แท้จริงแล้ว
ทุกครั้งที่เราประสบความล้มเหลว
เราควรดีใจ
เพราะความล้มเหลวให้โอกาสที่เราจะลองใหม่อีกครั้งหนึ่ง!
หลายคนเกิดคำถามในใจว่า ทำไมถึงคิดเช่นนั้น?
มีเหตุผล 3 ประการที่คิดเช่นนี้ครับ
ประการแรก
การล้มเหลวช่วยให้เรารู้ว่า เราจะต้องสำเร็จ!
ผู้คนมากมายที่คิดผิดว่า
เพราะครั้งนี้ล้มเหลวเลยทำให้เราต้องทำต่อไป หรือ
ถ้าเราล้มเหลวแสดงว่าเราจะไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องนั้น
ผมว่า...คิดผิดหรือเปล่า?
เมื่อเราพยายามที่จะทำบางสิ่งบางอย่างให้สำเร็จ ความล้มเหลวคือสิ่งดีแท้ที่สามารถเกิดกับเราได้
นี่ไม่ใช่ตีฝีปาก แต่หมายถึงเช่นนั้นจริงๆ ครับ!
เรารู้แน่แก่ใจว่า
หลอดไฟฟ้าไม่ได้ประสบความสำเร็จจากการทดลองครั้งแรก
ความจริงก็คือว่า โธมัส เอดิสัน ใช้เวลาทดลองเป็นพันครั้ง กว่าจะได้หลอดไฟฟ้าที่ให้แสงสว่างที่เรานำมาใช้ประโยชน์ได้
แล้วโทรศัพท์ หรือ
ล้อที่ใช้ให้ขับเคลื่อนไปล่ะ?
แน่นอนเช่นเดียวกันครับ
ต้องใช้เวลาในการทดลองครั้งแล้วครั้งเล่า
นักประดิษฐ์คิดค้นคนแล้วคนเล่ากว่าที่จะประสบความสำเร็จ
แต่ประเด็นหลักคือ... เราต้องล้มเหลวเพื่อที่จะรู้ว่าเราจะสำเร็จได้อย่างไร?
ดูตัวอย่างจากชีวิตจริง... ว่าเด็กน้อยเรียนรู้ว่าจะเดินได้อย่างไร
แม้ว่าในช่วงหัดเดิน เด็กน้อนคนนั้นต้องล้มลุกคลุกคลาน ร้องไห้
เจ็บตัว โมโห ฉุนเฉียว เพราะต้องล้มต้องสะดุด แต่ทุกครั้งที่เด็กน้อยคนนั้นล้มลงด้วยสาเหตุใดก็ตาม เด็กน้อยจะลุกขึ้นอีก แล้วพยายามเดินใหม่อีกครั้งหนึ่ง อีกครั้งหนึ่ง และ อีกครั้งหนึ่ง
โดยสัญชาตญาณที่พระเจ้าทรงประทานให้มีในตัวเด็กน้อยนั้น
ได้สอนเขาว่าเขาจะเดินไปได้อย่างมั่นคงสมบูรณ์ได้อย่างไร โดยการเรียนรู้จากความผิดพลาดและความล้มเหลวในการเดินของเขาที่ผ่านมา
เด็กน้อยเรียนรู้จากการลองผิดลองถูก!
พระเจ้าประทานสัญชาตญาณแห่งการเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิต
แม้จะเป็นประสบการณ์แห่งความผิดพลาดล้มเหลวในชีวิตก็ตาม
พระเจ้าประทานโอกาสที่เราจะเรียนรู้จากความผิดพลาด พระองค์ให้โอกาสที่เราจะลองผิดเพื่อได้เรียนรู้สิ่งที่ถูก
ความล้มเหลวจึงเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการที่นำสู่ความสำเร็จ!
ความล้มเหลวของเราเปิดตา
เปิดใจ และ
เปิดประตูแห่งโอกาสเพื่อเราจะได้ค้นหาอีกครั้งหนึ่งว่า
อะไรคือเป้าหมายปลายทางที่แท้จริงในชีวิตของเรา
ประการที่สอง ความล้มเหลวช่วยเราให้ค้นหาว่า
แท้จริงเราต้องการทำอะไรแน่
แน่นอนครับ
คนที่เข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษาด้วยตั้งใจที่จะได้รับปริญญาบัตรสักใบเพื่อเป็นใบเบิกทางในการทำงาน เมื่อเขาเข้าไปเรียน เขาพบกับทั้งวิชาที่เขาเรียนได้สำเร็จ หรือ ประสบความล้มเหลว แต่ประสบการณ์ทั้งสองด้านในการศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาทำให้เขาค้นพบตนเองว่า ตนเองมีความสนใจ และ เหมาะสม
ในอาชีพการงานอะไร
และอาจจะทำให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพการงานที่เขาเคยตั้งใจไว้ก่อนเข้าเรียนก็ได้
ผมคิดถึงนักศึกษาหญิงคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนเพื่อจะมีอาชีพเป็นพยาบาล แต่เมื่อเรียนๆ ไประยะหนึ่งเธอพบว่า เธอมีความสุขในการสอน เมื่อเธอกลับมาพิจารณาใคร่ครวญดู เธอพบว่า
ที่เธอตั้งใจมาเรียนพยาบาลก็เพราะเธอต้องการช่วยผู้คนได้พัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาพของตน เมื่อเรียนไปเธอพบว่า
แท้จริงแล้วเธอไม่ได้ต้องการที่จะเป็นพยาบาล
แต่ต้องการที่จะสอนและช่วยให้ผู้คนดูแล และ
เสริมสร้างคุณภาพชีวิตและสุขภาพของตน
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผิดพลาด! เธอไม่ได้ตัดสินใจผิด!
ตราบใดที่เราสามารถเรียนรู้จากสิ่งที่
“ผิดพลาด” ของเราเอง
สิ่งนั้นจึงไม่ใช่สิ่งที่ผิดพลาดต่อไป
แต่นั่นเป็นโอกาสสำหรับความสำเร็จ!
เป็นก้าวหนึ่งที่นำสู่ความสำเร็จ!
มีบางสิ่งบางอย่างที่เราเรียนรู้จากแต่ละสถานการณ์และในทุกสถานการณ์
และเมื่อเราเข้าใจและเรียนรู้จากสถานการณ์นั้น ก็จะเสริมหนุนให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น
นี่เป็นพระคุณแห่งการทรงสร้างของพระเจ้าในชีวิตของเราแต่ละคนมิใช่หรือ?
ประการที่สาม
ความล้มเหลวสร้างเสริมให้เราเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้น
ลองจินตนาการดูครับว่าชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร
ถ้าทุกสิ่งที่เราทำสำเร็จสมประสงค์ตามความตั้งใจของเรา
แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของเราต้องพบกับ...ความล้มเหลว...เราจะเป็นอย่างไร?
วันนั้น เราคงรู้สึกว่าเราล้มเหลวอย่างเลวร้าย คงทำให้เรารู้สึกว่าเราสูญเสียทุกอย่างในชีวิต
แล้ววันนั้น เราจะรับมือกับความล้มเหลวนั้นอย่างไร
ในเมื่อเราไม่เคยประสบพบเจอกับความล้มเหลว และไม่เคยมีประสบการณ์ที่จะเอาชนะอุปสรรคในชีวิตเลยมาก่อน?
ความล้มเหลวเปิดประตูชีวิตให้เราเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้น!
เพราะในความล้มเหลวเราสามารถโน้มตัวไปข้างหน้าได้...เพื่อหาทางออก
ในเมื่อเรารู้แล้วว่า ความล้มเหลวคือประตูแห่งความสำเร็จ
ความล้มเหลวเป็นโอกาสที่จะนำไปสู่ความความสำเร็จ
และนี่คือ พระคุณของพระเจ้าที่มีในทุกสถานการณ์ชีวิตประจำวันของเรา
นอกจากพระคุณของพระเจ้าที่พระองค์อดทนต่อความดื้อรั้นของเราแล้ว
เรายังได้รับพระคุณของพระเจ้าที่ให้โอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง
เป็นพระคุณที่พระองค์ช่วยให้เราได้เกิดการเรียนรู้ชีวิต
และ เข้าใจในพระประสงค์มากยิ่งขึ้น
และยังเป็นพระคุณของพระเจ้าที่ทรงเสริมสร้างความแข็งแกร่งในชีวิตของเรา
กษัตริย์ดาวิดได้กล่าวถึงเรื่องนี้จากประสบการณ์ชีวิตของท่านเองในสดุดี
103:1-5, 8-10 ว่า
1 จิตใจของข้าเอ๋ย
จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
และทั้งสิ้นที่อยู่ภายในข้า
จงถวายสาธุการแด่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์
2 จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
และอย่าลืมพระราชกิจอันมีพระคุณทั้งสิ้นของพระองค์
3 ผู้ทรงอภัยความชั่วทั้งสิ้นของเจ้า
ผู้ทรงรักษาโรคทั้งสิ้นของเจ้า
4 ผู้ทรงไถ่ชีวิตของเจ้ามาจากหลุมมรณะ
ผู้ทรงสวมความรักมั่นคงและพระกรุณาให้เจ้า
5 ผู้ทรงให้เจ้าอิ่มด้วยของดี ตลอดชีวิตของเจ้า
วัยหนุ่มของเจ้าจึงกลับคืนมาใหม่อย่างวัยนกอินทรี
....
8 พระยาห์เวห์ทรงพระกรุณาและมีพระคุณ
กริ้วช้าและอุดมด้วยความรักมั่นคง
9 พระองค์จะไม่ทรงตำหนิเสมอ
หรือทรงเก็บความกริ้วไว้เป็นนิตย์
10 พระองค์มิได้ทรงทำแก่เราตามบาปของเรา
และมิได้ทรงตอบสนองเราตามความชั่วของเรา
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ปล. วันนี้ต้องไม่ลืมอ่าน 2โครินธ์ 12:9-10 นะครับ
9
แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้วว่า
“การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า
เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน
ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น” เพราะฉะนั้น
ข้าพเจ้าจะอวดบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้ามากขึ้นด้วยความยินดีอย่างยิ่ง
เพื่อว่าฤทธานุภาพของพระคริสต์จะอยู่ในข้าพเจ้า
10
เพราะเหตุนี้
เพื่อเห็นแก่พระคริสต์
ข้าพเจ้าจึงพอใจในบรรดาความอ่อนแอ
ในการถูกเยาะเย้ยต่างๆ
ในความลำบาก
ในการถูกข่มเหง ในเหตุวิบัติต่างๆ
เพราะว่าข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด
ข้าพเจ้าก็จะเข้มแข็งมากเมื่อนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น