08 มิถุนายน 2561

เมื่อมารทำให้พระมหาบัญชาหมดพลัง?:

แยกการประกาศพระกิตติคุณออกจากการสร้างสาวกพระคริสต์

เมื่อมารเข้ามาขวางให้พระมหาบัญชาของพระคริสต์หมดแรงสิ้นพลัง   มารมิได้ทำให้คริสตจักรของพระคริสต์หยุดทำพันธกิจตามพระมหาบัญชา   เพียงแต่หลอกล่อให้คริสตจักรแยกการประกาศพระกิตติคุณออกจากการสร้างสาวก   โดยให้ทั้งสองกลุ่มมีกรอบคิดกรอบเชื่อที่แตกต่างกัน   สองกลุ่มนี้ไม่ถึงกับต้องทะเลาะกัน   แต่สองกลุ่มนี้ต่างคนต่างทำ ไม่ประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน หรือไม่บางคริสตจักรเลือกออกไปประกาศ และบางคริสตจักรเลือกการสร้างสาวก

พวกหนึ่งถูก “ใส่ความคิด”   ว่า     เพื่อให้คริสตจักร และ คริสต์ศาสนาเป็นที่ยอมรับของสังคมโลก    ดังนั้น คริสตจักรควรเน้นเรื่องการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตแบบคริสตชนในคริสตจักร   ให้สังคมโลกมองเห็นว่า        คริสตจักรเป็นชุมชนที่มีคุณภาพที่ชีวิตที่ดี  ที่เอื้ออาทรต่อกัน   ที่รักกัน   ดังนั้นคริสตจักรเหล่านี้มักเน้นให้สมาชิกอยู่กันแต่ในรั้วคริสตจักร   สนใจตนเอง  สร้างชุมชนคุณภาพของตนเอง  ส่วนมากมักพบว่าเป็น        คริสตจักรที่มีอายุยาวนาน   เน้นเรื่องชั้นเรียนคริสเตียนศึกษาที่ให้ความสำคัญกับความรู้ในสิ่งที่ตนเชื่อ เน้นการส่งทอดความเชื่อแก่ลูกหลาน   ชุมชนคริสตจักรเป็นชุมชนปัญญาชน   เป็นชุมชนที่มิได้เชื่องมงายแต่มีเหตุมีผล   หลักศาสนศาสตร์ต้องเป็นตรรกะมีเหตุมีผล

ในขณะมีคริสตจักรอีกกลุ่มหนึ่งที่เน้นและให้ความสำคัญในประกาศพระกิตติคุณ   แต่มักมุ่งเน้นที่การประกาศพระกิตติคุณเพื่อให้ผู้คนในสังคมชุมชนเปลี่ยนแปลงศาสนาให้มานับถือศาสนาคริสต์   แต่ไม่ได้ใส่ใจที่จะเน้นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวัน  และในการเปลี่ยนแปลงชีวิตสังคมชุมชน   ขอเน้นว่าเป็นการเน้นการเปลี่ยนแปลงด้านความเชื่อในศาสนา   มิใช่เปลี่ยนแปลงชีวิต

ทั้งสองกลุ่มต่างไม่ได้กระทำตามพระมหาบัญชาของพระคริสต์   เพราะทั้งสองกลุ่มมิได้นำเอาพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ให้ก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คน(รวมถึงของตนเองด้วย)  และสร้างผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตชุมชน

ดังนั้น   มองเผิน ๆ เรามองและคิดว่าคริสตจักรทำตามพระมหาบัญชาของพระคริสต์  แต่ในความเป็นจริงแล้ว  ถ้าเรากระทำตามพระมหาบัญชาของพระคริสต์ต้องก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คน และ การเปลี่ยนแปลงชีวิตสังคมโลก   แต่เพราะเราทำพระมหาบัญชาตามกรอบคิดกรอบเชื่อของตนเอง   จึงทำให้การทำตามพระมหาบัญชาอ่อนแรงและมีพลังถดถอย

การประกาศพระกิตติคุณกับการสร้างสาวกเป็นคู่อุปถัมภ์หนุนเสริมกัน

พระเยซูคริสต์เริ่มต้นพระราชกิจของพระองค์ด้วยการเทศนาถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า  แล้วเรียกร้องให้ผู้ฟังเหล่านั้นกลับใจ (ประกาศพระกิตติคุณ)   แล้วรวบรวมคนกลุ่มหนึ่งขึ้นเพื่อร่วมในพระราชกิจของพระองค์ (การสร้างสาวก)   และในช่วงท้ายแห่งการทำพระราชกิจของพระองค์ พระคริสต์ทรงบัญชาและมอบหมายสิทธิอำนาจแก่พวกเขา  แล้วส่งพวกเขาเข้าไปทำอย่างที่พระองค์กระทำในสังคมโลก   เพื่อผู้คนจะรับการเปลี่ยนแปลงชีวิต  มาเป็นสาวกของพระคริสต์เพิ่มมากยิ่งขี้น  จนกลายเป็นพลังเปลี่ยนแปลงระบบสังคมชุมชนโลก  ด้วยการให้รับบัพติสมา (การประกาศ) และสั่งสอนทุกสิ่งทุกอย่างที่พระคริสต์ได้สอนพวกสาวกไว้ก่อนหน้านี้แล้ว (สร้างสาวก)

เรียกว่าพระคริสต์ได้หลอมให้การประกาศพระกิตติคุณ และ การสร้างสาวกพระคริสต์เป็นคู่อุปถัมภ์กัน

การประกาศพระกิตติคุณ และ การสร้างสาวกเป็นสิ่งที่หนุนเสริมกันและกัน

ตลอดการทำพระราชกิจของพระเยซูคริสต์  พระองค์ได้หลอมรวมบูรณาการการประกาศพระกิตติคุณกับการสร้างชีวิตที่เป็นสาวกของพระคริสต์ให้เป็นชีวิตประจำวันที่เป็นเนื้อเดียวกัน  ทั้งชีวิตจิตวิญญาณและพฤติกรรมที่สำแดงออกในชีวิตแต่ละวันของสาวกเหล่านี้ที่พระองค์ทรงสร้าง   และเราในฐานะที่ติดตามและเป็นสาวกของพระคริสต์  เราจะทำแตกต่างไปจากวิธีการและแบบอย่างที่พระองค์ทำเป็นตัวอย่างแก่เราได้อย่างไร?

เมื่อพระคริสต์ทรงหลอมรวมการประกาศพระกิตติคุณและการสร้างสาวกเป็นเนื้อเดียวกันตั้งแต่ต้นแล้ว       คริสตจักรคือใคร  ที่จะทำให้ทั้งสองต้องแยกออกจากกัน?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น