26“จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป”
อย่าให้ถึงตะวันตกแล้วยังโกรธอยู่
27 อย่าให้โอกาสแก่มาร
(เอเฟซัส 4:26-27)
เมื่ออ่านและใคร่ครวญในพระธรรมเอเฟซัส 4:26-27
ทำให้ทบทวนชีวิตของตนเองที่ผ่านมา
บ่อยครั้งเราขาดการใส่ใจ หรือ มองข้ามปัญญาที่มีในพระธรรมตอนนี้ แต่ถ้าพูดกันแบบตรงไปตรงมา
เราหลายคงไม่ชอบที่จะมาคิดทบทวนว่าตนเองเคยโกรธมาแล้วกี่ครั้งที่ทำให้ต้องกระทำความผิดบาป ที่ทำให้คนอื่นได้รับความเจ็บปวดและไม่สบายใจ
จากประสบการณ์ส่วนตัว เมื่อคนเราโกรธแล้วกระทำความผิดบาปมักเป็นคำพูดที่โพล่งออกมาเมื่อกำลังโกรธ เช่น ในการประชุมครั้งหนึ่ง
กรรมการท่านหนึ่งในที่ประชุมได้เสนอให้องค์กรของเราเปลี่ยนการบริหารบางอย่างซึ่งได้เคยพูดกันอย่างมากมายก่อนแล้ว เรื่องนี้จุดประกายแห่งความโกรธขึ้นในจิตใจของผมทันที แทนที่ผมจะฟังกรรมการท่านนั้นอธิบายอย่างใส่ใจ
หรือ ฟังเขาพูดให้จบครบความก่อน
แต่ไม่ครับ ผมโพล่งออกไปทันทีว่า “ถ้าจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ต้องให้ผมออกจากองค์กรนี้ไปก่อน” กรรมการท่านนั้นเงียบแล้วค่อยๆ นั่งลง ภายหลังเมื่อจิตใจสงบลงผมมาพิจารณาเรื่องนี้ ต้องขอบพระคุณพระเจ้าครับ ที่กรรมการท่านนี้สามารถควบคุมอารมณ์
ความรู้สึก และพฤติกรรมตอบโต้ได้ดีกว่าผมเป็นอย่างมาก
ความจริงที่น่าเศร้าคือ
สิ่งเลวร้ายจากคำพูดเมื่อเราโกรธได้สร้างความกลัวและความเจ็บปวดกับคนใกล้ชิด คนที่เรารัก
คนเหล่านั้นตกเป็นเหยื่อจากความกระทำบาปเพราะความโกรธของเรา เราจะต้องไม่ยอมปล่อยให้ตนเองจมจ่อมอยู่ในโคลนตมแห่งอำนาจบาปนั้น แต่โดยพระกำลังและพระคุณของพระเจ้าที่ทรงฉุดช่วยเราออกจากโคลนตมแห่งความโกรธ
เราสามารถแสดงความเสียใจต่อความผิดพลาดที่กระทำลงไปเมื่อโกรธ และก้าวสู่การคืนดีอีกครั้งหนึ่ง
บ่อยครั้ง
เรายอมให้ความโกรธที่พลุ่งขึ้นในตัวเรากระตุ้นให้เราพูดอย่างที่เราไม่ตั้งใจ
เราไม่ต้องการที่จะพูดเช่นนั้น
แต่เพราะความโกรธที่พลุ่งขึ้นทำให้เราไม่สามารถที่จะควบคุมตนเองได้ และบางครั้งความบาปที่พูดหรือกระทำลงไปเมื่อโกรธสร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่คนอื่น และบ่อยครั้งสร้างความเดือดร้อนแก่ตนเอง และที่แน่ๆ คือ สร้างความขุ่นข้องหมองใจ ความเครียด
ความวุ่นวายใจ
บางคนถึงกับสับสนในตนเอง
ดังนั้น
เราต้องการสติปัญญาจากคำแนะนำของเอเฟซัส 4:26 พระธรรมข้อนี้กล่าวถึงเรื่องความโกรธว่าเช่นไร? พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ คือ
“เมื่อเวลาคุณโกรธอย่าทำบาป”
ถ้าเราสังเกตให้ดีเปาโลเขียนข้อความนี้อยู่ในเครื่องหมายคำพูด แสดงว่าท่านนำข้อความนี้มาจากสดุดี 4:4 “แม้ถูกยั่วยุ
ก็อย่าทำบาปจงตรึกตรองในใจเวลาอยู่บนที่นอนและสงบอยู่” (มตฐ.)
แต่ถ้าเราไปดูต้นฉบับพระคัมภีร์เดิมที่แปลเป็นภาษากรีกที่เราเรียกว่า
“ฉบับเซปตัวยินต์”
(ซึ่งเข้าใจว่าท่านเปาโลคัดลอกข้อความจากพระคัมภีร์ฉบับนี้) ซึ่งแปลตามความหมายได้ว่า “แม้ถูกทำให้โกรธ
ก็อย่าทำบาป...”
ใช่ครับ
แม้เราจะถูกกระตุ้น หรือ ยั่วยุให้โกรธ
แต่อย่าทำบาป!
มีความบาปแบบใดบ้างที่มักตามมากับความโกรธ?
บางครั้งถึงขนาดทำให้เกิดความบาดเจ็บทางกาย บ้างถึงกับเกิดการฆ่าทำร้ายกัน แต่บ่อยครั้งที่ความบาปจากความโกรธทำให้เกิดความผูกพยาบาท นำสู่จิตใจที่ต้องแก้แค้น
และสื่อตัวกลางที่ทำให้เกิดความบาปจากความโกรธ คือปากของเรา คำพูดของเรา คำพูดที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจแก่บางคน
สร้างความเจ็บปวดและบาดแผลในชีวิตจิตใจที่บางครั้งอาจฝังรากลึกจนกลับกลายเป็นความขมขื่นในชีวิต
ข้อความในเอเฟซัส 4:26 ไม่ว่าเราจะแปลด้วยสำนวนใด
แต่หัวใจและปัญญาที่ให้แก่เราคือ เราสามารถที่จะโกรธด้วยการไม่ต้องทำบาป
วันนี้
ถ้าเราจะโกรธ ก็โกรธเถิด แต่อย่าให้ความโกรธนั้นยั่วยุให้เราต้องทำบาป!
ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ
- ท่านเคยมีประสบการณ์ไหม ที่มีบางคนโกรธและแสดงพฤติกรรมบาปต่อตัวท่านโดยตรง?
- ท่านเคยมีประสบการณ์ไหม ที่ท่านโกรธจนท่านได้กระทำบาปลงไปในครั้งนั้น?
- ท่านรู้สึกเช่นไรบ้างต่อประสบการณ์ทั้งสองข้างต้น?
- ท่านเห็นความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องระหว่าง “การโกรธ” กับ “การไม่ทำบาป” อย่างไรบ้าง?
ใคร่ครวญภาวนา
ข้าแต่พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระคุณ
เป็นความจริงที่การโกรธนำไปถึงการกระทำบาปได้
ขอพระองค์โปรดเมตตาและขอการทรงอภัยโทษแก่ข้าพระองค์
ข้าพระองค์ทูลขอพระองค์ได้โปรดช่วยปกป้องข้าพระองค์จากการกระทำบาปเมื่อมีความโกรธ
ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์โปรดเป็นพลังควบคุมลิ้นและคำพูดของข้าพระองค์เมื่อโกรธ
โปรดกระทำให้จิตใจของข้าพระองค์สงบท่ามกลางความโกรธ
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น