20 เมษายน 2557

วาทะจากกางเขน...ยกโทษพวกเขา

เจ็ดปัจฉิมวาทะของพระคริสต์บนกางเขน

พระ​เยซู​ตรัส​ว่า
พระ​บิดา​เจ้า​ข้า ขอ​ทรง​ยก​โทษ​พวก​เขา​เพราะ​เขา​ไม่​รู้​ว่า​กำ​ลัง​ทำ​อะไร...
(ลูกา 23:34 มตฐ.)

ปัจฉิมวาทะแรกของพระคริสต์จากกางเขนคือ  การยกโทษ   ซึ่งเป็นหัวใจแห่งกางเขนของพระคริสต์

พระเยซูคริสต์ทรงสอนสาวกให้อธิษฐาน   และเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของการอธิษฐานคือ   การยกโทษ   และพระองค์ทรงสอนถึงการยกโทษที่พระบิดาทรงเมตตาและยกโทษเราด้วยการที่พระองค์ทรงกระทำเป็นแบบอย่าง   ดังนั้น  เราทุกคนพึงยกโทษแก่คนที่กระทำผิดต่อเรา   การยกโทษที่พระคริสต์ทรงสอนเป็นการยกโทษที่ไม่มีเงื่อนไข    กระบวนการยกโทษเริ่มต้นที่ผู้ให้การยกโทษที่สร้างผลกระทบต่อชีวิตอย่างมหาศาลของผู้ที่ได้รับการยกโทษ

บนภูเขากะโหลกศีรษะ   พระเยซูคริสต์ทรงกระทำสิ่งที่พระองค์ทรงสอนสาวก   พระองค์อธิษฐานขอพระบิดาโปรดเมตตายกโทษทั้งกลุ่มผู้นำศาสนายิว   ผู้ปกครองจากโรม และ ผู้ปกครองท้องถิ่น   ตลอดจนพวกทหารโรมันที่ตรึงพระองค์บนกางเขน

การยกโทษแบบพระคริสต์ที่ไร้เงื่อนไข   เป็นการยกโทษด้วยจิตใจที่รัก เมตตา และเสียสละของพระองค์  ยกโทษแม้แต่ศัตรูที่มุ่งร้ายทำลายชีวิตของพระองค์   และบนกางเขนพระองค์ทรงกระทำสิ่งที่พระองค์ทรงสอนที่ว่า “แต่​เรา​บอก​พวก​ท่านว่า จง​รัก​ศัตรู​ของ​ท่าน และ​จง​อธิษฐาน​เพื่อ​บรรดาคน​ที่​ข่ม​เหง​พวก​ท่าน” (มัทธิว 5:44 มตฐ.)  

บ่อยครั้ง   เรามักจะยอมยกโทษแก่คนที่สำนึกว่าตนเองได้กระทำผิด   แต่หลายครั้งเป็นการยากที่เราจะยกโทษแก่คนที่ไม่ยอมสำนึกว่าตนเองได้ทำผิด   แต่ในคำอธิษฐานบนกางเขนของพระเยซูคริสต์พระองค์ทูลขอพระบิดาโปรดยกโทษคนที่ตรึงพระองค์ “เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร”  

มิเพียงแต่ไม่สำนึกว่าตนทำผิดเท่านั้น   แต่เขาไม่รูว่าเขากำลังทำผิด!

พวกผู้นำศาสนายิวที่สุมหัวกันหาทางกำจัดพระเยซูคริสต์   เขาไม่ได้คิดว่าเขากำลังก่ออาชญากรรม   แต่เขากลับคิดว่าเขากำลังกำจัดพระเยซูคริสต์เพื่อปกป้องศาสนายิว   เพื่อปกป้องมิให้มีใครมาทำตัวเสมอเทียบเท่าพระเจ้าที่พวกเขาเคารพบูชา

ลึกๆ แล้วพวกเขากำลังปกป้องคุณค่า และ ความมั่นคงในสิ่งที่พวกเขาเคารพบูชา   เขากำลังปกป้องตัวเขา

พวกผู้ปกครองจากโรมยอมให้ผู้นำศาสนายิวนำพระเยซูคริสต์ไปตรึงกางเขน   ทั้งๆ ที่รู้ว่าพระเยซูมิได้กระทำความผิดใดๆ   เพราะไม่ต้องการให้เกิดความไม่สงบ   จึงยอมปล่อยให้พวกผู้นำศาสนายิวทำตามใจต้องการ   “เพราะ​ท่าน(ปีลาต)​รู้​แล้ว​ว่า​พวก​เขา​มอบ​ตัว​พระ​องค์​ไว้​เพราะ​ความ​อิจฉา” (มัทธิว 27:18 มตฐ.)   “เมื่อ​ปีลาต​เห็น​ว่า​ไม่​ได้​การ มี​แต่​จะ​เกิด​ความ​วุ่น​วาย ท่าน​จึง​เอา​น้ำ​มา​ล้าง​มือต่อ​หน้า​ฝูง​ชน แล้ว​กล่าว​ว่า เรา​ไม่​มี​ความ​ผิด​เรื่อง​ความ​ตาย​ของ​คน​นี้ พวก​เจ้า​ต้อง​รับ​ผิด​ชอบ​เอา​เอง​เถิด (ข้อ 24)  “ปีลาต​ต้อง​การ​จะ​เอา​ใจ​ฝูง​ชน​จึง​ปล่อย​บารับ​บัส​ให้​แก่​พวก​เขา และ​เมื่อ​ให้​โบย​ตี​พระ​เยซู​แล้ว จึง​มอบ​ให้​พวก​เขา​เอา​ไป​ตรึง​ที่​กาง​เขน” (มาระโก 15:15 มตฐ.)

การที่คนหนึ่งคนใดไม่รู้ตัวว่ากำลังกระทำผิด หรือ ไม่คิดว่าตนทำผิด  จะถือว่าตนเองไม่ได้ทำผิด

แต่หัวใจของพระกิตติคุณคือ  “กางเขนแห่งการอภัยโทษ”   กล่าวคือ ความรักเมตตาที่เสียสละบนกางเขนนี้ยกโทษแก่คนที่มิได้สำนึกว่าตนทำผิด และ คนที่ไม่ได้คิดว่าตนทำผิด     แต่เพราะการยกโทษของพระคริสต์ด้วยพระทัยเมตตาและเสียสละอย่างไร้เงื่อนไขนี้เองที่ทำให้คนบาปที่ได้รับการยกโทษกลับสำนึกในพระคุณความรักเมตตาของพระองค์  

การยกโทษของพระคริสต์ต่างหากที่ทำให้คนบาปเกิดความเข้าใจและสำนึกในพระคุณของพระองค์ที่ทรงไถ่ถอนตนให้หลุดรอดออกจากอำนาจแห่งความบาปชั่ว

มิใช่การยอมรับและเข้าใจว่าตนเป็นคนบาปก่อน   ที่ทำให้คนนั้นได้รับการยกโทษบาปจากพระคริสต์   แต่พระคริสต์ทรงยกโทษเขาก่อนต่างหาก   ที่ทำให้เขาได้ซาบซึ้งถึงพระคุณของพระองค์   แล้วจึงยอมรับว่าแท้จริงตนเป็นคนบาป

ชีวิตของเปาโลเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน   เขานำกองกำลังไปเมืองต่างๆ เข่นฆ่าและทำลายขบวนการสาวกพระคริสต์   เพราะเขาตระหนักชัดว่าเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องปกป้องความมั่นคงถูกต้องของศาสนายิวที่เขาเชื่อศรัทธา    เขากำลังทำสิ่งที่ดี   เขากำลังทำพันธกิจของพระเจ้า   เขากำลังปกป้องความสูงส่งศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า   เขากำลังทำสิ่งที่ดีและถูกต้อง    

แต่บนเส้นทางไปดามัสกัสพระคริสต์ทรงปรากฏพระองค์แก่เปาโลด้วยความรักเมตตา   พระเยซูคริสต์ทรงเปิดเผยความจริงและช่วยให้เปาโลเห็นตนเองชัดเจนว่าตนกำลังทำอะไร  เซา​โล เซาโล​เอ๋ย เจ้า​ข่มเหง​เรา​ทำไม?”   เซา​โล​จึง​ทูล​ถาม​ว่า องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​องค์​เป็น​ใคร?” พระ​องค์​ตรัส​ว่า เรา​คือ​เยซู​ผู้​ที่​เจ้า​ข่ม​เหง   จง​ลุก​ขึ้น​เถิด​และ​เข้า​ไป​ใน​เมือง จะ​มี​คน​บอก​ให้​เจ้า​ทราบ​ว่า​เจ้า​ต้อง​ทำ​อะไร (กิจการ 9:4-6 มตฐ.)

เพราะความรักเมตตาของพระคริสต์   ที่ไม่ได้รอให้เปาโลสำนึกในความผิดของตน   แต่ทรงเปิดเผยความจริงที่ถูกต้องด้วยพระทัยเมตตาต่างหาก    ที่ทำให้ชีวิตของเปาโลเปลี่ยนไปอย่างพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน   เพราะความรักเมตตาของพระคริสต์ที่ทรงยกโทษเขาต่างหากมิใช่หรือที่ทำให้เปาโลมอบกายถวายชีวิตทั้งสิ้นแด่พระองค์   ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ก็เพราะพลังแห่งพระคุณของพระเยซูคริสต์บนกางเขนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเปาโลอย่างสิ้นเชิง

เพราะการที่พระคริสต์ทรงยกโทษเราก่อนที่ทำให้เรายอมรับว่าเราตกอยู่ในอำนาจแห่งความผิดบาป    แล้วทรงสำแดงให้เราเห็นความจริงในตัวตนของเรา    ทำให้เราเห็นตัวตนที่แท้จริงของเรา    และยอมจำนนต่อความจริงนั้นและรับการทรงไถ่ถอนให้หลุดรอดออกจากอำนาจชั่วดังกล่าว   เราจึงได้สัมผัสกับพระคุณความรักเมตตาที่เสียสละของพระคริสต์   และด้วยพระคุณนี้เองที่เป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา   และด้วยสำนึกในพระคุณของพระองค์เราจึงยอมมอบกายถวายชีวิตให้ดำเนินไปตามพระประสงค์ของพระองค์

ในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ปีนี้   ให้เราไตร่ตรองและสำนึกถึงพระคุณแห่งการยกโทษที่ไร้เงื่อนไขของพระคริสต์   ที่เป็นการช่วยปลดปล่อยให้เราหลุดรอดออกจากอำนาจแห่งความชั่วร้ายในลักษณะต่างๆ ที่เกาะกุมครอบงำชีวิตของเรา   เพื่อเราจะได้เป็นอิสระจากอำนาจบาปชั่วเหล่านั้น    และมีชีวิตที่เป็นไท   ที่เราจะมอบกายถวายชีวิตที่เป็นไปตามพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

“ขณะ​เมื่อ​เรา​ยัง​อ่อน​กำ​ลัง พระ​คริสต์​สิ้น​พระ​ชนม์​เพื่อ​คน​อธรรม​ใน​เวลา​ที่​เหมาะ​สม” (โรม 5:6 มตฐ.)

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น