จากข้อเขียนที่ผ่านมา ได้กล่าวถึงเหตุผล 3
ประการที่คริสตชนจำเป็นต้องกำหนดเป้าหมายเพราะ
เป้าหมายเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตจิตวิญญาณของเรา เป้าหมายเป็นคำแถลงการณ์แห่งความเชื่อ และ เป้าหมายจะช่วยกำกับการใช้พลังชีวิตของเรา ในข้อเขียนฉบับนี้ได้อ้างถึงเหตุผลของ ริก
วอร์เรน อีก 3 ประการที่ท่านเห็นว่า คริสตชนควรกำหนดเป้าหมายในชีวิต
เราจำเป็นจะต้องมีเป้าหมาย
เพราะเป้าหมายให้ความหวังทำให้เราเคลื่อนต่อไปด้วยความอดทน
โยบกล่าวว่า “ข้าเอากำลังจากไหนหนอจึงยังมีความหวังอยู่? ข้ามีความคาดหมายอะไรหนอถึงทนอยู่ได้?” (โยบ 6:11 อมธ.) คริสตชนจำเป็นจะต้องมีเป้าหมาย เพื่อที่จะทำให้เรายังก้าวต่อไปไม่หยุด
เป้าหมายที่ว่านี้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเป้าหมายที่ใหญ่โตอะไร
เช่น เมื่อเราเข้ารับการผ่าตัดจากแพทย์ เป้าหมายสูงสุด
เราต้องการกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้งหนึ่ง
เป้าหมายย่อยแรกคือ เราคาดว่าเราสามารถจะสามารถลุกขึ้นนั่งบนเตียงได้ จากนั้น เราสามารถจะยืนบนพื้นข้างเตียงได้ หลังจากนั้นเรามีเป้าหมายย่อยต่อไปว่าเราสามารถเดินรอบ
ๆ เตียง แล้วค่อย ๆ เดินไปยังทางเดินในหอพักผู้ป่วยได้
เป้าหมายที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเป้าหมายเล็ก ๆ ที่มีความต่อเนื่องกัน เป็นกระบวนการพัฒนาในชีวิตของเรา
ชีวิตเคลื่อนจากเป้าหมายเล็กหนึ่งไปสู่อีกเป้าหมายหนึ่งอย่างเชื่อมโยง แต่ขอเน้นว่า
ทุกเป้าหมายเล็ก ๆเหล่านี้มีความสำคัญทุกเป้าหมาย
การที่เราจะก้าวจากจุดที่เราเป็นอยู่ไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไม่สามารถทำแบบก้าวกระโดดเพียงก้าวใหญ่
ๆ ก้าวเดียว แต่ต้องค่อย ๆ ก้าวไปทีละก้าว อย่างที่สุภาษิตจีนกล่าวว่า
“ร้อยลี้เริ่มต้นที่ก้าวแรก”
และขออนุญาตต่อเติมว่า “แล้วก้าวต่อไปทีละก้าวอย่างตั้งใจและมั่นคง” เป้าหมายที่สำคัญไม่ได้วัดกันที่ว่า
เป้าหมายใหญ่โตแค่ไหน หรือ สวยงามเพียงใด แต่เป้าหมายที่ดีเป็นเป้าหมายที่สามารถเห็นย่างก้าวเล็ก
ๆ หลาย ๆ ก้าว ที่เคลื่อนไปอย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายเช่นนี้จะให้กำลังใจแก่เราขับเคลื่อนไปแม้จะก้าวทีละก้าว แต่มีพลังก้าวต่อไปอย่างต่อเนื่อง
เราจำเป็นในการกำหนดเป้าหมายเพราะเป้าหมายจะช่วยเสริมสร้างอุปนิสัยและบุคลิกภาพของเรา
ผลที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในชีวิตของเราไม่ใช่ผลสำเร็จที่เราสามารถสัมผัสจับต้องได้ภายนอก
แต่ส่วนสำคัญที่สุดในชีวิตของเราคือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในชีวิตของเราในขณะที่เราก้าวเดินสู่เป้าหมายไปทีละก้าวทีละเป้าหมาย
พระเจ้าสนพระทัยในการเสริมสร้างอุปนิสัย และ
บุคลิกภาพ
ตัวตนที่แท้จริงของเราภายในมากกว่าผลสำเร็จที่เห็นภายนอกจากการทำงาน
และพระเจ้าใส่ใจเสริมสร้างชีวิตภายในของเราเพราะ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยั่งยืน นิรันดร์
ดังที่เปาโลกล่าวในฟิลิปปี 3:12 ที่ว่า “...ดังนั้นข้าพเจ้าจึงยังคงมุ่งมั่นไปสู่หลักชัย...” เปาโลใช้พลังชีวิต ความมานะพยายาม
และมีจุดประสงค์ที่จะไปให้ถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ และเมื่อเรากำลังมุ่งก้าวไปสู่เป้าหมาย พระเจ้าก็เสริมสร้างเราภายในให้มีอุปนิสัยและบุคลิกภาพของเราให้เป็นเหมือนพระคริสต์มากยิ่งขึ้น
และสิ่งนี้เองที่เป็นตัวผลักดันให้พฤติกรรมท่าทีในชีวิตประจำวันของเราสะท้อนชีวิตเยี่ยงพระคริสต์มาสู่ภาพลักษณ์ภายนอกที่ผู้คนสามารถเห็นและสัมผัสได้
เราจำเป็นต้องกำหนดเป้าหมาย
เพราะเป้าหมายที่ดีจะทำให้เกิดผลตอบแทน
สุภาษิต 11:27 กล่าวไว้ว่า “คนที่แสวงหาความดี
ก็เสาะหาความโปรดปราน...” (มตฐ.)
เมื่อเราใช้ชีวิตของเรามุ่งไปสู่เป้าหมายที่ดี
ก็จะนำเกียรติ การนับถือ และเสริมสร้างมรดกที่สร้างสรรค์แก่สังคมโลก
แต่ผลตอบแทนที่แท้จริงจากการที่กำหนดเป้าหมายที่ดีนั้นนำไปสู่ความยั่งยืนนิรันดร์ พระคัมภีร์กล่าวไว้ใน 1โครินธ์
9:25-26 ว่า “ผู้เข้าแข่งขันทุกคนผ่านการฝึกซ้อมอย่างเข้มงวด
เขาทำอย่างนั้นเพื่อมงกุฎอันไม่ยืนยง ส่วนเราทำเพื่อมงกุฎอันยืนยงเป็นนิตย์ เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงไม่ได้วิ่งอย่างไม่มีจุดหมาย
ข้าพเจ้าไม่ได้ต่อสู้เหมือนคนชกลม” (อมธ.)
เรายอมรับเลยว่า เปาโลเป็นผู้ที่มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนในชีวิตประจำวัน และคริสตชนทุกคนก็ควรเป็นเช่นเปาโล เพื่อเราจะมุ่งไปสู่ชัยชนะ เพื่อรับรางวัลที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมเพื่อเราในแผ่นดินของพระองค์
“ข้าพเจ้ายังไปไม่ถึงหลักชัย และข้าพเจ้าไม่ได้เป็นคนที่ดีพร้อม
แต่พระคริสต์ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้
ดังนั้นข้าพเจ้าจึงยังคงมุ่งมั่นไปสู่หลักชัยเพื่อรับรางวัลที่ได้รับการทรงเรียกจากเบื้องบน
ซึ่งเป็นรางวัลที่พระเจ้าโปรดประทานผ่านทางพระเยซูคริสต์
พวกเราทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วควรมีทัศนะเช่นนี้”
(ฟิลิปปี 3:12, 14-15 สมช.)
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น