29 มกราคม 2561

อาชีพการงานของเรากับชีวิตในแผ่นดินของพระเจ้า

ชีวิตในแผ่นดินของพระเจ้า ที่พระคริสต์นำมาสถาปนาบนแผ่นดินโลกนี้เกี่ยวข้องกับอาชีพการงานของสาวกพระคริสต์แต่ละคนด้วยหรือ?  ถ้าเกี่ยวข้องมันเกี่ยวข้องอย่างไร?   ถ้ามองดูคริสตจักรส่วนใหญ่ในปัจจุบัน  คริสตจักรใช้เวลาส่วนใหญ่ของตนในการสอน และ บ่มเพาะฟูมฟัก เรื่องการดำเนินชีวิตด้านจิตวิญญาณท่ามกลางชุมชนสังคมส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เป็นคริสต์มากกว่า?

น่าสนใจว่า  หลังจากที่สมาชิกคริสตจักรใช้เวลานมัสการพระเจ้าร่วมกันในวันอาทิตย์ไม่กี่ชั่วโมง   สมาชิกเกือบทุกคนต้องใช้เวลาทำอาชีพการงานของตนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 40-50 ชั่วโมง หลายต่อหลายคนใช้เวลามากกว่านี้  หลายคนต้องทำการงานที่ไม่มีค่าจ้าง เช่น  การเลี้ยงลูก  ทำความสะอาดบ้าน  บางคนยังต้องทำงานในสวน  บางคนออกกำลังกาย บางคนใช้เวลาในการบริการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตในชุมชน   บางคนทำงานรับใช้คริสตจักรในเวลาพิเศษ อีกทั้งยังต้องใช้เวลาประมาณ 50 ชั่วโมงในครอบครัว และ ฯลฯ

การทำงานด้านต่าง ๆ ที่กล่าวข้างต้นได้ดูดเอาเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของเรา แต่ทำไมคริสตจักรท้องถิ่นกลับไม่ได้ให้ความสำคัญในการสอนและบ่มเพาะชีวิตในการทำงานของสมาชิกให้เป็นชีวิตที่เป็น “สาวกพระคริสต์ในที่ทำงาน” หรือ “ในงานที่ทำ”  และนี่เป็นหัวข้อที่สำคัญมากหัวข้อหนึ่งที่คริสตจักรจะต้องใส่ใจการสอน เสริมสร้างสมาชิกของตนให้เป็นสาวกพระคริสต์ในที่ทำงานของตน และ ในงานที่ตนทำ

การสร้างสาวกพระคริสต์แบบองค์รวม หรือ รอบด้าน หรือ การเป็นสาวกทั้งชีวิต  แท้จริงการเป็นสาวกพระคริสต์เป็นเรื่องของชีวิตทั้งชีวิต ทั้งชีวิตด้านจิตวิญญาณ ชีวิตการทำงาน ชีวิตครอบครัว ด้านเพศ ด้านเงินทอง ด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งทางธรรมชาติและสังคม เรื่องความสัมพันธ์และชุมชน ด้านสุขภาพ ด้านการศึกษา  และ อื่น ๆ อีกในทุกด้านของชีวิตที่กล่าวนี้ เราจะต้องฝึกฝนที่จะดำเนินชีวิตตามคำสอนและตามแบบอย่างชีวิตของพระคริสต์ในทุกมิติ หรือ ทุกบริบทของชีวิต เป้าหมายคือ การเสริมสร้างให้สาวกพระคริสต์แต่ละคนมีชีวิตประจำวันที่ดำเนินชีวิตตามคำสอน และ แบบอย่างชีวิตของพระคริสต์  และร่วมสานต่อพระราชกิจของพระคริสต์  ที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า

เราเห็นแล้วว่า ในชีวิตพระเยซูคริสต์  พระองค์เป็นคนทำงาน  “พระคริสต์เป็นคนงาน”  ที่ทำงานอย่างดีในอาชีพการงานที่พระองค์ทำและรับผิดชอบ แต่ในความเป็นจริงพระองค์เป็นคนงานที่ทำงานอย่างใส่ใจและทำให้ทั้งตนเองและคนที่พระองค์เกี่ยวข้องด้วยมีคุณภาพชีวิตแบบแผ่นดินของพระเจ้า พระองค์เป็นทั้งช่างฝีมือและพ่อค้า   อย่าลืมว่าก่อนที่มหาชนทั่วไปจะรู้และยอมรับว่าพระองค์เป็น “รับบี” หรือ “ครูสอนศาสนา”  พระองค์เป็น “คนใช้แรงงาน”  พระองค์ทำงานในชุมชน พระองค์อาศัยอยู่เช่นนี้อย่างน้อยเกือบ 30 ปี  พระองค์ทำงานประกอบอาชีพสัปดาห์ละ 6 วัน และพักผ่อนในวันสะบาโต เพื่อนมัสการพระเจ้า แล้วเริ่มต้นอีกวันหนึ่งในการทำงานเช่นเดิม

ถ้าพระคริสต์มาเกิดเป็นมนุษย์ในปัจจุบันนี้ พระองค์อาจจะมีอาชีพเป็นนักวิจัย  เป็นคนเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์  เป็นครูสอนในโรงเรียน เป็นนักจิตวิทยา เป็นพยาบาล หรือไม่ก็เป็นหมอในโรงพยาบาล  พระองค์อาจจะเป็นช่างซ่อมรถยนต์  หรือพระองค์อาจจะเป็นคนขายของที่ห้าง  หรือไม่ก็อาจจะเป็นนักข่าว  พระองค์อาจจะเป็นชาวนา  เป็นคนจับปลา   หรืออาจจะเป็นแรงงานข้ามชาติ  พระองค์อาจจะเป็นศิษยาภิบาล  อาจจะเป็นข้าราชการ หรือ อาจจะทำอาชีพต่าง ๆ อย่างที่เราท่านทำกันในทุกวันนี้   พระองค์อาจจะมีบ้าน หรือ ไม่ก็ห้องเช่าในอพาร์ทเมนท์  หรือ ไม่ก็ในบ้านเช่าโกโรโกโส  หรือไม่ก็กระต๊อบปลายนา แย่หน่อยอาจจะเพิงใต้สะพานลอย  พระองค์คงต้องทำงานตามอาชีพของพระองค์  พระองค์อาจจะได้รับการศึกษา และ ได้รับการฝึกทักษะในงานนั้น ๆ    แล้วแต่งานที่ทำไม่ว่าอะไร  ที่ไหน  ใช้เวลาเท่าใดในแต่ละวัน  พระองค์ก็คงทำอาชีพหนึ่งอาชีพใดเป็นแน่ 

คำถามหลักในเรื่องนี้สำหรับคนที่เป็นสาวกพระคริสต์คือ ถ้าพระเยซูคริสต์มาเกิดในหมู่บ้านของฉันอย่างกับฉันในปัจจุบันนี้  ทำงานอย่างฉัน  มีรายได้อย่างฉัน มีความสัมพันธ์กับผู้คนอย่างที่ฉันมี ลักษณะท่าทีแสดงออกอย่างที่ฉันต้องมีและแสดงออก  พระคริสต์จะมีชีวิตแบบไหน? และนี่คือคำถาม ซึ่งเป็นคำถามที่เราไม่ค่อยถามตนเอง และ ถามกันในชีวิตประจำวันของเรา หรือไม่ก็ ถามกันไม่จริงจังลงลึกพอเพื่อที่จะได้คำตอบที่แท้จริง

แท้จริงแล้ว ถ้าสาวกพระคริสต์แต่ละคนจะจริงจังในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าในอาชีพการงาน ชีวิตในครอบครัว   ชีวิตในชุมชน และชีวิตในคริสตจักรแล้ว เราจะต้องใส่ใจทั้งงานที่ทำ และ คนรอบข้างที่เราเกี่ยวข้องสัมพันธ์   ด้วยชีวิตที่เป็น “คนต้นเรือน” ที่เอาใจใส่รับผิดชอบสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างและที่ทรงมอบหมายให้เราแต่ละคนดูแลเอาใจใส่   และยิ่งกว่านั้น  เราจะต้องทำตามพระประสงค์ของพระองค์คือการที่เราจะทำงานชีวิตเหล่านี้ “ให้เกิดผลดกทวีมากขึ้นทั่วทั้งแผ่นดิน”

ในชีวิตของพระคริสต์   พระองค์กระทำทุกอย่างในชีวิตให้เกิดคุณภาพชีวิตในแผ่นดินของพระเจ้า  แบบเรียกว่า 24/7 คือดำเนินชีวิตในแผ่นดินของพระเจ้าวันละ 24 ชั่วโมง  สัปดาห์ละ 7 วัน เลยทีเดียว  

แล้วเราคิดอย่างไรในเรื่องนี้ครับ?   คริสตจักรของเราสนใจเรื่องนี้หรือเปล่าครับ?

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่คริสตจักรจะใส่ใจ สอน และ เสริมสร้างสมาชิกแต่ละคนให้เป็นสาวกพระคริสต์ในชีวิตประจำวัน และ ในที่ทำงาน หรือ ในงานที่ทำทุกวัน?

แล้วท่านมีความคิดเห็น  ข้อแนะนำ อย่างไรบ้างครับ?   ขอแบ่งปันเรียนรู้ร่วมกันด้วยครับ!

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
Prasit.emmaus@gmail.com;  081 289 4499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น