อ่านสดุดี บทที่ 46
พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยและเป็นกำลังของเรา
ฉะนั้นเราจะไม่กลัว
แม้ว่าแผ่นดินโลกจะเปลี่ยนแปลงไป
แม้ว่าภูเขาทั้งหลายจะโคลงเคลงลงสู่สะดือทะเล
แม้ว่าน้ำทะเลคึกคะนองและฟองฟู
แม้ว่าภูเขาสั่นสะเทือนเพราะทะเลอลวนนั้น ...
พระยาห์เวห์จอมทัพสถิตกับเราทั้งหลาย
พระเจ้าของยาโคบทรงเป็นที่กำบังอันแข็งแกร่งของเรา...
พระองค์ทรงให้สงครามสงบจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก
พระองค์ทรงหักคันธนูและฟันหอกเสีย
พระองค์ทรงเผาโล่กลมด้วยไฟ...
“จงนิ่งเสีย และรู้เถิดว่า เราคือพระเจ้า...”
(สดุดี 46:1-3,
7, 9-10ก มตฐ.)
จากประสบการณ์ชีวิตของผู้ประพันธ์สดุดีบทที่
46
ได้สะท้อนสัจจะความจริงแห่งชีวิตในโลกนี้ว่า เมื่อเราตกอยู่ในภาวะชีวิตที่ตกต่ำทุกข์ยากลำบากแบบสุด
ๆ
เกินกว่าที่เราจะสามารถรับมือกับสภาวะชีวิตดังกล่าว ผู้ประพันธ์สดุดีบทนี้ใช้ภาพของธรรมชาติและมนุษย์เพื่อชี้ถึงความยากลำบากดังกล่าวเช่น “แผ่นดินโลกเปลี่ยนแปลง” “ภูเขาโคลงเคลง” แล้วเคลื่อนไหว
“ลงสู่สะดือทะเล” น้ำทะเล
“คึกคะนองและฟองฟู” ภูเขาสูง
“สั่นสะเทือน”
เพราะความอลวนปั่นป่วนใต้พื้นโลก
แต่ผู้ประพันธ์กลับบอกเราว่า
เขาจะไม่กลัว!
ทำไมเขาถึงไม่กลัว?
ทั้งนี้เขาได้ยืนยันว่า เพราะพระเจ้าอยู่กับเราในสถานการณ์ที่เลวร้ายนั้น และ “พร้อมอยู่ในความยากลำบากนั้น” ที่จะปกป้องคุ้มครองเรา พร้อมเป็น “ที่กำบังอันแข็งแกร่งของเรา” พระองค์เป็น “ที่ลี้ภัย” เป็น
“กำลังของเรา” และเป็น
“ความช่วยเหลือที่พร้อม” เสมอสำหรับเรา
ยิ่งกว่านั้น พระองค์จะทรงกระทำความสงบ และ
สันติภาพในชีวิตและในโลกนี้แก่เรา
แล้วผู้ประพันธ์ได้อ้างถึงพระสุรเสียงของพระเจ้า “จงนิ่งเสีย และรู้เถิดว่า เราคือพระเจ้า” ในภาวะที่เรายากที่จะรับมือกับความยากลำบากสุด
ๆ ในชีวิต และเรายอมเปิดชีวิตของเราให้พระเจ้าเข้ามา
“เปลี่ยนแปลง” ในชีวิตของเรา
สิ่งสำคัญในวิกฤติชีวิตดังกล่าวของเราคือ
เราต้อง “นิ่ง” และ “รู้” ว่า
พระเจ้าคือพระเจ้าและเจ้าของชีวิตของเรา
วันนี้ ขอให้เรามีเวลาที่จะสงบ ตรวจสอบสภาพชีวิตของเราว่า อะไรคือสิ่งหรือสถานการณ์ที่เรากำลังประสบความยากลำบากที่สุดที่เราต้องรับมือ และที่จะไว้วางใจว่าพระเจ้าทรงอยู่กับเราจะเอาใจใส่ในเรื่องนั้นเพื่อเรา?
ท่านพร้อมที่จะยอมเปิดชีวิตของท่านออกให้พระเจ้าเข้ามาในชีวิตเพื่อเป็นที่ปกป้อง คุ้มครอง
เป็นกำลัง
และความช่วยเหลือในเรื่องนั้นของท่านหรือไม่? และรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตจากพระองค์หรือไม่?
ท่านมีมุมมอง
“ความสำเร็จในชีวิต” แบบไหน? ส่วนใหญ่แล้วคริสตชนยังมีมุมมองความสำเร็จในชีวิตตามมุมมองกระแสโลกสังคมปัจจุบัน
เห็นว่าความสำเร็จคือการที่เรามีชื่อเสียง
มีผลงาน มีกิจการธุรกิจที่ใหญ่โตขึ้น
เรามักตัดสินว่าสำเร็จหรือล้มเหลวจากสภาพชีวิตภายนอกที่เรามองเห็นหรือแตะต้องได้ แต่สำหรับคริสตชนเรามีมุมมองความสำเร็จที่คุณลักษณะชีวิตที่มีคุณธรรม
เช่น เป็นคนที่มีเมตตา จิตใจเอื้ออาทร สร้างสรรค์
มีปัญญา สัตย์ซื่อ รู้สึกมั่นคงในชีวิต และคนที่มีคุณธรรมชีวิตเช่นนี้ เขาจะต้องมีชีวิตที่ “สงบ” และที่เขาจะมีชีวิตที่สงบได้เพราะเขา “รู้”
และเชื่อมั่นในการทรงสถิตอยู่ด้วย และ การทรงพร้อมที่จะทรงช่วยในเวลายากลำบาก
ในสดุดี
บทที่ 131
ผู้ประพันธ์ได้กล่าวถึง “จิตใจที่สงบ” ไว้ว่า
ข้าแต่พระยาห์เวห์
ใจของข้าพระองค์มิได้เห่อเหิม
และตาของข้าพระองค์มิได้ยโส
ข้าพระองค์มิได้ไปยุ่งกับเรื่องใหญ่โต
หรือเรื่องอัศจรรย์เกินตัวของข้าพระองค์
แต่ข้าพระองค์ได้สงบและระงับจิตใจของข้าพระองค์
อย่างเด็กที่หย่านมแล้วสงบอยู่ที่อกมารดาของตน
จิตใจของข้าพระองค์สงบอยู่ภายในข้าพระองค์
อย่างเด็กที่หย่านมแล้ว (ข้อ 1-2)
ถ้าเช่นนั้น ในฐานะคริสตชน เรามีภารกิจในการกระทำทุกอย่างในชีวิต ไม่ว่าอาชีพการงาน ครอบครัว
เพื่อนฝูง และชุมชนประเทศชาติ เรากระทำภารกิจชีวิตเหล่านี้เราทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
ส่วนพระองค์จะทรงรับผิดชอบเราด้วยการทรงเอาใจใส่ในชีวิตของเรา ดังนั้นเราจึงไม่ควรที่จะกลัว กังวล
วุ่นวาย และสับสนในชีวิต หรือ
ในสิ่งใดเลย
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น