันก็เย้ยหยันพระองค์ด้วย
ยิ่งกว่านั้น
ยังเขียนป้ายประจานติดบนกางเขนว่า “คนนี้เป็นกษัตริย์ของพวกยิว”
อาชญากรหนึ่งในสองคนที่ถูกตรึงพร้อมกับพระเยซูคริสต์ก็ร่วมวงถล่มท้าทายพระเยซูด้วยเช่นกันว่า “เจ้าเป็นพระคริสต์มิใช่หรือ? จงช่วยตนเองกับเราทั้งสองให้รอดเถิด” (ข้อ 37)
เขาท้าทายพระเยซูคริสต์ให้พิสูจน์ความเป็นพระผู้ช่วยให้รอดให้เขาเองได้เห็นได้รับผลประโยชน์ก่อนซิ แล้วเขาจะเชื่อ แท้จริงแล้วอาชญากรคนนี้ก็มีความเชื่อเหมือนคริสตชนในปัจจุบันหลายๆ
คน
เขาวางรากฐานความเชื่อบนผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับ!
วิธีคิดแบบประชานิยมก็ลอกเลียนแบบคิดจากอาชญากรคนนี้แหละ!
อาชญากรอีกคนหนึ่งกล่าวกับเพื่อนอาชญากรของตนว่า “...เราทั้งสองก็สมควรกับโทษนั้นจริง เพราะเราได้รับผลสมกับการกระทำ แต่ท่านผู้นี้ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย” (ข้อ 41)
เขากล่าวจากจิตสำนึกผิดชอบที่มีในคนทั่วไป แต่การคิดถึงความรอดแบบประโยชน์นิยมก่อนเป็นจิตสำนึกที่ต่ำด้อยกว่าจิตสำนึกของคนธรรมดาทั่วไป เพราะแม้แต่โจรหรืออาชญากรยังมีจิตสำนึกผิดชอบได้
ในพระคัมภีร์ไม่มีที่ใดที่บันทึกว่า
อาชญากรคนที่สองนี้มีโอกาสได้ฟังคำสอน หรือ
หรือสัมผัสกับการอัศจรรย์ของพระเยซูคริสต์ก่อนหน้านี้ แต่เขาอาจจะได้ยินหรือติดตามข่าวคราวชีวิตและพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ก็ได้
ความหวังของเขามิใช่ความรอดที่เขาอยากได้ในเวลาที่กำลังจะต้องตายบนกางเขน
แต่ความหวังของเขากลับขอเพียงได้รับพระเมตตาจากพระคริสต์เพียงโปรดระลึกถึงเขาด้วย
เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่า เขาไม่คู่ควรที่จะได้รับความรอด แต่เขาคู่ควรกับผลที่เขาได้กระทำลงไป
ดังนั้น
สิ่งที่เป็นความหวังของเขาคือ
ขอเพียงพระเยซูคริสต์ทรงระลึกถึงเขาเมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในแผ่นดินของพระองค์
(ข้อ 42)
ความหวังของเขามิได้วางบนรากฐานแห่งผลประโยชน์ที่เขาต้องการได้รับ
แต่ตั้งบนรากฐานในพระคุณเมตตาของพระคริสต์ต่างหาก
และนี่คือหัวใจของกางเขนพระคริสต์ ว่าเป็นพระคุณจากพระคริสต์ที่ทรงประทานแก่มนุษย์เพราะความรักเมตตา
กรุณาและเสียสละของพระองค์
ที่พระองค์ประสงค์ช่วยให้เราหลุดรอดออกจากอำนาจแห่งความบาปชั่ว
พระคุณของพระเจ้ามิใช่เพราะพระเจ้าให้ในสิ่งที่เราต้องการเท่านั้น
พระคุณของพระเจ้านั้นให้แก่เราอย่างไร้เงื่อนไข ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรารู้สึกว่าตนเองผิดต่อพระองค์หรือไม่
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรารับบัพติสมาแล้วหรือยัง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราว่ารับบัพติสมาแบบพรมหรือจุ่ม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของเราเอง
แต่พระคุณของพระเจ้าเป็นน้ำพระทัยของพระคริสต์ที่ทรงหยิบยื่นแก่เราด้วยพระทัยเมตตา
พระองค์ทรงหยิบยื่นและประทานสิ่งที่ดีที่สุดของพระองค์แก่เรา
โจรคนนั้น ไม่มีความหวังอื่นใดในชีวิตอีกแล้ว เขาจึงหวังเพียงพระเมตตาจากพระคริสต์ ขอทรงระลึกถึงเขา
เมื่อพระคริสต์เข้าในแผ่นดินของพระองค์
คุณค่าในชีวิตของโจรคนนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ตนมีตนเป็นอยู่ แต่คุณค่าสูงสุดในชีวิตของเขาคือ พระคริสต์ทรงระลึกถึงเขา
แต่พระคุณของพระคริสต์ที่ให้แก่อาชญากรคนนี้มากกว่าระลึกถึงเขาเท่านั้น แต่กลับให้พระสัญญาว่า เขาจะได้อยู่กับพระองค์ในเมืองบรมสุขเกษม (ข้อ 43 มตฐ.)
พระเยซูคริสต์มิได้ไถ่ถอนให้เราหลุดรอดออกจากอำนาจแห่งความบาปชั่วเท่านั้น แต่พระองค์สัญญาว่าเราจะได้อยู่กับพระองค์ในทุกหนแห่ง
คำว่า เมืองบรมสุขเกษม
แปลจากต้นฉบับภาษากรีกคำว่า paradeisos มีความหมายตามตัวอักษรว่า “สวน”
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมในภาษากรีก (เซปตัวยินต์)ใช้คำเดียวกันนี้เมื่อกล่าวถึงสวนเอเดน
ในสมัยของพระเยซูคริสต์ใช้คำนี้เกี่ยวกับเมืองสวรรค์ และยังมีความหมายถึงการทรงพลิกฟื้นและทรงสร้างสรรพสิ่งที่ทรงสร้างเดิมนั้นขึ้นใหม่
ความรอดของคริสตชนหยั่งรากบนรากฐานในพระคุณของพระเยซูคริสต์ พึ่งพิงในความรักเมตตา และ การเสียสละของพระองค์
ชีวิตที่ได้รับพระคุณของพระคริสต์จึงมิใช่ตราประทับว่า “เรารอดแล้ว” เท่านั้น
แต่พระคริสต์ทรงช่วยให้เราได้อยู่ร่วมกับพระองค์ในทุกที่ที่พระองค์อยู่ ยิ่งกว่านั้นเราร่วมรับใช้
ในพระราชกิจแห่งการพลิกฟื้นคืนชีวิตแก่สรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นใหม่ ในสวนเอเดนใหม่ของพระคริสต์
สิ่งที่น่ากลัวสำหรับคริสตชนในปัจจุบันคือ ได้รับความรอดแต่ชีวิตไม่ได้อยู่ด้วยกับพระคริสต์!
ขอโทษครับ...
พระเยซูมาพักอยู่กับท่านหรือเปล่าครับ?
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น