24 กันยายน 2557

หนี้มาจากไหน?

ทุกวันนี้การเป็นหนี้สามารถเห็นได้อย่างดกดื่นมากมาย   โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หนี้ที่ไม่ควรจะเป็น”  ถ้าเราค่อย ๆ ย้อนรอยสาวลึกถึงรากเหง้าของการเป็นหนี้   เราจะพบว่า “หนี้” เป็นเรื่องของ “จิตใจ” (ความคิด  ความรู้สึกและการตัดสินใจ)   บางคนเคยสรุปว่า หนี้เกิดขึ้นจากเหตุผลทางด้านจิตวิทยาและอารมณ์

แต่ผมเห็นว่า “หนี้” เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ  เพราะเป็นเรื่องของ “ความเชื่อ” (ที่เราไม่รู้เท่าทันว่านั่นเป็นเรื่องความเชื่อ)   และเป็นเรื่องของการหลอกล่อ และ เรื่องของการทดลองและสงครามทางจิตวิญญาณด้วย

อิทธิพลของการโฆษณาชวนเชื่อและกลยุทธทางการตลาด

ด้วยเหตุนี้จึงมีการพัฒนาและใช้กลยุทธทาง “การโฆษณาชวนเชื่อ” และ “การตลาดที่กระตุ้นให้อยากและโลภ”   ซึ่งเราจะพบข้อมูลความจริงว่า  บริษัทขายสินค้าชั้นนำหลายแห่งที่ทุ่มงบโฆษณาอย่างมหาศาลที่จะโน้มน้าวผู้คนให้ตัดสินใจซื้อสินค้าของตน   ยิ่งเป็นสินค้าที่ไม่ใช่ความจำเป็นยิ่งต้องทุ่มการโฆษณา และการวางกลยุทธในการโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อทำ “สงครามเย็นทางจิตใจ” ของผู้คน   เพื่อจะเอาชนะให้คนตัดสินใจซื้อในสิ่งที่ไม่จำเป็นจะต้องมีต้องใช้  และการตัดสินใจซื้อ “สินค้าราคาแพง” ที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องเสียเงินมาก ๆ เช่นนั้น   และบ่อยครั้งที่ต้องโฆษณายั่วยุจนบางคนตัดสินใจซื้อสินค้าด้วยการใช้เงินล่วงหน้า (ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีเงินจำนวนนั้น)  ในกรณีนี้จึงเป็นการสร้างหนี้อย่างชัดแจ้ง!

หนี้จึงเป็นสิ่งที่เป็นผลจาก “จิตใจ และ จิตวิญญาณของเรา” ว่า   เราจะรู้เท่าทันความคิด ความรู้สึก และ การตัดสินใจของเราในการจับจ่ายใช้สอยเงินทองมากน้อยแค่ไหน?

อิทธิพลของเพื่อนฝูงสังคมต่อระบบคุณค่าในตัวเรา

บ่อยครั้งอิทธิพลของกระแสวัตถุนิยมในสังคมที่มาจากกลุ่มเพื่อนที่อยู่รอบข้างชีวิตเรา   ไม่ว่าในที่ทำงาน  ในคริสตจักร  หรือ บ้านใกล้เรือนเคียง   ตลอดจนกลุ่มเพื่อนฝูงใกล้ชิดที่มีอิทธิพลต่อความคิด ความรู้สึก และการตัดสินใจของเราว่า  การครอบครองอะไรบ้างที่ทำให้เรามีความสำคัญและคุณค่า   เราจะต้องต่อสู้กับสงครามเย็นในทางจิตใจในเรื่องระบบคุณค่า  จากอิทธิพลของกระแสวัตถุนิยมที่มุ่งมีอำนาจเหนือกรอบคิด กรอบเชื่อระบบคุณค่าและความหมายในจิตใจของเรา   และนี่ก็เป็นอีกประการหนึ่งที่ชี้ชัดว่า “หนี้” เป็นเรื่องของจิตวิญญาณของเราแต่ละคนด้วย

ต้นเหตุของความรู้สึกถึงความสำคัญและความมีคุณค่าในตนเองเพราะการที่ได้ครอบครองสิ่งของเหล่านั้น   มิได้อยู่ในตัวของวัตถุสิ่งของ   แต่อยู่ที่ “จิตใจ” ของเราที่จะให้คุณค่าและความสำคัญของเราไปขึ้นอยู่กับอะไรบางอย่างต่างหาก   แล้วนำสู่การตัดสินใจซื้อสิ่งเหล่านั้นทั้ง ๆ ที่อาจจะไม่จำเป็นต้องมีเลย   หรือทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีเงินที่จะซื้อในสิ่งนั้น  จนต้องใช้เงินล่วงหน้า   และนี่คือที่มาของการเป็นหนี้

หนี้จึงมาจากจิตใจ และ จิตวิญญาณของเรา  ที่เราแต่ละคนจะต้องคิด การรู้เท่าทันความรู้สึกของตน   ที่นำสู่การตัดสินใจแล้วลงมือปฏิบัติของเราว่าจะสร้างหนี้หรือไม่ต่างหาก

อิทธิพลจากความคิดเรื่องรางวัลสำหรับชีวิต

ท่านเคยซื้อสิ่งของบางอย่างเพื่อเป็นการให้รางวัลแก่ตนเอง  เพราะตนได้ทำงานหนักที่ผ่านมาหรือไม่?   จากผลการวิจัยพบว่า  ผู้คนส่วนมากในทุกวันนี้ทำงานหนักในงานที่ตนเองไม่ชอบ   แต่พยายามอดทนทำเพื่อที่จะได้ค่าจ้างเงินเดือน   แล้วก็ใช้เงินที่ได้จากการทำงานหนักนั้นไปซื้อวัตถุสิ่งของที่มีการโฆษณาชวนเชื่อ หรือ ใช้กลยุทธทางการตลาด   หรือไม่ก็ไปซื้อสิ่งของที่ได้รับอิทธิพลจากกลุ่มเพื่อนฝูงและสังคมว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ที่จะเพิ่มคุณค่าและความหมายแก่ตัวของเรา   และบางครั้งก็ไปซื้อสินค้าราคาแพงที่เป็นสินค้า “แบรนด์เนม” เพียงเพราะต้องการมีระดับให้ดูดีในสังคมและในสายตาของคนรอบข้าง

การใช้เงินซื้อหาสิ่งที่ไม่จำเป็นในชีวิตที่เป็นการวิ่งล่าไปตามกระแสสังคม   และเป็นการไขว่คว้าสิ่งที่บ่งบอกถึงสถานะของตนตามอิทธิพลกระแสสังคม   และอีกหลายคนยังซื้อสิ่งเหล่านั้นด้วยเงินล่วงหน้า   ทั้งสิ้นนี้เพราะอยู่ที่ “จิตใจ” คือความคิด ความรู้สึก การตัดสินใจที่นำสู่การกระทำที่มีแนวโน้มสูงในการสร้างหนี้ในชีวิต

แท้จริงแล้วหนี้เกิดจาก “จิตใจ และ จิตวิญญาณ” ของเราเองอย่าไปโทษคนหรือสถานการณ์รอบข้างเลย
อยู่ที่ว่าเราจะทำอย่างไรกับอิทธิพลกระแสสังคม และ สถานการณ์ที่กระตุ้นยั่วยุให้เราเป็นหนี้?
เราจะมีความเข้มแข็งทางใจที่จะไม่สร้างหนี้ให้กับชีวิตของตนเองอย่างไร?                     
ท่านคิดเห็นอย่างไรกับความคิดที่ว่า  เรื่อง “หนี้” เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ?

อิสยาห์กล่าวกับประชาชนว่า
“...ทำไม​พวกเจ้า​จึง​ใช้​เงิน​กับ​สิ่ง​ที่​ไม่​ใช่​อา​หาร?
และ​ใช้​ค่าจ้าง​กับ​สิ่ง​ที่​ไม่​อิ่ม​ใจ?...”
(อิสยาห์ 55:2 มตฐ.)
ปัญญาจากสุภาษิตกล่าวว่า
“มี​ทรัพย์​น้อย​แต่​มี​ความ​ยำ​เกรง​พระ​ยาห์​เวห์
ก็​ดี​กว่า​มี​ทรัพย์​มาก​แต่​มี​ความ​วิตก​กังวล​อยู่​ด้วย”
(สุภาษิต 15:16 มตฐ.)
พระเยซูคริสต์ตรัสว่า
เพราะ​ว่า​ชีวิต​สำ​คัญ​ยิ่ง​กว่า​อาหาร และ​ร่าง​กาย​สำ​คัญ​ยิ่ง​กว่า​เครื่อง​นุ่ง​ห่ม
(ลูกา 12:23 มตฐ.)

ท่าน​อย่า​เสาะ​หา​ว่า​จะ​กิน​อะไร​ดี​หรือ​จะ​ดื่ม​อะไร และ​อย่า​มี​ใจ​กัง​วล
เพราะ​ว่า​พวก​ต่าง​ชาติ(สังคม)​ทั่ว​โลก​เสาะ​หา​สิ่ง​เหล่า​นี้​ทั้ง​หมด
แต่​ว่า​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ทรง​ทราบ​แล้ว​ว่า​ท่าน​ต้อง​การ​สิ่ง​เหล่า​นี้
แต่​จง​แสวง​หา​แผ่น​ดิน​ของ​พระ​เจ้า แล้ว​พระ​องค์​จะ​ทรง​เพิ่ม​เติม​สิ่ง​เหล่า​นี้​ให้
(ลูกา 12:29-31 มตฐ.)

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น