ในตอนที่ก่อนหน้านี้ เราเรียนรู้ถึงคำวิงวอนจากเปาโลให้เรามีชีวิตตามการทรงเรียกของพระคริสต์ ให้เป็นคนที่มีความถ่อมใจ สุภาพอ่อนโยน(เสมอ) อดทน และ อดกลั้นด้วยความรัก
รักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ และ
ให้เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่นำมาซึ่งครอบครัวที่มีสันติภาพ (เอเฟซัส 4:1-3)
การที่เรายอมมีชีวิตตามการทรงเรียกของพระคริสต์ดังกล่าวข้างต้น
นอกจากที่จะทำให้เรามีครอบครัวที่อยู่ร่วมกันด้วยความรัก เอื้ออาทร และด้วยความสงบสุขแล้ว ยังเป็นการขัดเกลาชีวิตของแต่ละคนในครอบครัวให้มีชีวิตตามการทรงเรียกของพระคริสต์อีกด้วย
ในตอนนี้
พระเจ้าทรงเรียกให้เรามีชีวิตเป็นเหมือนพระคริสต์ในครอบครัว
เมื่อผมมีโอกาสพูดคุยกับคนที่มาจากครอบครัวที่กำลังมีความขัดแย้ง ผมมักได้ยินได้ฟังว่า...
“ถ้าเพียงเขามีการปรับเปลี่ยน...”
หรือ “แค่เธอยอมเปลี่ยน...”
“ผมบอกเธอตั้งแต่แรกแล้วว่า... แต่เธอไม่เชื่อ”
“โอ้ย...คุณไม่สามารถสอนเทคนิคใหม่ให้กับ...(สุนัข)..แก่หรอก”
“พวกเขาคิดมากไปเอง เรื่องมันไม่สำคัญปานนั้นหรอก เขาน่าจะ....”
“มันไม่ใช่ปัญหาของผมนะ เป็นปัญหาของพวกเขาต่างหาก ผมไม่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไร”
พระเจ้าทรงรักเราแต่ละคนตามสภาพชีวิตที่เราเป็น
และแนวทางหนึ่งที่พระองค์สำแดงความรักของพระองค์แก่เราคือพระองค์ไม่ได้ปล่อยให้ชีวิตเราเป็นอย่างที่เป็นอยู่ พระเจ้ายอมรับเราอย่างที่เราเป็นเพื่อที่จะทรงช่วยเปลี่ยนแปลงเรา เพื่อสร้างให้เราเป็นคนอย่างที่พระองค์ประสงค์ให้เราเป็น
เมื่อใครก็ตามยอมมอบและอุทิศชีวิตของตนแด่พระคริสต์และยอมที่จะติดตามพระองค์ไป พระองค์ประทานของประทานที่ยิ่งใหญ่แก่ชีวิตคน ๆ
นั้นคือ ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าให้สถิตในชีวิตประจำวันของผู้นั้น
เพื่อทรงกระทำพระราชกิจแห่งการเปลี่ยนแปลงและสร้างชีวิตคนนั้นขึ้นใหม่
อัครทูตเปาโลได้กล่าวถึงบางสิ่งบางอย่างที่เป็นผลจากการที่พระวิญญาณสถิตในชีวิตของเรา ในกาลาเทีย 5:22-23 ลักษณะชีวิตที่เป็นของประทานหรือเป็นคุณภาพชีวิตคริสตชนดังกล่าว
มิใช่คุณภาพชีวิตที่เกิดจากความพยายามปฏิบัติหรือกระทำเช่นนั้นด้วยตนเองของคริสตชนแต่ละคน แต่เป็นคุณภาพชีวิตคริสตชนที่เกิดขึ้นเพราะพระวิญญาณที่สถิตในชีวิตของคนนั้นทรงกระทำและสร้างคุณภาพชีวิตเหล่านี้ให้เกิดขึ้นในชีวิตของเขา หรือกล่าวตรงไปตรงมาว่า เราไม่สามารถที่จะมีคุณภาพชีวิตดังกล่าวด้วยความพยายามและความสามารถของเราเอง
การเป็นคริสตชนมิใช่การมีชีวิตที่เราพยายามทำตนเป็นคนดี
แต่เป็นชีวิตที่เรารู้เท่าทันและตระหนักชัดว่าชีวิตของเรามีความบกพร่องผิดพลาด
และเราไม่สามารถที่จะเป็นคนดีได้ด้วยตัวของเราเอง แต่เมื่อเรายอมรับความจริงในชีวิต
และขอให้พระวิญญาณของพระเจ้าเข้ามาสถิตและทำงานในชีวิตของเรา
พระเจ้าจะทรงเริ่มเปลี่ยนแปลงและเสริมสร้างเราขึ้นใหม่ตามพระประสงค์ กระบวนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคริสตชนเรียกว่า
การทรงชำระให้บริสุทธิ์จากพระเจ้า
ชีวิตที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงและสร้างใหม่จากพระวิญญาณ
จะมีคุณภาพชีวิตที่เป็นผลจากการทรงกระทำพระราชกิจของพระวิญญาณในชีวิตประจำวันของเรา
...ผลของพระวิญญาณนั้นคือ...
ความรัก
ความยินดี
สันติสุข
ความอดทน
ความกรุณา
ความดี
ความสุภาพอ่อนโยน
การรู้จักบังคับตน
ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ
(กาลาเทีย 5:22-24 มตฐ.)
เราไม่สามารถที่จะจัดการกระบวนการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราด้วยกำลังความสามารถของเราเองได้
แต่เราสามารถที่จะเลือกว่าจะต่อต้านกระบวนการเปลี่ยนแปลงและสร้างชีวิตใหม่จากพระเจ้า หรือเราจะยอมรับกระบวนการดังกล่าว
การตัดสินใจเช่นนี้เป็นความรับผิดชอบของเราแต่ละคน เพื่อตอบรับการทรงเปลี่ยนแปลงและเสริมสร้างชีวิตของเราขึ้นใหม่
แล้วดำเนินชีวิตด้วยการฟังเสียงการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อเราจะมีชีวิตที่ดีขึ้นในครอบครัวของเรา
แม้เรายังอยู่ในครอบครัวที่มีความขัดแย้งนั้นก็ตาม
ถ้าแต่ละคนในครอบครัวยอมเปิดชีวิตรับพระวิญญาณของพระเจ้า เพื่อรับการทรงเปลี่ยนแปลงพลิกฟื้นชีวิตของเราขึ้นใหม่ให้มีคุณภาพชีวิตตามผลของพระวิญญาณข้างต้น
ท่ามกลางความขัดแย้งในครอบครัวก็จะได้รับการขัดเกลาและเสริมสร้างพลิกฟื้นใหม่ให้มีชีวิตตามผลของพระวิญญาณตามแบบอย่างของพระคริสต์
วันนี้
เราพร้อมที่จะเปิดชีวิตของเราให้พระวิญญาณของพระเจ้าเข้ามาเปลี่ยนแปลงพลิกฟื้นชีวิตของเราตามพระประสงค์หรือไม่? หรือ เรายังคาดคิดว่า
เราสามารถที่จะทำความดีได้ด้วยตัวของเราเอง? เราต้องการมีชีวิตที่เป็นคนดีอย่างที่เราปรารถนา?
หรือเรายอมให้ชีวิตของเรารับการขัดเกลาให้มีชีวิตที่เป็นเหมือนพระคริสต์?
นั่นเป็นสิ่งที่เราแต่ละคนต้องตัดสินใจครับ
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น