หลักการพระคัมภีร์ในการพลิกฟื้นคืนดีความสัมพันธ์ใหม่คือ
การแก้ที่ปัญหา แต่มิใช่การโยนปัญหา หรือ
ความผิดให้กับผู้อื่น หรือการค้นหาว่าใครทำผิด เราจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้เลยถ้าเรามัวแต่มาหาว่าใครทำผิด
ใครเป็นฝ่ายผิด ดังนั้น การพลิกฟื้นคืนดี
จึงมิใช่การโต้เถียงเอาเป็นเอาตายเพื่อพิสูจน์ หรือ หาว่าใครทำผิดกันแน่ พระคัมภีร์ให้หลักการแก่เราว่า
เราจะรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร
สุภาษิตแนะนำเราว่า “คำตอบนุ่มนวลช่วยละลายความโกรธเกรี้ยวให้หายไป แต่คำกักขฬะ เผ็ดร้อน ยั่วโทสะ” (สุภาษิต
15:1 สมช.)
เราจะไม่สามารถพูดกันรู้เรื่องจนสามารถพลิกฟื้นคืนดีความสัมพันธ์ของเราขึ้นใหม่ได้เลย ถ้าเราไม่ใช้คำพูดที่มีปัญญา คำพูดที่นุ่มนวลย่อมดีกว่าคำพูดที่ถากถาง
เยาะเย้ย หรือ กล่าวโทษ
ท่าทีในการพูดและการใช้คำพูดมีความสำคัญมากต่อการแก้ปัญหา ถ้าเราพูดด้วยท่าทีความไม่พอใจ อีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องปกป้องตนเอง พระวจนะของพระเจ้าบอกแก่เราว่า “คนมีปัญญาเรียกได้ว่าเป็นคนมีความเข้าใจ และวาจาอ่อนหวานเพิ่มอำนาจการสั่งสอน”
(สุภาษิต 16:21 อมธ.)
การพูดถากถาง ดุด่า ไม่ช่วยในการแก้ปัญหา
เราจะไม่สามารถโน้มน้าวจิตใจของคนอื่นได้เลย ถ้าคำพูดของเราทำให้คนอื่นต้องอับอาย เจ็บ
หรือเสียหาย
ในช่วงสมัยสงครามเย็น
คู่สงครามทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องด้วยกันว่า มีอาวุธสงครามบางอย่างนั้นทำลายล้างอย่างสูงและเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้อาวุธนั้น เพื่อประโยชน์ร่วมกัน จึงเห็นว่าให้ทำลายคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ และ มีการประมาณการใช้อาวุธเหล่านั้น
เปาโลกล่าวสรุปไว้ว่า “อย่าให้คำเลวร้ายออกจากปากของท่านทั้งหลาย
แต่จงกล่าวคำดี ๆ ที่เสริมสร้างและที่เหมาะกับความต้องการ เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยิน”
(เอเฟซัส 4:29 มตฐ.)
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
Prasit.emmaus@gmail.com; 081 289 4499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น