11 กันยายน 2557

ขัดแย้งที่ขัดเกลาชีวิต: ให้ความสำคัญและเป็นพระพรแก่คนอื่นก่อน(3)

จากตอนก่อนที่ผ่านมา   เราได้พบว่า ความขัดแย้งในครอบครัวคือโอกาสที่จะขัดเกลาชีวิตแต่ละคนในครอบครัวให้มีชีวิตเป็นเหมือนพระคริสต์   และเป็นชีวิตที่ได้รับกำลัง การหนุนเสริม  การเปลี่ยนแปลง และการสร้างใหม่จากพระวิญญาณของพระเจ้า   ดังนั้น ชีวิตของคนในครอบครัวจึงได้รับการขัดเกลาให้มีชีวิตที่เกิดผลตามพระวิญญาณ (กาลาเทีย 5:22-24)

ตามกระแสโลกปัจจุบัน   ใคร ๆ ก็ต้องการเป็นเอกเป็นต้น   ตั้งแต่เรามีชีวิต   เราต้องการมีอำนาจ  เราต้องการที่จะเป็นผู้ควบคุม  และเราต่างก็ปกป้องตนเองก่อน   เมื่อเราอยู่ในภาวะแข่งขันกับคนอื่น  หรือ เกิดความขัดแย้งกับใครบางคน   เป็นไปได้อย่างไรที่เราจะให้ความสำคัญแก่คนอื่นก่อน ? 

แต่พระเจ้าทรงเรียกให้เราต้องให้ความสำคัญแก่คนอื่นก่อนตนเอง

นี่คือสิ่งที่พระคริสต์ได้สำแดงเป็นรูปธรรมแก่ประชาชนและสาวก

พระคริสต์บอกว่า พระองค์มาในโลกนี้มิใช่เพื่อรับการปรนนิบัติ   แต่มาเพื่อที่จะรับใช้ผู้คนประชาชน   และที่สำคัญคือมาเพื่อที่จะให้ชีวิตเพื่อคนอื่นจะมีชีวิต   เพราะพระองค์ทรงเห็นถึงคุณค่าและความสำคัญในชีวิตของประชาชนคนอื่นทั่วไป   จนยอมให้ชีวิตของพระองค์แก่ผู้คน

และนี่คือสิ่งที่พระเจ้าเรียกร้องให้เราเป็นและกระทำ!

ในพระธรรมเอเฟซัส เปาโลได้กล่าวถึงการดำเนินชีวิตคริสตชนไว้หลายเรื่อง   แต่มีเรื่องหนึ่งที่เปาโลสอนว่า  “จงยอมเชื่อฟังกันและกัน เนื่องด้วยใจยำเกรงพระคริสต์” (เอเฟซัส 5:21 อมต.)   เมื่อพูดถึงเรื่องการยอมเชื่อฟังเรามักคิดถึงความสัมพันธ์ของคู่สมรส   โดยเฉพาะอย่างยิ่งภรรยาที่ยอมเชื่อฟังสามี    แต่พระธรรมตอนนี้เน้นให้ทุกคนในครอบครัวยอมเชื่อฟังกันและกัน   และให้ทุกคนในครอบครัวใหญ่(คริสตจักร)ของพระเจ้าที่จะยอมเชื่อฟังกันและกันด้วยเช่นกัน   การที่เราจะยอมฟังคนอื่นได้ก็ต่อเมื่อเราให้ความสำคัญแก่คนอื่นก่อนตนเอง

ในฟิลิปปี 2:5-8  เปาโลสอนคริสตชนให้มีชีวิตตามแบบอย่างของพระคริสต์   พระองค์ทรงให้ความสำคัญแก่ “โลก” มากกว่าพระองค์เอง  

“(พระเยซูคริสต์)...ผู้​ทรง​สภาพ​เป็น​พระ​เจ้า
ไม่​ทรง​ถือ​ว่า​ความ​ทัด​เทียม​กับ​พระ​เจ้า​เป็น​สิ่ง​ที่​จะ​ต้อง​ยึด​ไว้
แต่​ทรง​สละ​พระ​องค์​เอง​และ​ทรง​รับ​สภาพ​ทาส
ทรง​ถือ​กำ​เนิด​เป็น​มนุษย์ และ​ทรง​ปรา​กฏ​อยู่​ใน​สภาพ​มนุษย์
พระ​องค์​ทรง​ถ่อม​พระ​องค์​ลง
ทรง​ยอม​เชื่อ​ฟัง​จน​ถึง​ความ​มร​ณา
กระ​ทั่ง​มร​ณา​บน​กาง​เขน” (มตฐ.)  

ถ้าเราจะมีชีวิตตามแบบพระคริสต์  หรือ  ถ้าเราต้องการติดตามพระองค์   เราต้องให้ความสำคัญแก่คนอื่นก่อน   และเมื่อเราอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งในครอบครัว   ถ้าเราจะต้องให้ความสำคัญแก่คนอื่นในครอบครัวก่อน   ท่านจะว่าอย่างไร?

จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องรู้เท่าทันตนเองว่า   เรามักต้องการที่จะเป็นผู้มีอำนาจควบคุมความสัมพันธ์   แต่นั่นมักสร้างความเจ็บปวดในความสัมพันธ์   จำเป็นที่เราจะต้องมองคนอื่นว่าเป็นเพื่อนร่วมงานร่วมชีวิตมากกว่าคู่แข่งขัน หรือ ศัตรูของเรา   เราต้องให้ความสำคัญแก่คนอื่นก่อน   ให้ความยอมรับนับถือในความรู้สึกและประสบการณ์ที่เขามี   ให้เราทำหน้าที่เป็นผู้เอื้ออำนวยให้มีข้อยุติร่วมกัน

การยอม   การให้ความสำคัญแก่คนอื่นก่อน   คือการที่เราล้มเลิกเป้าหมายที่จะ “เอาชนะ”  แต่กลับช่วยให้เกิดการแสวงหาข้อยุติร่วมกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ

การที่คนในครอบครัวเลิกที่จะตั้งตนเป็นผู้สำคัญที่สุด   แล้วเลิกเข้าควบคุมความสัมพันธ์ในครอบครัว   แต่กลับหันหน้าเข้าหากันที่จะแสวงหาข้อยุติร่วมกันด้วยการให้ความสำคัญแก่คนอื่นในครอบครัวก่อน   และนี่คือจุดเริ่มต้นที่แต่ละคนในครอบครัวที่จะนำพระพรให้แก่กันและกัน

มีข้อพระคัมภีร์ที่บอกถึงการรับมือกับความขัดแย้งหลายข้อหลายตอน เช่น

“คำ​ตอบ​นุ่ม​นวล​ช่วย​ละลาย​ความ​โกรธ​เกรี้ยว​ให้​หาย​ไปแต่​คำ​กัก​ขฬะ​เร้า​โทสะ” (สุภาษิต 15:1 มตฐ.)

“อย่า​ทำ​ชั่ว​ตอบ​แทน​ชั่ว หรือ​อย่า​ด่า​ตอบ​การ​ด่า แต่​ตรง​กัน​ข้าม จง​อวย​พร เพราะ​พระ​องค์​ได้​ทรง​เรียก​ให้​พวก​ท่าน​ทำ​เช่น​นั้น เพื่อ​พวก​ท่าน​จะ​ได้​รับ​พระ​พร” (1เปโตร 3:9 มตฐ.)

“จง​ปฏิ​บัติ​ต่อ​ผู้​อื่น​อย่าง​ที่​พวก​ท่าน​ต้อง​การ​ให้​พวก​เขา​ปฏิ​บัติ​ต่อ​ท่าน เพราะ​นี่​คือ​ธรรม​บัญ​ญัติ​และ​คำ​สั่ง​สอน​ของ​บรร​ดา​ผู้​เผย​พระ​วจนะ” (มัทธิว 7:12 มตฐ.)

ในทุกความขัดแย้งเรามีทางเลือกว่าจะให้เป็นพระพร หรือ เป็นการสาปแช่ง  เราเลือกที่จะให้ความขัดแย้งขยายบานปลาย หรือ ให้เกิดศานติ   ถ้าเรากระทำต่อคนอื่นด้วยความรักเมตตา  แม้คนนั้นจะเป็นที่คนสร้างความเจ็บปวดแก่เราก็ตาม  เราจะเป็นพระพรแก่เขา   และเราก็ได้รับพระพรสะท้อนกลับมาถึงตัวเราเองด้วย   ไม่ใช่ง่ายที่เราจะเป็นคนที่มีใจเมตตา

การดำเนินชีวิตท่ามกลางสังคมที่แก่งแย่งแข่งขัน  และสังคมที่มีแต่ความขัดแย้งชิงดีชิงเด่น   การดำเนินชีวิตตามคำสอนพระมหาบัญญัติของพระคริสต์เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้   และเมื่อเรายอมให้พระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตในชีวิตของเรา   พระองค์ก็จะทรงเปลี่ยนการกระทำที่ตอบโต้เอาชนะฝ่ายตรงกันข้ามของเราด้วยการให้เกียรติและเคารพ   พระเจ้าทรงอวยพระพรคนอื่น ๆ ผ่านชีวิตของเรา   คำพูดที่เหน็บแนม เสียดสี ถากถางก็จะสูญหายไปจากชีวิตของเรา   การปกป้องแต่ตนเองก็หมดไปจากเรา    แต่เรากลับมีความใส่ใจและหาความเข้าใจฝ่ายตรงกันข้ามมากกว่าการที่จะเอาชนะคะคาน  แสวงหาความเข้าอกเข้าใจด้วยการเอาใจเขามาใส่ใจเรา

เมื่อเราเป็นพระพรแก่ผู้คนในครอบครัว    พระพรนั้นก็เป็นพระพรสำหรับครอบครัวของเรา   และครอบครัวของเราก็จะเป็นพระพรสำหรับผู้คนอื่น ๆ ได้ด้วย

ความขัดแย้งในครอบครัวจึงมิใช่ “ยาขม”  ที่น่าเบื่อหน่ายอีกต่อไป   แต่กลับเป็นโอกาสที่เราจะกระทำตามการทรงเรียกของพระเจ้า   และให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จเป็นรูปธรรมในชีวิตของเรา   อีกทั้งยังเป็นการนำพระพรมาถึงครอบครัว และ คนอื่น ๆ และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ   เป็นโอกาสที่เราจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่และมีชีวิตที่เป็นเหมือนพระคริสต์มากยิ่งขึ้น

วันนี้ท่านมองความขัดแย้งในบ้านด้วยมุมมองแบบไหน?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น