26 มิถุนายน 2563

ผู้นำในภาวะวิกฤติ...เขานำกันอย่างไร?

ความโดดเด่นของผู้นำในภาวะที่วิกฤติ

คุณลักษณะบางประการของผู้นำที่โดดเด่นในภาวะวิกฤติ

ผู้คนจะพบว่า ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ น่านับถือยกย่องเป็นผู้นำที่ฝ่าวิกฤติที่หฤโหด เพราะภาวะวิกฤตินั้นเองที่ทำให้เราเห็นถึงภาวะผู้นำที่แตกต่างจากผู้นำทั่วไป ดังที่ จอห์น เคนเน็ธ เกลเบรธ เคยกล่าวไว้ว่า “ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้นมีคุณลักษณะหนึ่งที่เหมือนกันคือ ตั้งใจและเต็มใจเผชิญหน้ากับสถานการณ์วิกฤติตึงเครียดครั้งใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ๆ”

นอกจากนั้นแล้วยังเป็นผู้นำที่โน้มตัวเข้าหาความท้าทาย ในขณะที่คนอื่นหดหัวจากความท้าทายในยามวิกฤติ   ดังนั้น ภาวะวิกฤติที่ยากลำบากเป็นสิ่งกระตุ้นให้คนรอบข้างเห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของผู้นำคนนั้น เฉกเช่นเมื่อเราคั้นส้มเราก็ได้น้ำส้ม เมื่อเราคั้นมะนาวเราก็ได้น้ำมะนาว และเมื่อมนุษย์ถูกบีบและคั้นในภาวะวิกฤติตึงเครียด สิ่งที่ได้ออกมาคือสิ่งที่มีอยู่ในตัวผู้นำคนนั้น เช่น เขาเป็นคนที่มองลบ หรือ มองบวก เป็นตัวอย่างหนึ่ง

ในสถานการณ์วิกฤตินี้เองที่ผู้นำคนนั้นฉายแววเด่นชัดในความเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่

1. ผู้นำเผชิญหน้ากับวิกฤติจะยึดมั่นบนความเป็นจริง

[1] คำจำกัดความของภาวะวิกฤติคือ เมื่อเราไม่สามารถที่จะพูดว่า “ปล่อยให้มันเป็นไปตามยถากรรม”

[2] ความรับผิดชอบประการแรกของผู้นำคือ การแยกแยะความจริงของสถานการณ์ในตอนนั้นให้ชัดเจน Peter Drucker กล่าวไว้ว่า “ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเป็นช่วงเวลาที่อันตรายยิ่ง แต่สิ่งที่อันตรายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือ กับดักที่ทำให้เราหลบเลี่ยงและปฏิเสธความจริงของสถานการณ์นั้น”

[3] ถ้าผู้คนที่ล้อมรอบตัวผู้นำเองเป็นคนที่มีลักษณะเหมือน ๆ กับผู้นำ...ผู้นำจะกลายเป็นผู้นำที่โดดเดี่ยว (ไม่ใช่ผู้นำที่โดดเด่น) หลักการของผู้นำที่จะประสบความสำเร็จในยามวิกฤติ

1) ท่านต้องตัดสินใจให้พระเจ้าเป็นผู้ชี้นำจุดหมายปลายทางในชีวิตของท่าน มิเช่นนั้นแล้วคนอื่นจะเข้ามาบงการชี้นำจุดหมายปลายทางในชีวิตของท่าน

2) ท่านจะต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอย่างที่มันเป็นอยู่ในขณะนี้ มิใช่ความจริงในอดีต หรือ ความจริงในอนาคตที่เราคาดฝันไว้

3) ท่านจงเป็นคนมีน้ำใสใจจริง ตรงไปตรงมากับทุกคน

4) อย่าเป็นเพียงผู้รับมือ หรือ จัดการ แต่ท่านต้อง “นำ”

5) จงเปลี่ยนแปลงตนเองบนความเป็นจริง มิใช่เปลี่ยนแปลงเมื่อจำเป็นต้องเปลี่ยนเพื่อพรางตัวอย่างกิ้งก่า

6) อย่าคิดที่จะทำเพื่อแข่งขัน หรือ ชิงดีชิงเด่นกับคนอื่น แต่จงทำอย่างสุดกำลังตามของประท่านที่มีในตัวท่าน

2. ในช่วงเวลาที่วิกฤติยากลำบาก ผู้นำมุ่งมองที่ภาพใหญ่  

[1] เป็นผู้นำที่มองได้รอบด้านกว่าคนอื่น มองเห็นก่อนคนอื่น มองเห็นในส่วนที่คนอื่น ๆ ต้องการมองเห็น

[2] ในขณะที่ผู้ตามมองเห็นว่ามันเป็นอะไร แต่ผู้นำจะมองเห็นว่ามันควรจะเป็นอะไร  

[3] ผู้ตามจะคิดถึงตนเองก่อน แต่ผู้นำคิดถึงคนอื่นก่อน

[4] ผู้ตามมองเห็นโทษที่จะได้รับจากความล้มเหลว ในขณะที่ผู้นำมองเห็นผลตอบแทนที่ได้จากความสำเร็จ

[5] ความคลุมเครือ ความไม่ชัดเจน หรือความไม่แน่นอน มิใช่ตัวบ่งชี้ว่าผู้นำ คนนั้นเป็นผู้นำที่ไม่ดี แต่เป็นตัวบ่งชี้ว่าผู้นำคนนั้นมีภาวะผู้นำไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม เราในฐานะผู้นำในยามวิกฤติเราไม่สามารถมีทุกคำตอบ แต่เรารู้ว่าเรากำลังมุ่งไปสู่ที่ไหน

3. ในยามวิกฤติที่ยากลำบาก ผู้นำจะต้องตัดสินใจให้ดีที่สุด

[1] การตัดสินใจเลือกในยามวิกฤติสำคัญกว่าการไม่ตัดสินใจในภาวะสถานการณ์วิกฤติ

[2] ผู้นำทุกคนต่างรู้แน่แก่ใจว่า จะเกิดวิกฤติในบางครั้งการตัดสินใจเลือกในช่วงวิกฤติ

1) ตัดสินใจด้วยความกล้า: วิกฤติขจัดตัวเลือกของเรา แต่เราจะต้องทำอะไรให้สำเร็จ? “เวลาใดก็ตามที่เราได้เห็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แสดงว่าได้มีบางคนที่ได้ตัดสินใจด้วยความกล้าหาญ” (ปีเตอร์ ดรากเกอร์)

2) การตัดสินใจลำดับความสำคัญ: จะต้องทำอะไรให้สำเร็จก่อน

3) เปลี่ยนการตัดสินใจ: เราจะต้องทำอะไรที่ต่างไปจากที่ได้วางแผนมาก่อน “หากมีใครบางคนกำลังเดินไปบนเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง เขาไม่ต้องการแรงจูงใจในการกระตุ้นให้เขาก้าวไปเร็วขึ้น สิ่งที่จำเป็นต้องการของเขาคือ เขาต้องการเรียนรู้ว่าจะหันหลังกลับอย่างไร” (จิม รอห์น)

4) การตัดสินใจที่สร้างสรรค์: แล้วมีทางเลือกอื่นไหม?

5) การตัดสินใจรับการหนุนเสริม: ใครสามารถช่วยเราได้บ้าง?

4. ผู้นำพัฒนาแผนงาน ในช่วงเวลาที่วิกฤติลำบาก  

[1] กำหนดแนวทางปฏิบัติล่วงหน้า

[2] กำหนดเป้าหมาย

[3] ปรับลำดับความสำคัญก่อนหลัง ให้เราปรับลำดับความสำคัญของการดำเนินการและเป้าหมายที่ไม่ค่อยเข้าที่เข้าลำดับ

[4] แจ้งเตือนบุคลากรหลัก

[5] ให้เวลาที่จะพิจารณาการยอมรับ

[6] มุ่งสู่การขับเคลื่อนดำเนินการ

[7] คาดหวังว่าอาจจะมีปัญหาและความขัดแย้ง

[8] ให้มุ่งมองไปยังความสำเร็จเสมอ เพื่อเป็นการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจในช่วงเวลาของวิกฤติ

[9] ให้ทบทวนตรวจสอบความคืบหน้าเป็นรายวัน

5. ในช่วงของวิกฤติ ผู้นำปรับแผนงาน

[1] ผู้นำเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ไม่สำเร็จ “วิกฤตินี้ต้องไม่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง”

[2] บทเรียนรู้ที่ดีที่สุดนั้น ผู้นำเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตที่ได้รับในสถานการณ์ที่เลวร้าย

[3] เรามักไม่พร้อมที่จะรับการสอนในช่วงเวลาที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

6. ในช่วงวิกฤติลำบาก ผู้นำให้คุณค่าแก่ทีมงาน

กฎแห่งภูเขาเอเวอร์เรส  “ยิ่งท้าทายมากเท่าใด ความจำเป็นของทีมงานเอเวอร์เรสก็มากยิ่งขึ้นเท่านั้น” ตัวบ่งชี้ความสำเร็จของผู้นำมิใช่ความสามารถที่จะทำให้คนอื่นทำงาน แต่เป็นความสามารถที่ทำให้คนในทีมงานทำงานหนักมากขึ้น

7. ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผู้นำคือผู้ให้ความหวัง

ความหวังคือรากฐานของการเปลี่ยนแปลง... ถ้าไม่มีความหวังการเปลี่ยนแปลงก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
“สิ่งแรกและภารกิจสุดท้ายของผู้นำคือการรักษาให้ความหวังยังมีชีวิตขับเคลื่อน เป็นความหวังที่เราสามารถแสวงหาให้พบเส้นทางที่นำไปสู่โลกที่ดีกว่า...”  

“การมองโลกในแง่ดี คือการที่เราเชื่อว่าสิ่งต่าง ๆ จะดีขึ้น ด้วยความหวังซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความเชื่อศรัทธา ทั้งสองร่วมกันที่จะทำให้สิ่งต่าง ๆ ดีขึ้น การมองโลกในแง่ดีเป็นคุณธรรมที่แฝงอยู่ในความหวังเชิงปฏิบัติ การมีมุมมองในแง่ดีไม่ต้องมีความกล้าหาญ แต่การที่จะมีความหวังเชิงปฏิบัติจะต้องมีความกล้าหาญอย่างยิ่ง” (โจนาธาน เสคส์)

8. ในช่วงเวลายากลำบาก เป็นช่วงเวลาการทำให้บางสิ่งเกิดขึ้น

[1] เราสามารถประเมินภาวะความเป็นผู้นำ จากขนาดของปัญหาที่ผู้นำเต็มใจที่จะแก้ไข

[2] ถ้าเราไม่สามารถทำให้บางสิ่งเกิดขึ้นแก่ตนเอง เราจะไม่สามารถทำให้บางสิ่งเกิดขึ้นแก่คนอื่น

[3] ในความสะดวกสบาย...“เราทำในสิ่งที่เรารู้แล้วว่าเราสามารถทำได้”

[4] แต่ในความท้าทาย... “เราพยายามทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำสำเร็จมาก่อน”

[5] “การทำให้บางสิ่งให้เกิดขึ้น” เราจำเป็นต้องเสี่ยง

[6] ในช่วงวิกฤติ ปัญหาคือ “ตัวปลุกกระตุ้น” ให้เรามีความสร้างสรรค์

9. ในช่วงเวลาที่วิกฤติลำบาก ผู้นำจะระแวดระวังมุมมอง/ทัศนคติของตน

[1] มุมมอง/ทัศนคติเป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องเลือก เราไม่สามารถที่จะเลือกสถานการณ์ที่เกิดแก่เราเสมอไป แต่เราสามารถที่จะเลือกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในคือ มุมมองและทัศนคติของเรา

[2] มุมมอง/ทัศนคติ เป็นตัวกำหนดที่สำคัญที่ใช้ในการรับมือกับปัญหาที่เราเผชิญ

[3] ในช่วงเวลาวิกฤติลำบาก มุมมอง/ทัศนคติได้แบ่งแยกคนที่ประสบความสำเร็จออกจากผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จ

10. ในช่วงวิกฤติ ผู้นำวางใจในพระเจ้า

“พระเจ้าทรงดีเกินกว่าที่จะไร้ความเมตตา และ รู้แจ้งเห็นจริงเกินกว่าที่จะสับสน แม้ว่าฉันจะไม่สามารถเกาะยึดพระหัตถ์ของพระเจ้า แต่ฉันวางใจพระองค์ได้เสมอ” (ซี.เอ็ช. สเปอร์เจียน)

สิบหลักการนี้พอจะช่วยเราในการนำในภาวะวิกฤติชีวิต ที่ต้องเผชิญหน้ากับ “พวงปัญหา” ที่เป็นผลจากวิกฤติการแพร่ระบาดของ “โควิด 19” ได้ไหมครับ?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น