03 มิถุนายน 2563

นิวนอร์มอล์คริสตจักรท้องถิ่นไทย:

ครอบครัวเป็น “หัวหอก” ขับเคลื่อนพันธกิจคริสตจักรท้องถิ่น  

อะไรคือ “วิถีชีวิตปกติใหม่” ของคริสตจักรท้องถิ่นไทย หลังวิกฤต โควิด-19?

จาก “วิถีชีวิตปกติเดิม” ที่คริสตจักรเน้นเรื่องการนมัสการในวันอาทิตย์ เปลี่ยนไปเป็น คริสตจักรที่สร้างสาวกพระคริสต์ที่ร่วมในการสานต่อพระราชกิจการกอบกู้เปลี่ยนแปลงสังคมโลกให้เป็นสังคมแห่งแผ่นดินของพระเจ้า นี่จะเป็น “วิถีชีวิตปกติใหม่” หลังวิกฤติโควิด 19 และเปลี่ยนจากยุทธศาสตร์การสร้างสาวกพระคริสต์ที่ใช้องค์กรคริสตจักรเป็นศูนย์กลางไปสู่วิถีชีวิตใหม่ที่มี ครอบครัวเป็น “หัวหอก และ แนวหน้า” ในการขับเคลื่อนพันธกิจคริสตจักรตามพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์

อะไรคือ “วิถีชีวิตปกติเดิม ๆ” ที่ผ่านมาของคริสตจักรท้องถิ่น?

คริสตจักรของเราได้ “หลงทาง” เราเป็นคริสตจักรที่ให้ความสำคัญกับพิธีการนมัสการในวันอาทิตย์ เราตกอยู่ในวัฒนธรรมบริโภคนิยม “เราจึงเป็นคริสตจักรแห่งการบริโภค” กล่าวคือเป็นคริสตจักรที่แสวงหา “ที่จะได้ผลประโยชน์จากสิ่งที่เราทำเราปฏิบัติในคริสตจักร” เช่น เวลาฟังเทศนาในวันอาทิตย์  บางคนบอกว่า วันนี้ได้กินพระวจนะอิ่มไปเลย การนมัสการในวันนี้ตื่นเต้นเร้าใจดี วันนี้ได้รับพระพรเต็มที่ ร้องเพลงแบบนี้ การอธิษฐานแบบนี้  ช่วยปลดปล่อยเราออกจากความเครียด เรานมัสการในวันอาทิตย์เพื่อที่จะได้อะไรบางอย่างที่เรากำลังต้องการ   และ ถ้าเราได้อย่างที่ต้องการเราก็บอกว่า พระเจ้าตอบคำอธิษฐาน พระเจ้าอวยพระพรเรา ทั้งหมดทั้งนี้เน้นที่ “เราจะได้”

อะไรคือ “วิถีชีวิตปกติใหม่” ของคริสตจักรท้องถิ่นที่กำลังเปลี่ยนแปลง?

ใน “วิถีชีวิตปกติใหม่” ได้ให้ความสำคัญของคริสตจักรที่เป็น “กระบวนการขับเคลื่อนของผู้เชื่อ” เน้นคริสตจักรที่ลงมือกระทำเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ด้วยการขับเคลื่อนตามแบบพระคริสต์คือ การขับเคลื่อนที่เรียบง่ายโดยวิถีแห่งพระกิตติคุณของพระองค์ คือการขับเคลื่อนด้วยการให้ชีวิตเพื่อสังคมโลกจะได้ชีวิตใหม่ ดังนั้น หลังวิกฤติโควิด 19 ให้เราเข้าร่วมในกระบวนการขับเคลื่อนพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ บนรากฐานพระกิตติคุณของพระองค์ เพื่อเราจะเป็นสาวกของพระคริสต์ และ สร้างสาวกของพระองค์บนรากฐานแห่งพระกิตติคุณดังกล่าว ให้เราจาริกไปบนเส้นทางแห่งพระกิตติคุณ มุ่งสู่เป้าหมายแห่งพระราชกิจของพระคริสต์ เพื่อเปลี่ยนแปลงและสร้างสังคมโลกให้เป็นสังคมที่เป็นแผ่นดินของพระเจ้า มีคุณภาพชีวิตตามน้ำพระทัยของพระองค์

คริสตจักรท้องถิ่นต้องเลือก แล้วจะเลือกวิถีชีวิตปกติแบบไหน?

หลังวิกฤติโควิด 19 เราอาจจะโหยหา “วิถีชีวิตปกติเดิม ๆ” แล้วกลับไปทำในสิ่งเดิม ๆ ที่เราคุ้นชิน ที่เราจะสบายใจ  หรือ เราจะยอมมุ่งหน้าไปหา “วิถีชีวิตปกติใหม่” ที่พบกับสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลง สิ่งใหม่ที่เราไม่คุ้นชิน สิ่งใหม่ที่เราต้องเปลี่ยนตนเอง ปรับตัวเอง และรับการเสริมสร้างใหม่เพื่อที่จะสามารถเป็น “คริสตจักรที่ขับเคลื่อน” ที่มิใช่ “คริสตจักรที่เป็นองค์กร” ที่เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งตระหง่านแต่เกาะยึดอยู่กับที่เดิม? ไม่เคลื่อน ไร้ชีวิตที่แท้จริง หรือเป็นคริสตจักรที่เป็น “หอบาเบล” ที่ดูสูงตระหง่านเทียมฟ้าแต่สิ่งที่ได้มาคือความแตกแยกกระจัดกระจายในหมู่พวกเรากันเอง

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มิได้หมายถึงศิษยาภิบาล ทีมงานอภิบาล คณะธรรมกิจคริสตจักร กรรมการคริสตจักรเท่านั้น   แต่ผมมุ่งเน้นหมายถึงสมาชิกคริสตจักร หรือ ผู้เชื่อทุกคนที่จะต้องเป็นคริสตจักรตาม “ปรากฏการณ์ปกติใหม่ วิถีชีวิตปกติใหม่” ที่ทุกคนต้องขับเคลื่อนชีวิตที่เป็นสาวกพระคริสต์ และสร้างสาวกพระคริสต์ในกระบวนงานแห่งพระราชกิจของพระคริสต์ในสังคมโลกนี้

จากวิกฤติโควิด 19 ที่หยุด “วิถีชีวิตปกติเดิม ๆ” ของคริสตจักร แต่พระเจ้าเปิดทางใหม่ให้เราใคร่ครวญทบทวนถึงคริสตจักรที่แท้จริงของพระคริสต์ คริสตจักรที่เป็นกระบวนการขับเคลื่อนชีวิตตามพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็น “วิถีชีวิตปกติใหม่” ของคริสตจักร ที่ท้าทายเราแต่ละคนว่า เราจะตอบสนอง “วิถีชีวิตปกติใหม่” ของคริสตจักร หรือ เราจะนั่งโหยหา “วิถีชีวิตปกติเดิม ๆ” ของคริสตจักรด้วยความอาลัยอาวรณ์

“วิถีชีวิตปกติใหม่” ของคริสตจักรท้องถิ่น เป็นการเปลี่ยนจาก “วิถีชีวิตปกติเดิม” ที่เน้นความสำคัญในการนมัสการในวันอาทิตย์ ไปเป็น “วิถีชีวิตปกติใหม่”  ที่เน้นพันธกิจหลักในการสร้างสมาชิกแต่ละคนให้เป็นสาวกพระคริสต์ในชีวิตประจำวัน เพื่อร่วมกันเสริมสร้างสังคมชุมชนที่ตนมีชีวิตอยู่ให้เป็นชุมชนสังคม “แห่งแผ่นดินของพระเจ้า”
ครอบครัวคือ “หัวหอก และ แนวหน้า” ในการขับเคลื่อนพันธกิจคริสตจักร

การพบปะร่วมกัน หรือ การเชื่อมประสานกันในรูปแบบต่าง ๆ ก็เพื่อจะเสริมสร้างสมาชิกแต่ละคนให้เป็นสาวกพระคริสต์ และ สามารถที่จะเสริมสร้างคนอื่น ๆ ให้เป็นสาวกพระคริสต์อย่างตนด้วย ซึ่ง “วิถีชีวิตปกติใหม่” ที่มีครอบครัวเป็นหัวหอกและแนวหน้า มีลักษณะดังนี้ 

[1] พ่อแม่ในครอบครัวจะเป็นบุคคลกลุ่มพื้นฐานของคริสตจักรในการสร้างสาวกพระคริสต์ ด้วยการเอาใจใส่เสริมสร้างลูกหลาน และ คนในครอบครัวของตนให้เป็นสาวกพระคริสต์ที่มีประสิทธิภาพก่อน เป็นการสร้างสาวกพระคริสต์ผ่านการดำเนินชีวิตประจำวันในแต่ละด้าน แทนที่จะเป็นการสร้างสาวกพระคริสต์ผ่านระบบชั้นเรียนในคริสตจักร

ใน “วิถีชีวิตปกติเดิม” พ่อแม่นำลูกไปให้ครูรวีวารศึกษาช่วยเสริมสร้าง แต่ใน “วิถีชีวิตปกติใหม่”  พ่อแม่จะเอาใจใส่เสริมสร้างชีวิตของตน เพื่อเป็นแบบอย่างที่ลูกหลานจะเรียนรู้และทำตาม และพ่อแม่จะเป็นคนบ่มเพาะ เสริมสร้างชีวิตของลูกหลานให้มีชีวิตเยี่ยงพระคริสต์

[2] พ่อแม่ในครอบครัวเป็นแกนนำลูกหลาน และ คนในครอบครัวที่จะเข้าถึงเพื่อนบ้านในชุมชน โดยอาจจะเริ่มจากเพื่อนบ้านข้างเคียง หรือ เพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์สนิทสนมกัน ซึ่งเป็นการเสริมสร้างลูกหลานในการเอาใจใส่คนในชุมชน และ เริ่มเรียนรู้กระบวนการประกาศพระกิตติคุณฯ และ สร้างสาวกพระคริสต์ในชุมชนไปพร้อมกันด้วย

[3] พ่อแม่กระตุ้นหนุนเสริมลูกหลาน และ คนในครอบครัว ทั้งที่กำลังเรียนอยู่ หรือ ที่ทำงาน ว่าจะเข้าถึงเพื่อนร่วมชั้นในโรงเรียน หรือ เพื่อร่วมงานในที่ทำงานได้อย่างไร จนนำไปถึงการเสริมสร้างเพื่อนเหล่านี้ให้เป็นสาวกพระคริสต์ในที่เรียน หรือ ที่ทำงาน

“วิถีชีวิตปกติใหม่” ของคริสตจักรท้องถิ่น

เมื่อคริสตจักรท้องถิ่นต้องเข้าสู่ “วิถีชีวิตปกติใหม่” คริสตจักรภาค หน่วยงานเสริมพันธกิจคริสตจักรท้องถิ่น และสภาคริสตจักรฯ ก็จะต้องปรับเปลี่ยนตนเองตอบสนองชีวิตและการทำพันธกิจคริสตจักรท้องถิ่นใน “วิถีชีวิตปกติใหม่”

นั่นหมายความว่า คริสตจักรจะต้องมีกระบวนการเสริมสร้างพ่อแม่ และ ว่าที่พ่อแม่ทุกคนในคริสตจักรให้รู้ถึงเป้าหมายในการเสริมสร้างวิถีชีวิตปกติใหม่ในการขับเคลื่อนเสริมสร้างชีวิตลูกหลานให้เป็นสาวกพระคริสต์   นอกจากนั้นแล้ว ยังต้องมีเครื่องมือ เนื้อหา บทเรียน และกระบวนการเสริมสร้างเชิงปฏิบัติที่พ่อแม่จะนำไปใช้ได้ในครอบครัวของตน

และนี่คือ “ยุทธศาสตร์ใหม่ในการขับเคลื่อนชีวิตและพันธกิจคริสตจักร” ในวิถีชีวิตปกติใหม่ของคริสตจักรท้องถิ่น   ที่หน่วยงานศิษยาภิบาล หน่วยงานสตรีคริสเตียน  แผนกบ้านและครอบครัวคริสเตียน หน่วยงานเยาวชน หน่วยงานคริสเตียนศึกษาและบรรณศาสตร์ หน่วยงานสังคมและการพัฒนา และ หน่วยงานอื่นที่น่าจะเกี่ยวข้องที่จะบูรณการการทำงานร่วมกัน ในการเตรียมพร้อม และ เสริมสร้างพ่อแม่ในการขับเคลื่อนให้ครอบครัวเป็น “หัวหอก” และ “แนวหน้า” ในการขับเคลื่อนพันธกิจคริสตจักรในพื้นที่ชุมชนที่ตนอาศัยอยู่

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น