ทุกวันนี้การเป็นหนี้สามารถเห็นได้อย่างดกดื่นมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หนี้ที่ไม่ควรจะเป็น” ถ้าเราค่อย ๆ ย้อนรอยสาวลึกถึงรากเหง้าของการเป็นหนี้ เราจะพบว่า “หนี้” เป็นเรื่องของ “จิตใจ” (ความคิด ความรู้สึกและการตัดสินใจ) บางคนเคยสรุปว่า หนี้เกิดขึ้นจากเหตุผลทางด้านจิตวิทยาและอารมณ์
แต่ผมเห็นว่า “หนี้” เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ เพราะเป็นเรื่องของ “ความเชื่อ”
(ที่เราไม่รู้เท่าทันว่านั่นเป็นเรื่องความเชื่อ) และเป็นเรื่องของการหลอกล่อ และ
เรื่องของการทดลองและสงครามทางจิตวิญญาณด้วย
อิทธิพลของการโฆษณาชวนเชื่อและกลยุทธทางการตลาด
ด้วยเหตุนี้จึงมีการพัฒนาและใช้กลยุทธทาง
“การโฆษณาชวนเชื่อ” และ “การตลาดที่กระตุ้นให้อยากและโลภ” ซึ่งเราจะพบข้อมูลความจริงว่า บริษัทขายสินค้าชั้นนำหลายแห่งที่ทุ่มงบโฆษณาอย่างมหาศาลที่จะโน้มน้าวผู้คนให้ตัดสินใจซื้อสินค้าของตน ยิ่งเป็นสินค้าที่ไม่ใช่ความจำเป็นยิ่งต้องทุ่มการโฆษณา
และการวางกลยุทธในการโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อทำ “สงครามเย็นทางจิตใจ”
ของผู้คน
เพื่อจะเอาชนะให้คนตัดสินใจซื้อในสิ่งที่ไม่จำเป็นจะต้องมีต้องใช้ และการตัดสินใจซื้อ “สินค้าราคาแพง” ที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องเสียเงินมาก
ๆ เช่นนั้น
และบ่อยครั้งที่ต้องโฆษณายั่วยุจนบางคนตัดสินใจซื้อสินค้าด้วยการใช้เงินล่วงหน้า
(ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีเงินจำนวนนั้น)
ในกรณีนี้จึงเป็นการสร้างหนี้อย่างชัดแจ้ง!
หนี้จึงเป็นสิ่งที่เป็นผลจาก “จิตใจ และ
จิตวิญญาณของเรา” ว่า เราจะรู้เท่าทันความคิด
ความรู้สึก และ การตัดสินใจของเราในการจับจ่ายใช้สอยเงินทองมากน้อยแค่ไหน?
อิทธิพลของเพื่อนฝูงสังคมต่อระบบคุณค่าในตัวเรา
บ่อยครั้งอิทธิพลของกระแสวัตถุนิยมในสังคมที่มาจากกลุ่มเพื่อนที่อยู่รอบข้างชีวิตเรา ไม่ว่าในที่ทำงาน ในคริสตจักร
หรือ บ้านใกล้เรือนเคียง
ตลอดจนกลุ่มเพื่อนฝูงใกล้ชิดที่มีอิทธิพลต่อความคิด ความรู้สึก
และการตัดสินใจของเราว่า
การครอบครองอะไรบ้างที่ทำให้เรามีความสำคัญและคุณค่า เราจะต้องต่อสู้กับสงครามเย็นในทางจิตใจในเรื่องระบบคุณค่า
จากอิทธิพลของกระแสวัตถุนิยมที่มุ่งมีอำนาจเหนือกรอบคิด
กรอบเชื่อระบบคุณค่าและความหมายในจิตใจของเรา
และนี่ก็เป็นอีกประการหนึ่งที่ชี้ชัดว่า “หนี้”
เป็นเรื่องของจิตวิญญาณของเราแต่ละคนด้วย
ต้นเหตุของความรู้สึกถึงความสำคัญและความมีคุณค่าในตนเองเพราะการที่ได้ครอบครองสิ่งของเหล่านั้น มิได้อยู่ในตัวของวัตถุสิ่งของ แต่อยู่ที่ “จิตใจ”
ของเราที่จะให้คุณค่าและความสำคัญของเราไปขึ้นอยู่กับอะไรบางอย่างต่างหาก แล้วนำสู่การตัดสินใจซื้อสิ่งเหล่านั้นทั้ง ๆ ที่อาจจะไม่จำเป็นต้องมีเลย หรือทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีเงินที่จะซื้อในสิ่งนั้น จนต้องใช้เงินล่วงหน้า และนี่คือที่มาของการเป็นหนี้
หนี้จึงมาจากจิตใจ และ จิตวิญญาณของเรา ที่เราแต่ละคนจะต้องคิด
การรู้เท่าทันความรู้สึกของตน
ที่นำสู่การตัดสินใจแล้วลงมือปฏิบัติของเราว่าจะสร้างหนี้หรือไม่ต่างหาก
อิทธิพลจากความคิดเรื่องรางวัลสำหรับชีวิต
ท่านเคยซื้อสิ่งของบางอย่างเพื่อเป็นการให้รางวัลแก่ตนเอง เพราะตนได้ทำงานหนักที่ผ่านมาหรือไม่? จากผลการวิจัยพบว่า ผู้คนส่วนมากในทุกวันนี้ทำงานหนักในงานที่ตนเองไม่ชอบ
แต่พยายามอดทนทำเพื่อที่จะได้ค่าจ้างเงินเดือน
แล้วก็ใช้เงินที่ได้จากการทำงานหนักนั้นไปซื้อวัตถุสิ่งของที่มีการโฆษณาชวนเชื่อ
หรือ ใช้กลยุทธทางการตลาด
หรือไม่ก็ไปซื้อสิ่งของที่ได้รับอิทธิพลจากกลุ่มเพื่อนฝูงและสังคมว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ที่จะเพิ่มคุณค่าและความหมายแก่ตัวของเรา และบางครั้งก็ไปซื้อสินค้าราคาแพงที่เป็นสินค้า
“แบรนด์เนม” เพียงเพราะต้องการมีระดับให้ดูดีในสังคมและในสายตาของคนรอบข้าง
การใช้เงินซื้อหาสิ่งที่ไม่จำเป็นในชีวิตที่เป็นการวิ่งล่าไปตามกระแสสังคม และเป็นการไขว่คว้าสิ่งที่บ่งบอกถึงสถานะของตนตามอิทธิพลกระแสสังคม และอีกหลายคนยังซื้อสิ่งเหล่านั้นด้วยเงินล่วงหน้า ทั้งสิ้นนี้เพราะอยู่ที่ “จิตใจ” คือความคิด
ความรู้สึก การตัดสินใจที่นำสู่การกระทำที่มีแนวโน้มสูงในการสร้างหนี้ในชีวิต
แท้จริงแล้วหนี้เกิดจาก
“จิตใจ และ จิตวิญญาณ” ของเราเองอย่าไปโทษคนหรือสถานการณ์รอบข้างเลย
อยู่ที่ว่าเราจะทำอย่างไรกับอิทธิพลกระแสสังคม
และ สถานการณ์ที่กระตุ้นยั่วยุให้เราเป็นหนี้?
เราจะมีความเข้มแข็งทางใจที่จะไม่สร้างหนี้ให้กับชีวิตของตนเองอย่างไร?
อิสยาห์กล่าวกับประชาชนว่า
“...ทำไมพวกเจ้าจึงใช้เงินกับสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร?
และใช้ค่าจ้างกับสิ่งที่ไม่อิ่มใจ?...”
(อิสยาห์ 55:2 มตฐ.)
ปัญญาจากสุภาษิตกล่าวว่า
“มีทรัพย์น้อยแต่มีความยำเกรงพระยาห์เวห์
ก็ดีกว่ามีทรัพย์มากแต่มีความวิตกกังวลอยู่ด้วย”
(สุภาษิต 15:16 มตฐ.)
พระเยซูคริสต์ตรัสว่า
เพราะว่าชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหาร
และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่ม
(ลูกา 12:23 มตฐ.)
ท่านอย่าเสาะหาว่าจะกินอะไรดีหรือจะดื่มอะไร
และอย่ามีใจกังวล
เพราะว่าพวกต่างชาติ(สังคม)ทั่วโลกเสาะหาสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
แต่ว่าพระบิดาของท่านทั้งหลายทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการสิ่งเหล่านี้
แต่จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า
แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งเหล่านี้ให้
(ลูกา 12:29-31 มตฐ.)
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น