15 มิถุนายน 2561

กรอบคิดกรอบเชื่อ ทำให้เขาเป็นอย่างที่เขาเชื่อและคิด

ถ้าเราเชื่อเราคิดตามกระแสโลกที่ล้อมรอบเรา  ความเชื่อความคิดของโลกก็จะมีอิทธิพลทำให้ชีวิตของเราเป็นไปตามกระแสสังคมโลก   เราเชื่ออย่างไรเราก็ถูกกำหนดถูกหล่อหลอมพฤติกรรมที่แสดงออกของเราไปตามอิทธิพลของกระแสคิดและเชื่อของสังคมดังกล่าว   พฤติกรรมที่เราแสดงออกคือตัวกำหนดเป้าหมายชีวิตของเรา   หลักการนี้เกิดเป็นจริงกับทั้งคริสตจักร  องค์กร  ประเทศ  หรือ แม้แต่สังคมโลกเราด้วย   กล่าวโดยภาพรวมคือ  ชีวิตของเราเป็นไปตามระบบคุณค่าและคุณธรรมที่เรายึดถือ  (ที่เป็นระบบคุณค่าที่กำหนดโดยกรอบคิดกรอบเชื่อของเรา)

ปัญหาที่น่าหนักใจคือ   คริสตชนถูกกรอบเชื่อกรอบคิดตามกระแสสังคมโลกปัจจุบันเข้ามาทำลายและเข้ายึดพื้นที่หลักเชื่อหลักคิดบนรากฐานสัจจะของพระกิตติคุณที่ควรจะเป็นรากฐาน หรือ แก่นกลางในกรอบคิดกรอบเชื่อของคริสตชน

แล้วหลักเชื่อหลักคิดตามกระแสสังคมโลกปัจจุบันที่แทรกซึมเข้ามายึดพื้นที่กรอบเชื่อความคิดของคริสตชนมีอะไรบ้าง?

1เสรีปัจเจกนิยม:  เข้ามาแทนที่ความเป็นไทในพระคริสต์ 

กรอบเชื่อกรอบคิดแห่งสัจจะของพระคริสต์เท่านั้นที่ให้ความเป็นไทแก่ชีวิตมนุษย์ที่พระคริสต์กอบกู้ให้หลุดรอดออกจากการครอบงำของอำนาจความบาปชั่ว   มาสู่ชีวิตที่เสรีหรือมีความเป็นไทในพระคริสต์  ที่ดำเนินชีวิตตามแผนการและพระประสงค์ของพระคริสต์  ในขณะที่เสรีปัจเจกนิยม  หรือ เสรีตามใจฉัน  ที่คน ๆ นั้นคิด ตัดสินใจ และมีพฤติกรรมตามใจตามความต้องการของตนเอง  จะผิดจะถูกอยู่ที่การพิจารณาตัดสินตามใจของเจ้าตัว  แม้คนอื่นจะมองว่าการทำเช่นนั้นไม่ถูกต้อง   แต่ถ้ามีประโยชน์ ดีต่อตนเอง  ก็จะตัดสินใจทำ  กลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัว   เอาตนเองเป็นที่ตั้ง  อย่างที่ปรากฏในพระคัมภีร์ผู้วินิจฉัย 21:25 “ใน​สมัย​นั้น​ไม่​มี​กษัตริย์​ใน​อิส​รา​เอล ต่าง​ก็​ทำ​ตาม​ที่​ตน​เอง​เห็น​ชอบ”  หรือเป็นเหมือนผู้นำที่ชื่อว่าแซมสัน   ที่ตัดสินใจตามใจตนเอง  เมื่อแซมสันต้องการที่จะแต่งงาน  พ่อแม่ให้แซมสันหาหญิงที่เหมาะสมในหมู่อิสราเอล  มิใช่หญิงฟาลิสเตีย เพราะเขาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า   แต่แซมสันกลับเอาแต่ใจตนเอง  ตอบพ่อแม่ว่า “ไป​ขอ​นาง​ให้​ลูก​ที เพราะ​นาง​ต้อง​ตา​ต้อง​ใจ​ลูก​มาก” (ผู้นิจฉัย 14:3 มตฐ.)

2โลกียนิยม หรือ โลกนิยม: 

พูดง่าย ๆ สั้น ๆ ของหลักเชื่อหลักคิดในที่นี้คือ “พระเจ้าไม่สำคัญ” “ไม่จำเป็นต้องมีพระเจ้า”  เป็นการขับดันความคิดเรื่องพระเจ้าออกไปจากทุก ๆ มิติในชีวิตของเรา   จนถึงหน่วยย่อยลงไปทั้งในด้านการศึกษา  การปกครองสังคมชุมชน  ความสัมพันธ์ในครอบครัวถึงระดับประเทศ และ ในโลกปัจจุบัน   แต่ที่น่าหนักใจอย่างยิ่งคือ   คริสตชนจำนวนมากในปัจจุบันนี้ต้องตกอยู่ใต้อิทธิพล กรอบเชื่อกรอบคิดนี้  แม้ว่าคริสตชนกลุ่มนี้จะบอกตรง ๆ ว่าเขายังเชื่อในพระเจ้า  แต่คริสตชนกลุ่มนี้ดันให้พระเจ้าไปอยู่ในมุมที่ถูกจำกัดพื้นที่ทั้งกาละเทศะ  ให้พระเจ้าไปอยู่ที่คริสตจักรในวันอาทิตย์ตอนเช้าเท่านั้น   เขาไม่ให้พระเจ้าไปป้วนเปี้ยนในชีวิตประจำวันของเขา  ในที่ทำงาน  ในกลุ่มเพื่อ  ในชุมชนและประเทศ

3ไม่มีสัจจะที่ตายตัว: 

หลักคิดหลักเชื่อของคนกลุ่มนี้คือ  สัจจะของฉันไม่จำเป็นต้องเป็นหรือเหมือนสัจจะของคุณ  คนกลุ่มนี้จะคิดจะเชื่อว่า  สัจจะจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์แวดล้อม   ตามบริบท  ตามวัฒนธรรม  ดังนั้น จึงไม่มีสัจจะที่จริงแท้ตายตัว หรือ มีสัจจะที่เป็นหนึ่งเดียว   ดังนั้น  เขาจึงมิได้ยึดถือสัจจะหนึ่งเดียวของพระเจ้าที่จะใช้เป็นมาตรฐานในการชี้วัด   ซึ่งอิทธิพลความคิดเช่นนี้กำลังมีอิทธิพลอย่างมากในสังคมปัจจุบันนี้

คริสตชนจะต้องระมัดระวังในการดำเนินชีวิตประจำ   อย่าให้อิทธิพลความคิดความเชื่อทั้ง 3 ประการที่มีอิทธิพลของกระแสสังคมเข้ามาครอบงำกรอบคิดกรอบเชื่อของเรา  อิทธิพลทั้ง 3 ประการคือ เสรีปัจเจกนิยม  โลกียนิยม  และสัจจะความจริงแท้ไม่มีจริง  หรือ สัจจะความจริงไม่ใช่สิ่งตายตัว  แต่เปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพแวดล้อมชีวิต

ถ้าสังคมถูกครอบงำด้วยอิทธิพลจากกระแสสังคมปัจจุบันทั้ง 3 ประการจะทำให้เกิดผลที่ตามมาคือ  สังคมที่เราอยู่จะมีแต่ผู้คนที่เอาตนเองเป็นที่ตั้งเป็นหลัก  เป็นคนที่เห็นแก่ตัว  สังคมก็จะเคลื่อนไปอย่างโงนเงน ไม่มั่นคง หวั่นไหว  นำสู่ความขัดแย้งวุ่นวาย   ผู้คนจะไม่มีใครที่จะอุทิศทุ่มเทเพื่อสัจจะสูงสุด  สำหรับคริสตชนคือพระเจ้าและพระประสงค์ของพระองค์  

คริสตชนที่ถูกกระแสอิทธิพลนี้ครอบงำจะยังบอกคนอื่นว่า เขาเป็นสาวกของพระคริสต์  เขาเป็นคริสเตียน   แต่การคิดการตัดสินใจ และ พฤติกรรมที่เขาแสดงออกคือ   เขาเลือกทำตามสิ่งที่เขาเห็นว่าถูกว่าควรสำหรับเขา   เขาทำเพื่อความต้องการของตนเอง   เขาเห็นแก่ตนเองมากกว่าที่จะทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า   สิ่งที่ตามมาในระยะยาว  เกิดความสับสน ขัดแย้ง ล่มจมขึ้นในวงการคริสตจักร และ สังคมโลกที่คนพวกนี้อาศัยอยู่

เมื่อรากฐานถูกทำลายลงแล้ว
คนชอบธรรมจะทำอะไรได้? (สดุดี 11:3 อมธ.)

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น