คงไม่มีใครจะคัดค้านว่า เทคโนโลยีการสื่อสารสังคมได้ขยายแผ่อิทธิพลครอบคลุมพื้นที่ชีวิต
สังคม อย่างกว้างไกลและมีพลังครอบงำอย่างอยู่หมัด ไม่ว่าจะเป็นผู้คนในระดับฐานะเศรษฐกิจ อาชีพ
หรือชนชั้น หรือวัยไหนก็ตาม หรือแม้แต่จะมีความเชื่อในศาสนาใดก็ตาม เรียกได้ว่าไม่มีขอบเขตใดที่จะมาขวางกั้นอิทธิพลของเทคโนโลยีสื่อสังคมเหล่านี้ได้จริงจัง
คำถามสำหรับคริสตชน เราคงไม่มาเสียเวลาถามว่า
คริสตจักรควรจะใช้เทคโนโลยีสื่อสังคมสมัยใหม่นี้หรือไม่ แต่เราจำเป็นจะต้องแสวงหาหลักเกณฑ์และหลักการของเราว่า เราจะใช้เครื่องมือสื่อสังคมสมัยใหม่นี้เพื่อก่อเกิดประโยชน์สร้างสรรค์แก่ชีวิตและสังคมโลกอย่างไรมากกว่า
และทำอย่างไรที่เราจะไม่ตกเป็นเหยื่อของคนที่ใช้เทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่ที่จะมาครอบงำความคิด
มุมมอง และ การตัดสินใจในการดำเนินชีวิตคริสตชนของเรา ตรงกันข้าม
เราจะใช้เครื่องมือสื่อสารทันสมัยนี้เพื่อพันธกิจแห่งแผ่นดินของพระเจ้า
โดยไม่เผลอตกลงในกับดักอุบายของคนใช้เครื่องมือสื่อสารสมัยนี้เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ การเมือง
สังคม พรรคพวก และวัฒนธรรมทันสมัยอย่างไร?
1. อย่าให้การเข้าถึงเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ทำให้เราต้องออกห่างความสัมพันธ์คนรอบข้าง
จากหลักฐานเชิงประจักษ์ที่เราพบทุกเมื่อเชื่อวันในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าในบ้าน
ในคริสตจักร ในรถโดยสาร
ในเครื่องบิน ในสนามบิน เราพบว่าต่างคนต่างสนใจ “หน้าจอ” ของตนเอง แม้แต่คนที่รู้จักกัน
เดินทางด้วยกันก็ไม่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน
แต่กลับใส่ใจ สนใจหน้าจอของตน
และนี่รวมถึงโต๊ะอาหารที่คนในครอบครัวรับประทานด้วยกัน?
ในฐานะคริสตชน
ข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่สำคัญกว่านั้นคือความสัมพันธ์ ความสนใจ และ
การใส่ใจหน้าต่อหน้าที่มีต่อกันสำคัญกว่า
แต่ทุกวันนี้ “หน้าจอ”
มาแย่งเวลาชีวิตของเราจากความสัมพันธ์ที่เราควรจะมีต่อกันแบบหน้าต่อหน้า
2. ใช้เทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่เพื่อสิ่งที่มีคุณค่า
และ ความหมายที่แท้จริง บนรากฐานความเชื่อของคริสตชน
เมื่อก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 4 ผู้ปกครองจักรวรรดิโรมันได้ตัดถนนให้เชื่อมต่อกันให้กว้างไกลที่สุดทั่วจักรวรรดิอันไพศาลของตน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการแผ่กว้างอำนาจทางการทหาร การปกครอง
และเศรษฐกิจของจักรวรรดิ
ซึ่งการกระทำเช่นนี้ต้องถือว่าเป็นนวัตกรรมที่เยี่ยมยอดและยิ่งใหญ่ในสมัยนั้นเลยทีเดียว แต่ขอตั้งข้อสังเกตว่า เบื้องหลังของความทันสมัยในเวลานั้นมีกลุ่มอำนาจที่ทำเพื่อจุดประสงค์ของตนเอง อย่างที่กล่าวแล้วว่า เพื่อการขยายและเคลื่อนกำลังกองทัพอันเกรียงไกรของโรมมันไปให้ทั่วจักรวรรดิ พยายามที่จะควบคุมปกครองให้ทุกประเทศอยู่ในอำนาจของตน เพื่อส่งเสริมทางการค้า
และในเวลาเดียวกันเพื่อจะสามารถเรียกเก็บภาษีจากประเทศต่าง ๆ ในจักรวรรดิของตนด้วย
ซึ่งจุดประสงค์ทั้งหมดทั้งสิ้นดังกล่าว
ในทางหนึ่งเป็นการสร้างอำนาจแก่คนเองและกดขี่คนอื่น เป็นโอกาสของการสร้างระบบการเอารัดเอาเปรียบคนธรรมดาและคนยากไร้ ดูเหมือนเป็นความทันสมัยในเวลานั้น แต่ในอีกด้านหนึ่งกลับเป็นการทำร้ายทำลายคุณค่าและความหมายชีวิตของคนอื่น
ขอตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อเกิดคริสตจักรสมัยเริ่มแรก อัครทูต
คริสตชนผู้เชื่อ
ต่างได้ใช้ถนนหนทางของจักรวรรดิในการเดินทางเพื่อประกาศเผยแพร่พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
และเสริมสร้างคริสตจักรที่เกิดขึ้นในดินแดนต่าง ๆ ในเวลานั้นให้มีความเชื่อที่มั่นคง
และมีความกล้าหาญในการทำพันธกิจของพระเยซูคริสต์แก่ผู้คนในสังคมยุคนั้น และเพราะมีถนนหนทางที่เชื่อมต่อโยงใยถึงกันเช่นนี้เองที่ทำให้แผ่นดินของพระเจ้าแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว
กว้างไกล และเข้มแข็ง
คริสตชนปัจจุบันต้องกลับมาถามตนเองว่า
ตนจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยีสื่อสารทันสมัยในปัจจุบันอย่างไร
เพื่อจะใช้ประโยชน์เพื่อสานต่อพระราชกิจแห่งแผ่นดินของพระเยซูคริสต์ได้ตามพระประสงค์ โดยไม่ตกหลุมพรางกับดัก หรือ
เป็นเหยื่อในแผนการของคนที่สร้างและขายเทคโนโลยีสื่อทันสมัยนี้
3.
หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องมือสื่อสารทันสมัยเพื่อประโยชน์ของตนเอง/พรรคพวก/คริสตจักร
แนวโน้มสูงมากที่มีการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสื่อความทันสมัยยุคนี้ ที่นำไปสู่การสร้างการแข่งขัน ขัดแย้ง แปลกแยก และ แตกแยกกันในสังคม และ
ในคริสตจักรด้วย
ปัจจุบันเราสามารถพบได้ว่า
หลายคนใช้เครื่องมือสื่อสารทันสมัยให้ออกความคิดเห็น เพื่อนำไปสู่การโจมตี
กล่าวร้าย ยุแหย่ให้เกิดการเลือกข้าง
ที่เกิดขึ้นเช่นนี้เพราะคนกลุ่มนี้ใช้สื่อทันสมัยเพื่อประโยชน์แห่งตน หรือ
เพื่อพรรคพวก
ซึ่งจะเห็นชัดในอีกไม่นานข้างหน้าที่จะออกมาในนาม
“การหาเสียงเพื่อการเลือกตั้ง”? คริสตชนจะต้องหลีกเลี่ยงไม่ตกหลุมพรางของคนกลุ่มนี้
อีกประการหนึ่ง
การใช้เทคโนโลยีการสื่อสารทันสมัยเพื่อประโยชน์ของ “องค์กรคริสตจักร” และ
(ผู้นำของคริสตจักรนั้น ๆ)
ที่ประกาศศักดาความเก่งกล้าสามารถของผู้นำคริสตจักร สร้างความนิยมชมชื่นคนติดตามตนมากขึ้นแทนการติดตามและเป็นสาวกที่แท้จริงของพระคริสต์ หรือ
การสร้างชื่อเสียงแก่คริสตจักรด้วยกิจกรรม และ ความสำเร็จที่ตนทำ แล้ววัดกันว่าจะมีผู้คน และ
คริสตจักรที่มานิยมชมชื่นคริสตจักรของตนเองสักแค่ไหน เปลี่ยนมาใช้วิธีการ และ
กลยุทธแบบที่ตนเองนำเสนอมากน้อยแค่ใหน
แต่ในฐานะคริสตชน
เราต้องกลับมาอธิษฐานขอการชี้นำจากพระคริสต์ว่า
เราจะใช้เครื่องมือสื่อสารทันสมัยที่มีอยู่อย่างไรที่เป็นการสานต่อพระราชกิจแห่งแผ่นดินของพระเจ้า ตามพระประสงค์ของพระองค์
เราจะใช้เทคโนโลยีสื่อทันสมัยที่จะเป็นสะพานนำคริสตชนและพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เข้าถึงชุมชน
คนยากไร้ คนถูกทอดทิ้ง หรือ คนถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างไร? เราจะใช้เครื่องมือที่พระเจ้าประทานแก่เราในการสร้างสันติแห่งแผ่นดินของพระเจ้าได้อย่างไร?
เมื่อสังคมโลกมีเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัย คริสตชนจะรับผิดชอบที่จะใช้ของประทานเหล่านี้ตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างไร?
ท่านคิดเห็นอย่างไร? และมีข้อแนะนำ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอย่างไรบ้างครับ?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
prasit.emmaus@gmail.com; 081 289 4499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น