เมื่อทบทวนถึงชีวิตที่ผ่านมา
บางครั้งเกิดคำถามลึก ๆ ในใจว่า
ทำไมพระเจ้าถึงปล่อยให้เราต้องเดินไปบนเส้นทางชีวิตที่ดูยุ่งยากยุ่งเหยิง? ทำไมพระองค์ให้เราต้องเผชิญกับชีวิตที่ซับซ้อนและสับสน?
ทำไมพระเจ้าทำให้ชีวิตของเราต้องตกต่ำ ติดหล่มกับดักของอำนาจบาปชั่ว?
จริงอยู่
สิ่งทุกข์ยากในชีวิตอาจเกิดจากการตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินที่ผิดพลาดของเรา
แต่ทำไมพระเจ้าปล่อยให้เราเลือกเส้นทางชีวิตที่ผิดพลาด? พระองค์ก็รู้ว่า
ถ้าเราเลือกไปบนเส้นทางที่ผิดพลาดเช่นนี้ ชีวิตเราจะต้องได้รับความทุกข์ยาก สับสน
วุ่นวาย หลงทาง แต่ทำไมพระองค์ยังยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับชีวิตคนของพระเจ้า
คนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์?
ถามจนไม่รู้จะถามอะไรเลยต้องอยู่ในความเงียบ
ตนเองก็ไม่รู้จะตอบตนเองอย่างไร มีเสียงแผ่วเบาและนิ่มนวลเอ่ยขึ้นว่า
“เจ้าเป็นชนเผ่ากรรมสิทธิ์ของเรา แต่เจ้ามิใช่อภิสิทธิ์ชน”
เสียงประโยคข้างต้นทำให้ตนเองต้อง
“สะอึก” ในที่สุดไม่รู้จะตอบอย่างไรได้ นอกจากจะยอมรับว่า “ใช่พระเจ้าข้า
ที่ผ่านมาข้าพระองค์คิดอย่าง “อภิสิทธิ์ชน” คิดเข้าข้างตนเอง
คิดแต่สิ่งที่ตนเองอยากได้ และคิดว่า คนอื่นต้องทำเพื่อตนเอง เป็นสิทธิ์ของตนเอง
และข้าพระองค์ก็คิดและทำเช่นนี้ต่อพระองค์ด้วย...”
ทำให้ตนเองต้องหวนกลับไปอ่านคำของผู้เผยพระวจนะ อิสยาห์ ที่ว่า...
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
เหตุใดทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายหลงเตลิดจากวิถีทางของพระองค์
และทำให้จิตใจของข้าพระองค์แข็งกระด้างจนไม่ยำเกรงพระองค์?
ขอทรงโปรดกลับมาเพื่อเห็นแก่ผู้รับใช้ของพระองค์
ชนเผ่าซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์
(อิสยาห์ 63:17 อมธ.)
อิสราเอล
ที่ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศมหาอำนาจในสมัยนั้นก็ถามคำถามตรง ๆ กับพระเจ้า
อย่างที่เราปัจจุบันถามพระองค์เช่นกัน แต่อิสยาห์ไปไกลกว่าคำถามที่ว่า
“ทำไมพระเจ้าปล่อยให้ประชาชนของพระองค์เตลิดไปเช่นนั้น”
แต่สิ่งที่อิสยาห์ทูลขอในเวลาเช่นนี้ เขาทูลขอโอกาสใหม่ โอกาสอีกครั้งหนึ่ง
ที่จะทรงปกป้องคุ้มครอง “ชนเผ่ากรรมสิทธิ์ของพระองค์”
เขาทูลขอโอกาสที่จะกลับมาหาพระองค์ใหม่
รับการเสริมสร้างให้เป็นชนเผ่าที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า แต่มิใช่ชนเผ่าอภิสิทธิ์ชน(ตามใจตน)
เป็นชนเผ่าที่ทำตามพระประสงค์ และ มีชีวิตที่เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
ในเวลาที่เราพบว่าชีวิตของเราเลือกทางพลาดเดินทางผิด
สิ่งสำคัญที่ต้องการในเวลาสับสน วุ่นวายใจ และเจ็บปวดในชีวิตเช่นนี้
เราต้องการการช่วยเหลือจากพระเจ้า ในภาวะเช่นนี้คือภาวะที่เราไม่สามารถที่จะช่วยตนเองได้
ต่อให้มีอภิสิทธิ์อีกกี่ร้อยกี่พันเท่า
ก็ไม่ช่วยให้เราช่วยตนเองให้รอดพ้นจากกับดักหล่มโคลนของชีวิตได้
ในภาวะเช่นนี้เราต้องการการช่วยเหลือจากพระเจ้า
เราขอพระเมตตาที่จะให้โอกาสใหม่อีกสักครั้งหนึ่งในชีวิตนี้ ผู้ประพันธ์บทเพลงสดุดี
46:1 ได้บอกกับเราถึงประสบการณ์ในชีวิตของเขาว่า
“พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยและเป็นกำลังของเรา
เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่ในยามยากลำบาก...”
ขอให้สัจจะความจริงดังกล่าว
ได้ฝังแน่นในก้นบึ้งแห่งชีวิตจิตใจ และ ในจิตใต้สำนึกของเราว่า “พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัย
เป็นกำลังของเรา และ
เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมในยามที่เราเผชิญกับความทุกข์ยากลำบาก”
แม้เราได้ตัดสินใจพลาดเลือกทางเดินชีวิตที่ผิด
แต่พระเจ้าเป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่สำหรับเราทุกคน กลับมาหาพระเจ้า
และบอกพระองค์จากจริงใจว่า เราต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์ในภาวะวิกฤติเช่นนี้ในชีวิต
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง:
prasit.emmaus@gmail.com;
081 289 4499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น