ณ
วันนี้ผู้นำคงจะต้องถามตนเองว่า...
ในฐานะผู้นำ เรามุ่งเน้นที่ความสนใจของเพื่อนร่วมงาน หรือ
ความสนใจของเราเอง?
เราได้ทำอะไรบ้างไหมสำหรับเพื่อนร่วมทีมของเรา ที่เขาไม่สามารถที่จะทำได้ด้วยตัวเขาเอง?
เมื่อเราเริ่มทำงานใหม่ๆ
คนทำงานมือใหม่มักสนใจถึงความก้าวหน้าในงานที่ตนทำ
เรามักถามว่า “ใครจะช่วยในสิ่งที่ฉันทำบ้าง?”
ตอนนั้น
เราใช้เวลามากมายที่จะทำให้เพื่อนรอบตัวสนใจในความคิดและความสามารถของเรา
แล้วมักจบลงด้วยพยายามแสดงให้คนอื่นเห็นถึงความสำเร็จของตน และแสดงออกถึงความรู้ที่เรามี
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง
เราพยายามให้คนอื่นชื่นชมประทับใจในสิ่งที่เรารู้เราสำเร็จ
แต่เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นในการทำงาน
เราเริ่มเรียนรู้เข้าใจว่าเราจะต้องมุ่งเน้นสนใจในความก้าวหน้าของคนอื่นรอบข้าง เราก็จะถามว่า “ผมจะมีส่วนช่วยอะไรบ้างในงานของคุณ?” แทนการทำให้คนอื่นประทับใจในความสำเร็จของเรา แต่เราเริ่มแสดงความสนใจและประทับใจในคนอื่น
เป้าหมายของเราก็เพื่อแสดงออกถึงสองประการที่สำคัญคือ (1) เราสนใจ
ใส่ใจในตัวเพื่อนร่วมงาน และ (2)
เราต้องการที่จะช่วยเพื่อนร่วมงานแต่ละคน
การแสดงออกที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งคือ เราสนใจในสิ่งที่ทีมงานไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง
มิเพียงแต่เป็นการเสริมเพิ่มพลังคนอื่นเท่านั้น แต่เป็นการนำความสำเร็จมาสู่คนอื่นด้วย ดั่งที่ จอห์น บันยัน (John Bunyan) เคยกล่าวไว้ว่า
“คุณยังไม่มีชีวิตที่มีค่าในวันนี้จนกว่าคุณได้ทำบางสิ่งบางอย่างแก่ใครบางคนที่ไม่สามารถตอบแทนสิ่งดีที่คุณทำแก่เขา”
เราเจตนาที่จะสร้างสิ่งแตกต่างขึ้นในชีวิตของคนอื่น
แล้วชีวิตของเราก็จะมีคุณค่าและความหมายมากยิ่งขึ้นเมื่อเราทำเช่นนั้น
การที่เราทำแก่เพื่อนร่วมงาน ในสิ่งที่เขาไม่สามารถทำเองนั้นคืออะไรบ้าง?
(1) แนะนำเขาให้รู้จักกับคนที่เขาไม่สามารถที่จะรู้จักหรือเข้าถึงได้
ในฐานะที่เราเป็นผู้นำ เรารู้จักมักคุ้นกับคนมากมาย มีเครือข่ายกับคนที่เราทำงานด้วยกัน
ทางหนึ่งที่ผู้นำควรเปิดทางสำหรับคนทำงานรอบข้างคือ การเชื่อมประสานให้เขาได้รู้จักกับผู้คนที่เขาควรจะรู้จัก และ ที่น่าจะเป็นประโยชน์แก่เขาเช่น รู้จักกับคนที่เป็นพี่เลี้ยง โค้ช
หรือ หุ้นส่วนในธุรกิจ
หรือคนที่มีความสามารถโดดเด่นที่เพื่อนร่วมงานคนนั้นต้องการเรียนรู้และพัฒนา
(2) นำเขาไปที่ที่เขาไม่สามารถไปด้วยตัวเขาเอง
ในสถานที่สำคัญๆ บางแห่ง เปิดรับเฉพาะคนบางคนบางกลุ่มที่จะเข้าไปร่วม เรียนรู้
หรือมีประสบการณ์ ทำให้เพื่อนร่วมงานหลายคนไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปดู มีประสบการณ์
หรือเรียนรู้
แต่ในฐานะผู้นำท่านสามารถที่จะประสานหาช่องทางให้เพื่อนร่วมงานของท่านมีโอกาสเข้าไปสัมผัส มีประสบการณ์ และเรียนรู้ในพื้นที่เฉพาะจำกัดดังกล่าว
ผู้นำที่ดี
เป็นผู้นำเพื่อนร่วมงานเข้าไปพบเห็น เรียนรู้ในที่ที่เขาเข้าไม่ถึง ในที่นี้อาจจะรวมไปถึงแหล่งทุน หรือ
การหาทางสะสมกองทุนเพื่อให้เพื่อนร่วมงานในทีมได้มีโอกาสเข้าร่วมในการสัมมนา การอบรมพิเศษ
ที่โดยปกติเขาไม่มีโอกาสเข้าไปร่วมเรียนรู้ได้
(3) เสนอโอกาสที่เขาไม่สามารถจะมีได้ด้วยตนเอง
ผู้นำที่ดีคือคนที่สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมงานรอบข้างสามารถเข้าถึงโอกาสดังกล่าว ในที่นี้ยังหมายรวมถึงการให้โอกาสใช้อำนาจแก่เพื่อนร่วมงาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นอำนาจที่ผู้นำมีแต่คนอื่นในทีมไม่มี เช่น อำนาจในการตัดสินใจที่มากับตำแหน่ง อำนาจในการดำเนินงาน และการจัดสรรแบ่งปันทรัพยากร-วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงาน แทนที่จะหวงเก็บงำอำนาจเหล่านี้ไว้เป็นของตนผู้เดียว แต่ในฐานะผู้นำเราสามารถที่จะแบ่งสันปันส่วนให้คนอื่นๆ
ได้ร่วมในการตัดสินใจด้วย
ให้เพื่อนร่วมงานในทีมมีโอกาสในการนำการประชุมบ้าง หรือให้เพื่อนร่วมงานมีบทบาทในกระบวนการคิดจัดทำงบประมาณด้วย
(4) แบ่งปันความคิดของเราที่เขายังไม่มีหรือคิดไม่ถึง
ผู้นำมือใหม่ไม่สามารถเรียนรู้ทุกเรื่องจากตำรา
ในเมื่อเขายังไม่มีประสบการณ์ในหลายเรื่อง เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้นำมือใหม่จะหยิบยืมเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้นำที่คร่ำหวอด
ในฐานะผู้นำสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่งที่เราสามารถแบ่งปันให้แก่ผู้นำมือใหม่ของเราคือ องค์ความรู้ และ สติปัญญาที่เราได้รับจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเรา
ผู้นำที่แท้จริงคือผู้นำที่เสริมเพิ่มให้เพื่อนร่วมงานมีภาวะผู้นำที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แล้วทีมงานของท่านจะกลายเป็นทีมงานที่แกร่งและทรงประสิทธิภาพ
และท่านจะเดินอยู่บนเส้นทางผู้นำที่ทรงอิทธิพลและสร้างประสิทธิผล
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น