ความโดดเด่นของผู้นำในภาวะที่วิกฤติ
คุณลักษณะบางประการของผู้นำที่โดดเด่นในภาวะวิกฤติ
ผู้คนจะพบว่า
ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ น่านับถือยกย่องเป็นผู้นำที่ฝ่าวิกฤติที่หฤโหด เพราะภาวะวิกฤตินั้นเองที่ทำให้เราเห็นถึงภาวะผู้นำที่แตกต่างจากผู้นำทั่วไป
ดังที่ จอห์น เคนเน็ธ เกลเบรธ เคยกล่าวไว้ว่า “ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้นมีคุณลักษณะหนึ่งที่เหมือนกันคือ
ตั้งใจและเต็มใจเผชิญหน้ากับสถานการณ์วิกฤติตึงเครียดครั้งใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ๆ”
นอกจากนั้นแล้วยังเป็นผู้นำที่โน้มตัวเข้าหาความท้าทาย
ในขณะที่คนอื่นหดหัวจากความท้าทายในยามวิกฤติ
ดังนั้น ภาวะวิกฤติที่ยากลำบากเป็นสิ่งกระตุ้นให้คนรอบข้างเห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของผู้นำคนนั้น
เฉกเช่นเมื่อเราคั้นส้มเราก็ได้น้ำส้ม เมื่อเราคั้นมะนาวเราก็ได้น้ำมะนาว และเมื่อมนุษย์ถูกบีบและคั้นในภาวะวิกฤติตึงเครียด
สิ่งที่ได้ออกมาคือสิ่งที่มีอยู่ในตัวผู้นำคนนั้น เช่น เขาเป็นคนที่มองลบ หรือ
มองบวก เป็นตัวอย่างหนึ่ง
ในสถานการณ์วิกฤตินี้เองที่ผู้นำคนนั้นฉายแววเด่นชัดในความเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่
1.
ผู้นำเผชิญหน้ากับวิกฤติจะยึดมั่นบนความเป็นจริง
[1]
คำจำกัดความของภาวะวิกฤติคือ เมื่อเราไม่สามารถที่จะพูดว่า “ปล่อยให้มันเป็นไปตามยถากรรม”
[2]
ความรับผิดชอบประการแรกของผู้นำคือ การแยกแยะความจริงของสถานการณ์ในตอนนั้นให้ชัดเจน
Peter
Drucker กล่าวไว้ว่า “ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเป็นช่วงเวลาที่อันตรายยิ่ง
แต่สิ่งที่อันตรายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือ กับดักที่ทำให้เราหลบเลี่ยงและปฏิเสธความจริงของสถานการณ์นั้น”
[3]
ถ้าผู้คนที่ล้อมรอบตัวผู้นำเองเป็นคนที่มีลักษณะเหมือน ๆ กับผู้นำ...ผู้นำจะกลายเป็นผู้นำที่โดดเดี่ยว
(ไม่ใช่ผู้นำที่โดดเด่น) หลักการของผู้นำที่จะประสบความสำเร็จในยามวิกฤติ
1)
ท่านต้องตัดสินใจให้พระเจ้าเป็นผู้ชี้นำจุดหมายปลายทางในชีวิตของท่าน
มิเช่นนั้นแล้วคนอื่นจะเข้ามาบงการชี้นำจุดหมายปลายทางในชีวิตของท่าน
2)
ท่านจะต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอย่างที่มันเป็นอยู่ในขณะนี้ มิใช่ความจริงในอดีต
หรือ ความจริงในอนาคตที่เราคาดฝันไว้
3)
ท่านจงเป็นคนมีน้ำใสใจจริง ตรงไปตรงมากับทุกคน
4)
อย่าเป็นเพียงผู้รับมือ หรือ จัดการ แต่ท่านต้อง “นำ”
5)
จงเปลี่ยนแปลงตนเองบนความเป็นจริง มิใช่เปลี่ยนแปลงเมื่อจำเป็นต้องเปลี่ยนเพื่อพรางตัวอย่างกิ้งก่า
6)
อย่าคิดที่จะทำเพื่อแข่งขัน หรือ ชิงดีชิงเด่นกับคนอื่น แต่จงทำอย่างสุดกำลังตามของประท่านที่มีในตัวท่าน
2.
ในช่วงเวลาที่วิกฤติยากลำบาก ผู้นำมุ่งมองที่ภาพใหญ่
[1]
เป็นผู้นำที่มองได้รอบด้านกว่าคนอื่น มองเห็นก่อนคนอื่น มองเห็นในส่วนที่คนอื่น ๆ ต้องการมองเห็น
[2]
ในขณะที่ผู้ตามมองเห็นว่ามันเป็นอะไร แต่ผู้นำจะมองเห็นว่ามันควรจะเป็นอะไร
[3]
ผู้ตามจะคิดถึงตนเองก่อน แต่ผู้นำคิดถึงคนอื่นก่อน
[4]
ผู้ตามมองเห็นโทษที่จะได้รับจากความล้มเหลว ในขณะที่ผู้นำมองเห็นผลตอบแทนที่ได้จากความสำเร็จ
[5]
ความคลุมเครือ ความไม่ชัดเจน หรือความไม่แน่นอน มิใช่ตัวบ่งชี้ว่าผู้นำ คนนั้นเป็นผู้นำที่ไม่ดี
แต่เป็นตัวบ่งชี้ว่าผู้นำคนนั้นมีภาวะผู้นำไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม เราในฐานะผู้นำในยามวิกฤติเราไม่สามารถมีทุกคำตอบ
แต่เรารู้ว่าเรากำลังมุ่งไปสู่ที่ไหน
3.
ในยามวิกฤติที่ยากลำบาก ผู้นำจะต้องตัดสินใจให้ดีที่สุด
[1]
การตัดสินใจเลือกในยามวิกฤติสำคัญกว่าการไม่ตัดสินใจในภาวะสถานการณ์วิกฤติ
[2]
ผู้นำทุกคนต่างรู้แน่แก่ใจว่า จะเกิดวิกฤติในบางครั้งการตัดสินใจเลือกในช่วงวิกฤติ
1)
ตัดสินใจด้วยความกล้า: วิกฤติขจัดตัวเลือกของเรา แต่เราจะต้องทำอะไรให้สำเร็จ? “เวลาใดก็ตามที่เราได้เห็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
แสดงว่าได้มีบางคนที่ได้ตัดสินใจด้วยความกล้าหาญ” (ปีเตอร์ ดรากเกอร์)
2)
การตัดสินใจลำดับความสำคัญ: จะต้องทำอะไรให้สำเร็จก่อน
3)
เปลี่ยนการตัดสินใจ: เราจะต้องทำอะไรที่ต่างไปจากที่ได้วางแผนมาก่อน “หากมีใครบางคนกำลังเดินไปบนเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง
เขาไม่ต้องการแรงจูงใจในการกระตุ้นให้เขาก้าวไปเร็วขึ้น สิ่งที่จำเป็นต้องการของเขาคือ
เขาต้องการเรียนรู้ว่าจะหันหลังกลับอย่างไร” (จิม รอห์น)
4)
การตัดสินใจที่สร้างสรรค์: แล้วมีทางเลือกอื่นไหม?
5)
การตัดสินใจรับการหนุนเสริม: ใครสามารถช่วยเราได้บ้าง?
4.
ผู้นำพัฒนาแผนงาน ในช่วงเวลาที่วิกฤติลำบาก
[1]
กำหนดแนวทางปฏิบัติล่วงหน้า
[2]
กำหนดเป้าหมาย
[3]
ปรับลำดับความสำคัญก่อนหลัง ให้เราปรับลำดับความสำคัญของการดำเนินการและเป้าหมายที่ไม่ค่อยเข้าที่เข้าลำดับ
[4]
แจ้งเตือนบุคลากรหลัก
[5]
ให้เวลาที่จะพิจารณาการยอมรับ
[6]
มุ่งสู่การขับเคลื่อนดำเนินการ
[7]
คาดหวังว่าอาจจะมีปัญหาและความขัดแย้ง
[8]
ให้มุ่งมองไปยังความสำเร็จเสมอ เพื่อเป็นการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจในช่วงเวลาของวิกฤติ
[9]
ให้ทบทวนตรวจสอบความคืบหน้าเป็นรายวัน
5.
ในช่วงของวิกฤติ ผู้นำปรับแผนงาน
[1]
ผู้นำเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ไม่สำเร็จ “วิกฤตินี้ต้องไม่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง”
[2]
บทเรียนรู้ที่ดีที่สุดนั้น ผู้นำเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตที่ได้รับในสถานการณ์ที่เลวร้าย
[3]
เรามักไม่พร้อมที่จะรับการสอนในช่วงเวลาที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
6.
ในช่วงวิกฤติลำบาก ผู้นำให้คุณค่าแก่ทีมงาน
กฎแห่งภูเขาเอเวอร์เรส “ยิ่งท้าทายมากเท่าใด ความจำเป็นของทีมงานเอเวอร์เรสก็มากยิ่งขึ้นเท่านั้น”
ตัวบ่งชี้ความสำเร็จของผู้นำมิใช่ความสามารถที่จะทำให้คนอื่นทำงาน แต่เป็นความสามารถที่ทำให้คนในทีมงานทำงานหนักมากขึ้น
7.
ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผู้นำคือผู้ให้ความหวัง
ความหวังคือรากฐานของการเปลี่ยนแปลง...
ถ้าไม่มีความหวังการเปลี่ยนแปลงก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
“สิ่งแรกและภารกิจสุดท้ายของผู้นำคือการรักษาให้ความหวังยังมีชีวิตขับเคลื่อน
เป็นความหวังที่เราสามารถแสวงหาให้พบเส้นทางที่นำไปสู่โลกที่ดีกว่า...”
“การมองโลกในแง่ดี
คือการที่เราเชื่อว่าสิ่งต่าง ๆ จะดีขึ้น ด้วยความหวังซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความเชื่อศรัทธา
ทั้งสองร่วมกันที่จะทำให้สิ่งต่าง ๆ ดีขึ้น การมองโลกในแง่ดีเป็นคุณธรรมที่แฝงอยู่ในความหวังเชิงปฏิบัติ
การมีมุมมองในแง่ดีไม่ต้องมีความกล้าหาญ แต่การที่จะมีความหวังเชิงปฏิบัติจะต้องมีความกล้าหาญอย่างยิ่ง”
(โจนาธาน เสคส์)
8.
ในช่วงเวลายากลำบาก เป็นช่วงเวลาการทำให้บางสิ่งเกิดขึ้น
[1]
เราสามารถประเมินภาวะความเป็นผู้นำ จากขนาดของปัญหาที่ผู้นำเต็มใจที่จะแก้ไข
[2]
ถ้าเราไม่สามารถทำให้บางสิ่งเกิดขึ้นแก่ตนเอง เราจะไม่สามารถทำให้บางสิ่งเกิดขึ้นแก่คนอื่น
[3]
ในความสะดวกสบาย...“เราทำในสิ่งที่เรารู้แล้วว่าเราสามารถทำได้”
[4]
แต่ในความท้าทาย... “เราพยายามทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำสำเร็จมาก่อน”
[5]
“การทำให้บางสิ่งให้เกิดขึ้น” เราจำเป็นต้องเสี่ยง
[6]
ในช่วงวิกฤติ ปัญหาคือ “ตัวปลุกกระตุ้น” ให้เรามีความสร้างสรรค์
9.
ในช่วงเวลาที่วิกฤติลำบาก ผู้นำจะระแวดระวังมุมมอง/ทัศนคติของตน
[1]
มุมมอง/ทัศนคติเป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องเลือก เราไม่สามารถที่จะเลือกสถานการณ์ที่เกิดแก่เราเสมอไป
แต่เราสามารถที่จะเลือกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในคือ มุมมองและทัศนคติของเรา
[2]
มุมมอง/ทัศนคติ เป็นตัวกำหนดที่สำคัญที่ใช้ในการรับมือกับปัญหาที่เราเผชิญ
[3]
ในช่วงเวลาวิกฤติลำบาก มุมมอง/ทัศนคติได้แบ่งแยกคนที่ประสบความสำเร็จออกจากผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จ
10.
ในช่วงวิกฤติ ผู้นำวางใจในพระเจ้า
“พระเจ้าทรงดีเกินกว่าที่จะไร้ความเมตตา
และ รู้แจ้งเห็นจริงเกินกว่าที่จะสับสน แม้ว่าฉันจะไม่สามารถเกาะยึดพระหัตถ์ของพระเจ้า
แต่ฉันวางใจพระองค์ได้เสมอ” (ซี.เอ็ช. สเปอร์เจียน)
สิบหลักการนี้พอจะช่วยเราในการนำในภาวะวิกฤติชีวิต
ที่ต้องเผชิญหน้ากับ “พวงปัญหา” ที่เป็นผลจากวิกฤติการแพร่ระบาดของ “โควิด 19”
ได้ไหมครับ?
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น