ความสุขมีแก่ผู้ที่โศกเศร้า
เพราะเขาจะได้รับการปลอบประโลม
(การหนุนใจ) (อมต.)
อะไรที่ไม่ใช่ความหมายในพระธรรมตอนนี้
ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการที่มีอารมณ์ไม่ดีเป็นเนื่องนิจ ร้องไห้ตลอดเวลา ในที่นี้พระเยซูไม่ได้หมายถึงคนที่หดหู่
โศกเศร้า มีแต่ความทุกข์ใจ หรือบ่นพึมพำ
ความโศกเศร้าในที่นี้ไม่ได้เกิดจากการสงสารตนเอง หรือเป็นคนที่ร้องห่มร้องไห้เพราะความไม่พอใจหรือไม่ถูกใจในการทำงาน รูปร่างหน้าตาของตน หรือหลายๆ เรื่องในชีวิต
ความโศกเศร้าในที่นี้ไม่ได้เกิดจากผลการสูญเสียสิ่งภายนอก ไม่ว่าจะเป็นวัตถุสิ่งของ หรือ
ความสัมพันธ์ทั่วไป
ไม่ใช่ความโศกเศร้าที่เกิดจากไม่ได้สิ่งที่อยากได้ใคร่มีตามที่ปรารถนา หรือไม่ใช่ทำทีโศกเศร้าเพื่อให้คนอื่นเห็นว่าตนเป็นคนเคร่งครัด เช่นที่พระเยซูคริสต์กล่าวเตือนในมัทธิว 6:16
“เมื่อท่านทั้งหลายถืออดอาหาร
อย่าทำหน้าเศร้าหมองเหมือนพวกคนหน้าซื่อใจคด
เพราะพวกเขาทำหน้าให้มอมแมม เพื่อจะให้คนเห็นว่าเขาถืออดอาหาร...”
ความโศกเศร้าในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความสิ้นหวังสิ้นคิด
เช่น ยูดาส อิสการิโอท ที่รู้ถึงความผิดบาปของตนเอง เกิดความเสียใจ ยอมรับสิ่งที่กระทำผิด เอาเงินไปคืน แต่เขาไม่ได้ “โศกเศร้า”
อย่างที่พระเยซูคริสต์หมายถึงตามพระธรรมตอนนี้ นี่เป็นความแตกต่างระหว่าง “ความสิ้นหวัง” กับ
“ความโศกเศร้า” ในจิตวิญญาณ เพราะ
“ความสิ้นหวัง” ของยูดาสเกิดจากการที่เขามองที่ตัวเขาเอง แต่มิได้มุ่งมองที่พระคริสต์ ผลที่ตามมาก็คือการฆ่าตัวตาย
นี่คือความหมายที่พระคริสต์กล่าวถึง
การโศกเศร้าในที่นี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องต่อเนื่องจากการที่สำนึกว่าตนขัดสนฝ่ายจิตวิญญาณ เป็นความโศกเศร้าที่เกิดจากการที่คนๆ นั้นสำนึกว่าตนล้มละลายในด้านจิตวิญญาณ
เสียใจที่ตนเป็นเช่นนั้นทำให้เกิดความโศกเศร้า
ยอมรับถึงความผิดบาปเสียหายที่เกิดขึ้นในชีวิต และสำนึกในความผิดพลาดของตน และในที่นี้รู้สึกเจ็บปวดต่อการผิดบาปและตกลงในสภาพชีวิตที่ล้มละลายด้านจิตวิญญาณดังกล่าว เขาจึงโศกเศร้าด้วยการสารภาพในความบาปผิด
เป็นความโศกเศร้าที่คร่ำครวญแสวงหาการทรงช่วยจากเบื้องบน (เพราะตนไม่สามารถพึ่งตนเองหรือช่วยตนเองได้) อย่างที่เปาโลกล่าวใน โรม 7:24 ที่ว่า “โอย
ข้าพเจ้าเป็นคนน่าสมเพชอะไรเช่นนี้? ใครจะช่วยให้พ้นจากร่างกายแห่งความตายนี้" เป็นความโศกเศร้าถึงความบาปผิดของตนที่ชัดเจน
เขาเป็นเหมือนผู้ป่วยที่บอกถึงอาการเจ็บป่วย หรือการเจ็บปวดอย่างเฉพาะเจาะจง ว่าตนกำลังเจ็บในส่วนใดของร่างกาย และ
ชีวิต
นี่เป็นการโศกเศร้าในจิตวิญญาณของเราที่แสวงหารับการเยียวยารักษาจิตวิญญาณของตน
เป็นความโศกเศร้าที่ติดตามด้วยการหันกลับมาแสวงหาพระพักตร์ของพระเจ้า ดัง โยเอล 12:12-13
กล่าวไว้ว่า “12พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
“ถึงกระนั้นก็ดีบัดนี้
พวกเจ้าจงกลับมาหาเราด้วยสุดใจด้วยการอดอาหาร การร้องไห้
และการโอดครวญ 13 จงฉีกใจของพวกเจ้า
ไม่ใช่ฉีกเสื้อของเจ้า”จงกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านเพราะว่าพระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระคุณและพระกรุณา...”
(มตฐ.)
การโศกเศร้าในที่นี้ยังมีความหมายรวมถึงความโศกเศร้าที่เกิดจากความบาปผิดของคนอื่นด้วย เมื่อคริสตชนอ่านพระธรรมมัทธิวบทที่ 23 เรามักตอกย้ำถึงวิบัติที่เกิดขึ้นแก่คนอื่นที่พระเยซูคริสต์กล่าวถึง แล้วก็ “สะใจ” หยุดเพียงแค่นั้น
แต่เรากลับละเลยที่จะพิจารณาและทำอย่างพระเยซูคริสต์ในตอนสุดท้ายของบทนี้ พระองค์ทรงคร่ำครวญถึงความบาปผิดมากมายที่ผู้นำศาสนาและคนทั้งหลายกระทำ และพระองค์มีใจต้องการให้พวกเขาได้เข้ามาอยู่ภายใต้การปกป้องคุ้มครองของพระองค์ แต่พวกเขากลับไม่ยอม และสิ่งเหล่านี้ที่ทำให้พระองค์โศกเศร้าในสดุดี
119:136 เขียนไว้ว่า “น้ำตาของข้าพระองค์ไหลพรั่งพรูเพราะคนไม่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระองค์”
ยากอบ 4:9-10 เขียนไว้ว่า “จงเป็นทุกข์ โศกเศร้า และร้องไห้
ให้เสียงหัวเราะของพวกท่านกลายเป็นความโศกเศร้า
และความชื่นชมยินดีกลายเป็นความเศร้าสลด
พวกท่านจงถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
แล้วพระองค์จะทรงยกชูท่าน” พระธรรมตอนนี้ไม่ได้ต่อต้านความชื่นชมยินดี หรือมิได้นิยมความโศกเศร้า บริบทในยากอบบทที่ 4
กำลังกล่าวถึงผู้คนที่ปรารถนาความชั่วภายในชีวิตของเขา ไม่แยแสไม่สนใจต่อความบาปผิด เพราะคนพวกนี้ “ทำตัวเป็นมิตรกับโลก แต่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า”
และผู้เขียนเรียกร้องให้คนเหล่านั้นกลับใจอย่างจริงใจ
ด้วยความโศกเศร้าจากภายในของชีวิตเนื่องจากความบาปผิดและการล้มละลายในจิตวิญญาณของเรา จึงทำให้เราได้รับการปลอบประโลม จากผ้ากระสอบแห่งการไว้ทุกข์เขาจะได้รับชุดสวมใส่ใหม่แห่งการสรรเสริญ ที่เราได้ประสบการณ์เช่นนี้เพราะพระคริสต์ได้ทรงปลดอำนาจของความบาปชั่วอันหนักอึ้งที่กดทับชีวิตจิตวิญญาณของเราออก ชีวิตจึงได้รับความเป็นไท แล้วทรงเปลี่ยนแปลง และยกชูชีวิตของเราขึ้นใหม่จากพระองค์
นี่คือพระพรจากพระเจ้า นี่คือความสุขที่มาจากการได้รับ “การยกโทษ” จากพระเจ้า ได้รับการเยียวยารักษา ชีวิตที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้า และ รับการทรงสร้างใหม่จากพระองค์ นี่ไม่ใช่เป็นพระพร และ
ความสุขในชีวิตของเราเท่านั้น
แต่จะก่อเกิดความสุขและพระพรกระทบต่อสังคมชุมชนอีกด้วย
เพราะเมื่อชีวิตภายในของเราได้รับการเปลี่ยนแปลงและสร้างใหม่จากพระคริสต์
เราถึงจะมีพลังชีวิตที่สามารถจะสร้างการปรองดองคืนดี และ
นำสันติสุขมายังสังคมชุมชนต่อไป
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น