พระเยซูคริสต์ทรงเทศนาแก่ฝูงชน แต่ใช้เวลาทุ่มเทสร้างสาวกเพียง 12 คน และในจำนวนนั้นทรงใช้เวลามากพิเศษกว่าคนอื่น ๆ
กับสาวก 3 คน (เปโตร ยากอบ และ ยอห์น)
และดูเหมือนว่าใช้เวลามากกว่าเพื่อนกับเปโตร ผู้นำคริสตจักรหลายคนมิได้ทำเช่นนี้ ...
และต่อไปนี้...คือเหตุผลที่ได้จากการสังเกตว่าทำไมผู้นำคริสตจักรไม่ทำเช่นนั้น
1. เรามักสอนสาวกแบบชั้นเรียนทีละหลาย ๆ คน และใช้เวลาฝึกฝนชีวิตด้านต่าง ๆ และ ในการเป็นพี่เลี้ยงของสาวกพระคริสต์ก็มิได้ทำแบบคนต่อคน ตั้งแต่ผมเห็นการสร้างสาวกในคริสตจักร ทั้งหมดผมเห็นเป็นการสอนในชั้นเรียน มีผู้เรียนทีละหลาย ๆ คน เป็นการส่งผ่านข้อมูลความรู้มากกว่าสร้างสาวก และเห็นว่าทั้งผู้สอนและคนในคริสตจักรต่างเห็นว่าชั้นเรียนยิ่งใหญ่ยิ่งดี การสอนเรื่องสาวกพระคริสต์ทีละไม่กี่คนดูมันจืดชืด ไม่ตื่นเต้น
2. ผู้สอนกลัวว่า ถ้าสร้างสาวกแบบกลุ่มเล็ก ๆ และ แบบตัวต่อตัว จะถูกมองว่าเลือกที่รักมักที่ชัง หรือ เป็นการเล่นพรรคเล่นพวก ถ้าผู้สร้างสาวกใช้เวลากับกลุ่มเล็ก 1-3 คนนั้นมากกว่าคนอื่น ๆ ในกลุ่ม กลัวอาจจะสร้างความเข้าใจผิดว่า ผู้สร้างสาวกลำเอียงเอาใจใส่ 3 คนนี้มากกว่าคนอื่น ๆ เมื่อกลัวเช่นนี้จึงไม่ได้สอนลงลึกในกลุ่มเล็กเฉพาะคน
3. ถ้าเป็นการสร้างสาวกแบบตัวต่อตัว หรือ แบบกลุ่มเล็ก ๆ ผู้สร้างสาวกหลายคนไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร (เพราะผู้สร้างสาวกมักคุ้นชินกับการสอนแบบชั้นเรียน เพราะเป็นการถ่ายทอดเนื้อหาบทเรียน และผู้สร้างสาวกในกรณีนี้ส่วนใหญ่เกือบทุกคนเป็นคนสร้างสาวกที่ไม่เคยถูกสร้างให้เป็นสาวกมาก่อน ดังนั้น การสร้างสาวกแบบเข้าถึงชีวิตรายบุคคลจึงเป็นเรื่องแปลก ที่ตนไม่คุ้นชินที่จะทำ
4. ต้องใช้เวลามาก ถ้าเลือกที่จะสร้างสาวกแบบตั้งใจสร้างเป็นรายบุคคลต้องใช้เวลาอันมีค่ามากมาย แล้วจะเอาเวลาจากที่ไหนมาทำเช่นนั้น?
5. มองว่าเป็นวิธีที่เสี่ยง การที่ผู้สร้างใช้เวลาเป็นพิเศษกับบางคน กลัวว่า คนที่ตนกำลังสร้างให้เป็นสาวกจะรู้เรื่องราวชีวิตของตนในรายละเอียดมากยิ่งขึ้นกว่าปกติ หลายคนไม่พร้อมที่จะให้คนอื่นรู้ลึกในรายละเอียดชีวิตของตนมากเกินไป
6. มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอย่างมากว่า งานของตนเป็นการศึกษา การสอน และ การเทศน์พระวจนะเท่านั้น ทั้งพระเยซูคริสต์ และ เปาโล ได้ทำให้เห็นชัดแล้วว่า การเป็นผู้อภิบาล สร้างสาวกทำมากกว่านั้นอีกมากมาย
7. ผู้อภิบาล หรือ ผู้นำคริสตจักร เข้าใจว่างานของตนทำเพื่อการเกิดผลในปัจจุบัน ไม่ได้คิดถึงชีวิตคริสตจักรในอนาคต เพราะผู้อภิบาลหลายคนทำงานให้บรรลุตามตัวชี้วัด ซึ่งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นผลที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่น้อยนักที่จะให้บรรลุผลกระทบต่ออนาคต
8. ผู้อภิบาลบางท่านมีประสบการณ์เชิงลบกับการทำพันธกิจในอดีต ผู้นำบางคนเคยทุ่มเทสร้างผู้นำรุ่นใหม่ แต่ผู้นำใหม่กลับมาหักหลังทำร้ายตน ดังนั้น จึงเข็ดหลาบที่จะสร้างสาวกในกระบวนการนั้นซ้ำอีก
9. มองว่าการสร้างสาวกแบบกลุ่มเล็กหรือตัวต่อตัวมิใช่ส่วนหนึ่งในพันธกิจที่ตนรับผิดชอบ ผู้นำคริสตจักรกลุ่มนี้มองว่า การสร้างสาวกแบบตัวต่อตัวเป็น “งานพิเศษ” ที่เพิ่มขึ้นมา แต่ตนมีงานมากมายที่ต้องรับผิดชอบ เขาจะทำและทุ่มเทถ้าเขามีเวลาเหลือจากงานหลัก แต่เขามองไม่เห็นว่า นี่เป็นการสร้างผู้นำที่ตนสามารถจะมอบหมายให้เขาเข้ามาร่วมทำงานพันธกิจกับตน ตนไม่ต้องทำอยู่คนเดียวในอนาคต
10. มักบอกว่า ไม่มีใครที่มากระตุ้นท้าทายให้เขาสร้างสาวกแบบตัวต่อตัว ตามแนวทางแบบพระคริสต์ แต่ปัจจุบันมีการท้าทายมากมายหลายทาง ทั้งในสื่อหนังสือสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ และข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย แต่อยากจะบอกว่า การที่จะทุ่มเทสร้างสาวกแบบจริงจังคนต่อคน ชีวิตต่อชีวิต แบบพระคริสต์นี้เป็นเรื่องที่เกิดจากใจ คือ ตั้งใจ และ เต็มใจที่จะทำ และยังทำอย่างมีขั้นตอนแผนงานขับเคลื่อนที่ชัดเจน เพื่อจะเทพลังชีวิตให้กับผู้เชื่อกลุ่มเป้าหมายเล็ก ๆ นี้เหมือนกับพระคริสต์ เราสามารถเริ่มต้นแม้จะมีเพียงคนที่เราจะสร้าง 1 คนก็ตาม
1. เรามักสอนสาวกแบบชั้นเรียนทีละหลาย ๆ คน และใช้เวลาฝึกฝนชีวิตด้านต่าง ๆ และ ในการเป็นพี่เลี้ยงของสาวกพระคริสต์ก็มิได้ทำแบบคนต่อคน ตั้งแต่ผมเห็นการสร้างสาวกในคริสตจักร ทั้งหมดผมเห็นเป็นการสอนในชั้นเรียน มีผู้เรียนทีละหลาย ๆ คน เป็นการส่งผ่านข้อมูลความรู้มากกว่าสร้างสาวก และเห็นว่าทั้งผู้สอนและคนในคริสตจักรต่างเห็นว่าชั้นเรียนยิ่งใหญ่ยิ่งดี การสอนเรื่องสาวกพระคริสต์ทีละไม่กี่คนดูมันจืดชืด ไม่ตื่นเต้น
2. ผู้สอนกลัวว่า ถ้าสร้างสาวกแบบกลุ่มเล็ก ๆ และ แบบตัวต่อตัว จะถูกมองว่าเลือกที่รักมักที่ชัง หรือ เป็นการเล่นพรรคเล่นพวก ถ้าผู้สร้างสาวกใช้เวลากับกลุ่มเล็ก 1-3 คนนั้นมากกว่าคนอื่น ๆ ในกลุ่ม กลัวอาจจะสร้างความเข้าใจผิดว่า ผู้สร้างสาวกลำเอียงเอาใจใส่ 3 คนนี้มากกว่าคนอื่น ๆ เมื่อกลัวเช่นนี้จึงไม่ได้สอนลงลึกในกลุ่มเล็กเฉพาะคน
3. ถ้าเป็นการสร้างสาวกแบบตัวต่อตัว หรือ แบบกลุ่มเล็ก ๆ ผู้สร้างสาวกหลายคนไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร (เพราะผู้สร้างสาวกมักคุ้นชินกับการสอนแบบชั้นเรียน เพราะเป็นการถ่ายทอดเนื้อหาบทเรียน และผู้สร้างสาวกในกรณีนี้ส่วนใหญ่เกือบทุกคนเป็นคนสร้างสาวกที่ไม่เคยถูกสร้างให้เป็นสาวกมาก่อน ดังนั้น การสร้างสาวกแบบเข้าถึงชีวิตรายบุคคลจึงเป็นเรื่องแปลก ที่ตนไม่คุ้นชินที่จะทำ
4. ต้องใช้เวลามาก ถ้าเลือกที่จะสร้างสาวกแบบตั้งใจสร้างเป็นรายบุคคลต้องใช้เวลาอันมีค่ามากมาย แล้วจะเอาเวลาจากที่ไหนมาทำเช่นนั้น?
5. มองว่าเป็นวิธีที่เสี่ยง การที่ผู้สร้างใช้เวลาเป็นพิเศษกับบางคน กลัวว่า คนที่ตนกำลังสร้างให้เป็นสาวกจะรู้เรื่องราวชีวิตของตนในรายละเอียดมากยิ่งขึ้นกว่าปกติ หลายคนไม่พร้อมที่จะให้คนอื่นรู้ลึกในรายละเอียดชีวิตของตนมากเกินไป
6. มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอย่างมากว่า งานของตนเป็นการศึกษา การสอน และ การเทศน์พระวจนะเท่านั้น ทั้งพระเยซูคริสต์ และ เปาโล ได้ทำให้เห็นชัดแล้วว่า การเป็นผู้อภิบาล สร้างสาวกทำมากกว่านั้นอีกมากมาย
7. ผู้อภิบาล หรือ ผู้นำคริสตจักร เข้าใจว่างานของตนทำเพื่อการเกิดผลในปัจจุบัน ไม่ได้คิดถึงชีวิตคริสตจักรในอนาคต เพราะผู้อภิบาลหลายคนทำงานให้บรรลุตามตัวชี้วัด ซึ่งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นผลที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่น้อยนักที่จะให้บรรลุผลกระทบต่ออนาคต
8. ผู้อภิบาลบางท่านมีประสบการณ์เชิงลบกับการทำพันธกิจในอดีต ผู้นำบางคนเคยทุ่มเทสร้างผู้นำรุ่นใหม่ แต่ผู้นำใหม่กลับมาหักหลังทำร้ายตน ดังนั้น จึงเข็ดหลาบที่จะสร้างสาวกในกระบวนการนั้นซ้ำอีก
9. มองว่าการสร้างสาวกแบบกลุ่มเล็กหรือตัวต่อตัวมิใช่ส่วนหนึ่งในพันธกิจที่ตนรับผิดชอบ ผู้นำคริสตจักรกลุ่มนี้มองว่า การสร้างสาวกแบบตัวต่อตัวเป็น “งานพิเศษ” ที่เพิ่มขึ้นมา แต่ตนมีงานมากมายที่ต้องรับผิดชอบ เขาจะทำและทุ่มเทถ้าเขามีเวลาเหลือจากงานหลัก แต่เขามองไม่เห็นว่า นี่เป็นการสร้างผู้นำที่ตนสามารถจะมอบหมายให้เขาเข้ามาร่วมทำงานพันธกิจกับตน ตนไม่ต้องทำอยู่คนเดียวในอนาคต
10. มักบอกว่า ไม่มีใครที่มากระตุ้นท้าทายให้เขาสร้างสาวกแบบตัวต่อตัว ตามแนวทางแบบพระคริสต์ แต่ปัจจุบันมีการท้าทายมากมายหลายทาง ทั้งในสื่อหนังสือสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ และข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย แต่อยากจะบอกว่า การที่จะทุ่มเทสร้างสาวกแบบจริงจังคนต่อคน ชีวิตต่อชีวิต แบบพระคริสต์นี้เป็นเรื่องที่เกิดจากใจ คือ ตั้งใจ และ เต็มใจที่จะทำ และยังทำอย่างมีขั้นตอนแผนงานขับเคลื่อนที่ชัดเจน เพื่อจะเทพลังชีวิตให้กับผู้เชื่อกลุ่มเป้าหมายเล็ก ๆ นี้เหมือนกับพระคริสต์ เราสามารถเริ่มต้นแม้จะมีเพียงคนที่เราจะสร้าง 1 คนก็ตาม
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น