12 มีนาคม 2557

โกรธไม่บาป(เสมอไป)?

26 จะ​โกรธ​ก็​โกรธ​ได้ แต่​อย่า​ทำ​บาป
อย่า​ให้​ถึง​ตะวัน​ตก​แล้ว​ยัง​โกรธ​อยู่
27 อย่า​ให้​โอกาส​แก่​มาร

(เอเฟซัส 4:26-27)

คำสอนที่ว่า “จะโกรธก็โกรธได้  แต่อย่าทำบาป”  เป็นคำสอนที่ดี และ เป็นการเตือนสติที่สำคัญ   แต่เราท่านต่างมีคำถามในใจว่า   แล้วเราจะโกรธโดยไม่กระทำบาปได้อย่างไร?   มันจะเป็นจริงและเป็นรูปธรรมได้อย่างไร?   จากประสบการณ์ชีวิตของเรา   ความโกรธมักนำเราสู่การกระทำบาปทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจมิใช่หรือ?   คำสอนที่ดีนี้ทำได้จริงหรือไม่?

จากประสบการณ์ชีวิตจริงของเรา   ผมขอสรุปง่ายๆ ว่า ความโกรธมักมาพร้อมกับการทำบาปดูจะแยกสองสิ่งนี้ออกจากกันได้ยากอย่างยิ่ง   เพื่อนคนหนึ่งของผมเคยแบ่งปันให้ผมฟังว่า   เขาเกิดในครอบครัวที่คุณพ่อแสดงความโกรธให้เห็นน้อยมาก   คุณพ่อเป็นคนที่สนุกสนานร่าเริง  เป็นคนที่อดทน   เขาบอกผมว่าจะเห็นพ่อโกรธปีละครั้งสองครั้งเท่านั้น   เมื่อใดที่พ่อโกรธเขาและน้องๆ ต่างกลัวลาน   แต่คุณพ่อไม่เคยทำร้ายตบตีลูกๆ ของเขา   หรือพูดสิ่งที่เลวร้ายใส่ลูกๆ   เขาบอกผมว่า พ่อคงพยายามทำตามข้อพระคัมภีร์ที่ว่า “โกรธได้แต่ไม่ทำบาป” อย่างคงเส้นคงวา

เขาเล่าต่อไปว่า   ส่วนที่เขาเป็นเหมือนพ่อของเขาคือ  ส่วนมากเขาเป็นคนที่อดทน   แต่เมื่อเขาโกรธเมื่อใด   อารมณ์ของเขาพุ่งกระฉูด   ปากของเขาพูดออกมาทันที   แต่เป็นการกระทำที่บาปผิดทั้งสิ้น   และพฤติกรรมเช่นนี้ยังเป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้

ด้วยประสบการณ์เช่นนี้ของเพื่อนคนนี้และเราทั้งหลายที่มีพฤติกรรมคล้ายกันนี้    ประสบการณ์ย่อมสอนเราว่า  “การโกรธเป็นการบาป”   และเมื่อเราอ่านในพระคัมภีร์  เราจะพบว่าในพระคัมภีร์บางตอนดูเหมือนก็สอนเช่นนั้น  เช่นในเอเฟซัส 4:31  กล่าวไว้ว่า  “จง​เอา​ความ​ขม​ขื่น ความ​ฉุน​เฉียว ความ​โกรธ การ​ทุ่ม​เถียง การ​พูด​จา​ดูหมิ่น รวม​ทั้ง​การ​ร้าย​ทุก​อย่าง​ออก​ไป​จาก​พวก​ท่าน”  (มตฐ.)    ดูเหมือนว่าการโกรธเป็นสิ่งที่ผิดบาปที่เราควรเอาออกไปจากชีวิตของเรา  (เราจะพูดคุยเรื่องนี้ต่อไป)

ยิ่งกว่านั้น   มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าในพระกิตติคุณก็ปรากฏว่าพระเยซูคริสต์โกรธ(พิโรธ)ในบางครั้งด้วย  เช่น ในมาระโก 3:5 พระเยซูโกรธและเสียพระทัยที่ผู้นำศาสนายิวมีใจกระด้าง  แต่พระองค์ตามด้วยการรักษาชายมือลีบให้หาย   หรือ ในมาระโก 11:15-17  พระเยซูคริสต์เสด็จเข้าไปในพระวิหารแล้วลงมือขับไล่บรรดาพ่อค้าที่ซื้อขายในบริเวณนั้น  อีกทั้งคว่ำโต๊ะแลกเงิน  และคว่ำม้านั่งของคนขายนกพิราบ   ทั้งนี้เป็นการทวงคืนพื้นที่ในพระวิหารที่จัดไว้สำหรับคนยากจนคนต่างชาติที่จะเข้านมัสการพระเจ้า   และนี่คือการเรียกคืนความยุติธรรมที่ถูกเบียดบังและปิดกั้น

ยิ่งเมื่อเราอ่านในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเราพบว่าพระเจ้าก็โกรธด้วย   เราจะพบว่าพระเจ้าสำแดงความโกรธ(กริ้ว  พระพิโรธ)ต่อความบาปผิดที่แสดงออกในรูปความอยุติธรรม  เช่น  ในสดุดี 90:7-11 กล่าวถึงความรุนแรงในการโกรธของพระเจ้า  และในยอห์น 3:36 เป็นพระพิโรธของพระเจ้าที่ตกอยู่กับคนที่ไม่เชื่อ  

ในเมื่อพระเยซูพระบุตรของพระเจ้ายังโกรธ  และพระเจ้ายังพิโรธ   ดังนั้น  ความโกรธจึงมิใช่สิ่งที่ผิดในตัวของมันเสมอไป   และเมื่อคนเราถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาของพระเจ้า  ความรู้สึกโกรธของเราอาจจะมิใช่เป็นความผิดเสมอไปด้วยเช่นกัน

สมัยที่ผมเรียนที่พระคริสต์ธรรม   ผมได้รับมุมมองใหม่เกี่ยวกับเรื่องความโกรธ  อาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวถึงความรู้สึกโกรธเมื่อต้องพบกับการกระทำที่อยุติธรรม   เมื่อพบกับการที่ชาวนาถูกโกงจากพ่อค้า   ถูกเอารัดเอาเปรียบจากนักการเมือง   หรือ พบว่าคนในคริสตจักร และ ผู้นำคริสตจักรมีพฤติกรรมที่ไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า   อาจารย์ท่านนั้นช่วยให้ผมเข้าใจว่า   ความรู้สึกโกรธบางครั้งเป็นการตอบโต้ต่อความอยุติธรรม   อีกทั้งเป็นการต่อต้านการกระทำที่เป็นความบาป  

ดังนั้น   การโกรธจึงมิใช่สิ่งที่ผิดหรือเป็นการกระทำบาปในตัวของมันเอง

ปัจจุบันนี้ผมเชื่อว่าความโกรธ มิใช่เป็นการกระทำผิด หรือ การทำบาปเสมอไป   แต่ที่สำคัญเราต้องตรวจสอบตนเองให้ตระหนักชัดว่า  ในแต่ละครั้งเมื่อโกรธ เป็นการโกรธที่ได้กระทำความบาปผิดลงไปด้วยหรือไม่   และเมื่อผมใส่ใจตามคำสอนสั่งของเอเฟซัส 4:26 ที่ว่า “เมื่อท่านโกรธแต่อย่าทำบาป”   ผมพบว่ามีคำถามมากมายผุดขึ้นในจิตใจของผม เช่น

แล้วผมจะโกรธโดยไม่ทำบาปผิดอย่างไร?

แล้วผมจะควบคุมอารมณ์ความรู้สึกในตัวผมอย่างไร?

ทำอย่างไรที่ผมจะปกป้องตนเองไม่กล่าวร้ายทำชั่วที่ทำให้คนใกล้ชิด หรือ คนที่ตนรักต้องเจ็บช้ำน้ำใจได้?

ผมเชื่อว่ามิใช่คำถามในจิตใจของผมเท่านั้น   แต่คงมีในจิตใจของคนหลายๆ คนด้วยเช่นกัน

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ

  1. ผมเชื่อว่าท่านเคยโกรธและความโกรธมักตามมาด้วยการพูดการกระทำที่ผิดบาป   แต่ท่านเคยมีประสบการณ์ที่โกรธเพื่อให้เกิดความชอบธรรมถูกต้องบ้างหรือไม่?  (ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย)
  2. เราจะรู้ได้อย่างไรว่า   เมื่อใด ที่ความโกรธของเราถูกกระตุ้นโดยอำนาจแห่งความบาป   และโกรธเวลาใดที่ได้รับการกระตุ้นให้กระทำในสิ่งที่ดีถูกต้อง?


ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น