ปัจจุบันนี้มนุษย์เราสอนให้รู้จักการวางแผนการชีวิต
และ แผนกลยุทธตามที่เราต้องการไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ แต่เราพบความจริงว่า
พระเจ้าทำมากยิ่งกว่าสอนเราวางแผนชีวิตเท่านั้น
แต่พระองค์หนุนเสริมให้เรามีปัญญา มีพลัง
ที่จะเปลี่ยนแผนการที่เรากำหนดให้เป็นก้าวเดินที่สามารถทำจริง ก้าวจริง
บนเส้นทางชีวิตที่ซับซ้อนและสับสนในสถานการณ์ปัจจุบันอย่างเป็นรูปธรรมได้
มนุษย์เราวางแผนชีวิตที่เราต้องการจะเป็น
แต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทำให้เราสามารถก้าวย่างไปบนเส้นทางชีวิตได้
(สุภาษิต 16:9 สมช.)
ยิ่งกว่านั้น
เมื่อเรายอมรับการเสริมหนุนจากพระเจ้า
ในที่สุดเราพบว่า
มิใช่เป็นการเปลี่ยนจากแผนการ
เป็นการปฏิบัติได้จริงในสถานการณ์ชีวิตของเราเท่านั้น แต่เราพบว่า พระเจ้าทรงกระทำให้เป้าหมาย
แผนการเปลี่ยนไปอย่างมีคุณค่าความหมาย
และที่สำคัญที่สุด เรากลับพบว่า
พระเจ้าทรงเปลี่ยนชีวิตของเราทั้งชีวิตด้วย
ที่เป็นเช่นนี้ได้เพราะ พระเจ้ามิได้ประทานแผนการแก่เรา แต่พระองค์ประทานสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า 3
สิ่งด้วยกันคือ...
(1) พระวิญญาณของพระเจ้า
ที่หนุนเสริมในชีวิตของเรา
ด้วยกำลังความสามารถของเราเอง เราไม่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแม้แต่ในชีวิตของตนเองได้
แต่พระวิญญาณของพระเจ้าจะหนุนเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเรา คริสตชนต้องตระหนักชัดว่า การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมิได้เกิดขึ้นเพราะพลังของความตั้งใจ
หรือ พลังแห่งจินตนาการเท่านั้น
แต่การไปถึงคุณค่า ความหมาย และ ถึงเป้าหมายชีวิตที่แท้จริงนั้นอยู่ที่เราต้องได้รับพลังจากพระเจ้าหนุนเสริมเราในชีวิตประจำวัน
เศคาริยาห์ 4:6 บอกเรื่องนี้ว่า
“...ไม่ใช่ด้วยกำลัง ไม่ใช่ด้วยฤทธิ์อำนาจ
แต่โดยวิญญาณของเรา...” (อมธ.)
(2) พระวจนะของพระเจ้าเป็นเครื่องชี้นำชีวิตของเรา
พระเจ้าเป็นเจ้าของชีวิตของเรา
และพระวจนะของพระองค์เป็นคู่มือการดำเนินชีวิตของเรา ดังนั้น ยิ่งถ้าเราอ่าน ศึกษา
ขุดค้นหา ใคร่ครวญ และปลูกฝังพระวจนะลงในความคิด
ความจำ และในจิตสำนึกของเรามากแค่ไหน
เรายิ่งมีเรียนรู้การดำเนินชีวิตประจำวันของเรากว้างไกล เจาะลึก
จากคู่มือการดำเนินชีวิตของพระเจ้ามากขึ้นแค่นั้น และแน่นอนว่า ชีวิตของเราจะประสบกับคุณค่า ความหมาย และสำเร็จตามเป้าประสงค์ของพระผู้ทรงสร้าง
เมื่อโยชูวาจะนำชนอิสราเอลเข้าไปในแผ่นดินพระสัญญา
พระเจ้าได้กำชับไว้ว่า “อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัตินี้ห่างจากปากของเจ้า
แต่จงตรึกตรองตามนั้นทั้งกลางวันและกลางคืน
เพื่อเจ้าจะได้ระวังที่จะทำตามข้อความทุกประการที่เขียนไว้นั้น
แล้วเจ้าจะมีความเจริญ และประสบความสำเร็จ” (โยชูวา 1:8 มตฐ.)
(3) การสนับสนุนจากประชากรของพระเจ้า
ในชีวิตจริง และ ในที่ทำงานแต่ละวัน
เราไม่สามารถปิดหูปิดตามุ่งหน้าไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายด้วยตัวคนเดียวได้ เราต้องร่วมกันกับทีมงานคนอื่น ๆ ถึงจะไปให้ถึงเป้าหมาย
ฝูงชนทั่วไปไม่สามารถสนับสนุนท่าน แต่คนในกลุ่มเฉพาะสามารถทำได้ พวกเขารู้เมื่อคุณเจ็บป่วย
พวกเขารู้เวลาชีวิตคุณประสบกับความยากลำบาก พวกเขารู้ว่าคุณจำเป็นต้องพักผ่อน คุณสามารถแบ่งปันเป้าหมาย ความสำเร็จและความล้มเหลวกับพวกเขา เขาสามารถร่วมแสดงความยินดีกับท่าน และพวกเขาให้กำลังใจท่านให้ก้าวเดินต่อไป ท่านจำเป็นต้องการเพื่อนที่ทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม และผูกพันหนุนเสริมกันไปด้วยความจริงใจ
ปัญญาจารย์ 4:12 กล่าวไว้ว่า
“ตัวคนเดียวอาจถูกปราบลง แต่ถ้ามีเพื่อนสองคนปกป้องกันได้
เชือกสามเกลียวย่อมไม่ขาดง่าย ๆ ...” (สมช.)
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
Prasit.emmaus@gmail.com; 081 289 4499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น