24 มิถุนายน 2563

การทำพันธกิจอนุชนในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 21

ถ้าครอบครัวคือ “หัวหอก” และ “แนวหน้า” ในการทำพันธกิจคริสตจักร อนุชนจะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีพลังชีวิตให้เกิดผลร้อยเท่าพันทวี ด้วยพลังแห่งพระราชกิจของพระคริสต์ในชีวิตประจำวันของเขา

นั่นหมายความว่า...การทำพันธกิจอนุชนจะต้องมีพระกิตติคุณของพระคริสต์เป็นแกนกลางแห่งการขับเคลื่อนพลังชีวิตของพวกเขา

1. เสียดายเวลา...ถ้าทำพันธกิจอนุชนโดยไม่มีพ่อแม่เข้าร่วมด้วย...

การทำพันธกิจอนุชนอย่างมีประสิทธิภาพจะต้องเป็น “พันธกิจอนุชนและครอบครัว” คริสตจักรจะต้องใส่ใจเสริมสร้างพ่อแม่ให้เป็นผู้นำในชีวิตจิตวิญญาณสำหรับลูกของเขา และเตรียมเครื่องมือต่าง ๆ สำหรับพ่อแม่เพื่อจะใช้ในการนำลูกของเขาอย่างมีประสิทธิภาพ พันธกิจอนุชนที่เปี่ยมประสิทธิภาพต้องเป็นพันธกิจที่ทุ่มเททำกับทั้งอนุชนและพ่อแม่ของอนุชนไปด้วยกัน

2. ล้มเหลวแน่...ถ้าคิดทำพันธกิจอนุชนตามกระแสสังคมโลก

พันธกิจอนุชนมิใช่การทำกิจกรรมสร้างความบันเทิงแก่อนุชนอย่างที่กระแสสังคมโลกทำกัน การที่กลุ่มอนุชนจะมีความสนุกสนานมิใช่สิ่งต้องห้ามหรือสิ่งที่ผิด เมื่อเราเป็นครอบครัวในพระคริสต์แน่นอนว่าเราควรมีความสุขชื่นชมยินดีในความสัมพันธ์ของเรา ถ้าพันธกิจอนุชนในคริสตจักรจะคิดใช้เกม หรือ กิจกรรมที่สร้างความสนุกสนาน หรือ สิ่งที่อนุชนกำลังสนใจในเวลานี้ เช่น เกมคอมฯ ไอโฟน กีฬา งานเลี้ยง เดินห้าง และ ฯลฯ มาเป็นกิจกรรมดึงดูด   พันธกิจอนุชนจะประสบความล้มเหลวในที่สุด พันธกิจอนุชนถ้าสามารถดึงดูดอนุชน-เยาวชนในการค้นหาความมาย  จุดประสงค์ ความหวัง ศานติ ความชื่นชมยินดี และความรักที่เมตตาเสียสละแบบพระคริสต์ และนี่ควรจะเป็นแรงดึงดูดความสนใจหลักในการทำพันธกิจอนุชน

3. อย่ามองว่า...อนุชนไม่สนใจในการคิด การค้นหา และการเรียนรู้

อนุชนถูกท้าทายในด้านปัญญาและวิชาการในโลกแห่งการเรียนรู้ แต่พันธกิจอนุชนมิใช่ทำตัวเป็นอย่างโรงเรียนในการยัดเยียด ข้อมูล ความรู้ลงใน “หัว” ของอนุชน แต่เราต้องมองเห็นถึงสมรรถนะของอนุชนในการเรียนรู้ ด้วยการเสริมหนุนให้เยาวชนในการค้นหา เพื่อค้นพบคุณค่าและความหมายในชีวิตของตน ผ่านกระบวนการเรียนรู้ถึงคุณค่าและความหมายในพระวจนะของพระเจ้า ในจุดยืนทางคริสต์ศาสนศาสตร์ที่เราเชื่อ และเรียนรู้ถึงสัจจะความจริงในพระประสงค์ของพระเจ้า ผ่านกระบวนการค้นหา เรียนรู้ในชีวิตประจำวันบนรากฐานพระวจนะ

4. “พระกิตติคุณ” เป็นแก่นหลัก หรือ หัวใจของการเรียนรู้และเข้าใจที่สำคัญของอนุชน

คงไม่สามารถรับประกันได้ว่า เมื่อเรียนรู้ถึงหลักแก่นแห่งพระกิตติคุณแล้วอนุชนคนนั้นจะรับพระกิตติคุณในชีวิตของเขาหรือไม่ แต่อย่างน้อยที่สุด อนุชนจะเข้าใจคริสต์ศาสนาในทางที่เข้าใจพระกิตติคุณอย่างเรียบง่ายคือ เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระราชกิจแห่งการช่วยกู้ให้เราแต่ละคนกลับคืนดีกับพระเจ้า ผ่านชีวิต พระราชกิจ การสิ้นพระชนม์ และ การเป็นขึ้นจากความตายของพระคริสต์ และการนำแผ่นดินของพระเจ้ามาสู่มนุษย์และสังคมโลก หรือ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ประการแรก อนุชนจะรู้ว่าคริสต์ศาสนาเป็นเรื่องที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อเราแต่ละคนโดยทางพระเยซูคริสต์  ประการที่สอง พระคริสต์ได้เปลี่ยนแปลงทั้งชีวิตของเราให้มีชีวิตตามพระประสงค์  ประการที่สาม เราแต่ละคนจึงดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ดังกล่าว ยิ่งถ้าอนุชนเข้าใจพระกิตติคุณชัดเจนแค่ไหน โอกาสที่อนุชนคนนั้นจะติดสนิทกับพระคริสต์และมีชีวิตเหมือนพระองค์ในชีวิตประจำวันมากขึ้นเท่านั้น

5. อนุชนเป็นคนที่มี “ความจริงใจและจริงจัง” มากกว่า “คนชอบสนุก”

หลายคนมักคิดว่า คนที่จะทำพันธกิจอนุชนจำเป็นต้องเป็นคนที่มีพลัง ชอบสนุก แต่ในความเป็นจริงอนุชนไว้วางใจ  สนใจ และ ฟังคนที่จริงใจ คนที่มีความลึกซึ้งในพระกิตติคุณและมีความเข้าใจว่าพระเจ้ารักเขาแค่ไหน คนเหล่านี้มักมีพลังดึงดูดความสนใจของอนุชน อนุชนจะฟังคนประเภทนี้ คุณสมบัติเหล่านี้มีความสำคัญกว่าเรื่องอายุ หรือ ความตลกโปกฮา โดยทั่วไปมักมีความเข้าใจที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนว่า คนที่ไม่มีคุณสมบัติแบบคนสนุกเฮฮาไม่เหมาะสมกับการทำพันธกิจอนุชน ผู้ใหญ่หรือคนที่มีอายุมากกว่าอนุชนสามารถเป็นอาสาสมัครหรือร่วมรับใช้ในพันธกิจอนุชน แม้ดูเหมือนว่าเขาไม่มีพลังมากมาย หรือ สิ่งที่คล้ายคลึงกับอนุชนก็ตาม

6. การสื่อสารพระวจนะสำหรับอนุชน

คำกำชับของเปาโลที่มีถึงทิโมธี “จงประกาศพระวจนะ” (2ทิโมธี 4:2 อมธ.) ก็เป็นคำกำชับที่สำคัญสำหรับพันธกิจอภิบาลอนุชน และ พันธกิจการอภิบาลผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะมีอายุเท่าใดก็ตามพันธกิจพระวจนะของพระเจ้าเป็นพันธกิจที่ “หนัก” แน่นอนว่า การสอนพระวจนะ พระกิตติคุณ จะมีวิธีการสอนและการสื่อให้สอดคล้องเหมาะสมตามวัย การใช้ตัวอย่างที่เข้ากับประสบการณ์ชีวิตกลุ่มวัยของผู้เรียน อีกทั้งต้องสอดคล้องตามบริบทของแต่ละภาษา วัฒนธรรม  วิธีการที่สำคัญหนึ่งในการสอนที่นำถึงการตัดสินใจของผู้เรียน คือการสอนพระวจนะของพะเจ้าแบบอรรถาธิบายเจาะลึกลงในความหมายที่สามารถนำสู่การตัดสินใจ นำสู่การปฏิบัติ ทำให้เติบโตด้านชีวิตจิตวิญญาณ และฝึกฝนเสริมสร้างให้ทำพันธกิจและรับใช้

7. คริสตจักรสามารถเสริมสร้างอนุชนให้เป็นคนรับใช้ในคริสตจักรและชุมชน

เป็นความจริงว่า ปัจจุบันนี้อนุชนอยู่กับเราอยู่กับคริสตจักรไปในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น จากนั้นเขาต้องไปศึกษาต่อ  ไปทำงาน มีครอบครัว ซึ่งหลายคนก็ไปอยู่ในต่างถิ่นห่างไกลจากคริสตจักร ที่จะเหลือคงอยู่ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกผู้ใหญ่ในคริสตจักรของเราที่มีจำนวนจำกัด แต่คริสตจักรจะไม่ละเลยมองข้ามการเสริมสร้างอนุชน “ในการทำพันธกิจคริสตจักรและชุมชน” เพื่อวางรากฐานความเชื่อที่เข้มแข็งขึ้น และที่สำคัญเตรียมเขาให้พร้อมที่จะเป็นสาวกของพระคริสต์ที่มีชีวิตในการรับใช้คริสตจักรและชุมชน เพื่อเมื่อเขาไปอยู่ที่ไหนก็ตามเขาจะมีชีวิตประจำวันในการรับใช้คนรอบข้างด้วยความรักเมตตาและเสียสละแบบพระคริสต์ เพื่อเขาจะเป็นสาวกที่เติบโตขึ้นสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ (เอเฟซัส 4:13) แม้ว่าภายหลังเขาจะต้องไปเป็นสมาชิกในคริสตจักรอื่นที่เขาอยู่อาศัยก็ตาม  

อนุชนเป็นผู้ที่มีศักยภาพมากในการรับใช้ ดังนั้นพันธกิจอนุชนจะต้องทุ่มเทและจริงจังในการสร้างเสริมอนุชนแต่ละคนได้เป็นคนรับใช้พระคริสต์ท่ามกลางชุมชนในชีวิตประจำวัน

8. จะเป็นไรไป...ถ้าคริสตจักรของท่านมิได้เป็นผู้เก็บเกี่ยวผลที่เกิดขึ้น

เปาโลเคยกล่าวไว้ว่า “ข้าพเจ้าปลูก อปอลโลรดน้ำ แต่พระเจ้าทรงให้เติบโต” (1โครินธ์ 3:6 อมธ.) บางครั้ง ผู้ทำพันธกิจอาจจะพบกับความสุขที่ได้เห็นอนุชนกลับใจ หรือ เติบโตขึ้นในความเชื่อ และ การเชื่อฟังแบบก้าวกระโดด   แต่บางครั้ง อนุชนได้รับการเรียกร้องให้มีความสัตย์ซื่อในความเชื่อในช่วงเวลาที่ทุกข์ยากลำบาก และบางครั้งเมล็ดแห่งพระวจนะและพระกิตติคุณที่หว่านลงไปในชีวิตจิตใจไม่ค่อยเกิดผล

ท่านครับ  เราต้องตระหนักเสมอว่า การเกิดผลเป็นของประทานจากพระเจ้า เราได้รับการทรงเรียกให้เป็นพยานที่สัตย์ซื่อของพระองค์ ไม่ว่าใครเป็นผู้ปลูกใครเป็นคนรดน้ำ และใครเป็นผู้เก็บเกี่ยวผลก็ตาม

9. ในฐานะผู้นำของอนุชน เราต้องตระหนักชัดถึงอัตลักษณ์ของเราในพระคริสต์

ในฐานะผู้ทำพันธกิจ หรือ เป็นผู้นำพันธกิจอนุชนเราต้องถามตนเองเสมอว่า “ความมีคุณค่าในตัวฉันขึ้นอยู่กับการได้รับความนิยมชมชอบ การยอมรับ หรือ ความคิดเห็นของอนุชนที่มีต่อฉันหรือเปล่า” บางท่านอาจจะรู้สึกว่า คำถามนี้ฟังดูน่าขำ แต่บ่อยครั้งที่เราค้นหาอัตลักษณ์ของตนเองจากการดูว่าอนุชนชอบ ยอมรับตัวเราหรือไม่  แม้บางครั้งอาจจะไม่ทันรู้ตัวก็ตาม

ท่านที่ทำพันธกิจอนุชนทุกท่านครับ ท่านเป็นบุตรของพระเจ้า ที่พระคริสต์ไถ่ถอนท่านมาโดยพระโลหิตของพระคริสต์ และได้แยกท่านไว้เพื่อพันธกิจแห่งพระกิตติคุณและเพื่อการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า และต้องไม่ลืมว่า อัตลักษณ์ของท่านที่มีอยู่ได้รับจากพระคริสต์ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น จงออกไปรับใช้อนุชนของท่านด้วยความชื่นชมยินดีและมีเสรีในชีวิต ถึงแม้มิใช่ทุกคนที่มองว่าท่านเหมาะสมในพันธกิจนี้ก็ตาม

การทำพันธกิจอนุชนมีคุณค่าสำคัญอย่างยิ่ง การวางรากฐานพระวจนะในชีวิตของอนุชนเป็นยุทธศาสตร์อันสำคัญอย่างสูงในการพัฒนาชีวิตในขั้นตอนต่าง ๆ ของอนุชน ผู้อภิบาลอนุชนได้หว่านเมล็ดพระกิตติคุณลงในจิตใจและจิตวิญญาณของอนุชน ซึ่งเป็นการวางเส้นทางการเจริญเติบโตในวิถีชีวิตของพวกเขา และสร้างผลกระทบต่อชีวิตและการทำพันธกิจของคริสตจักร และนี่คือการร่วมและสานต่อพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ในโลกนี้ด้วย

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น