ครอบครัวเป็น
“หัวหอก” ขับเคลื่อนพันธกิจคริสตจักรท้องถิ่น
อะไรคือ
“วิถีชีวิตปกติใหม่” ของคริสตจักรท้องถิ่นไทย หลังวิกฤต โควิด-19?
จาก
“วิถีชีวิตปกติเดิม” ที่คริสตจักรเน้นเรื่องการนมัสการในวันอาทิตย์ เปลี่ยนไปเป็น
คริสตจักรที่สร้างสาวกพระคริสต์ที่ร่วมในการสานต่อพระราชกิจการกอบกู้เปลี่ยนแปลงสังคมโลกให้เป็นสังคมแห่งแผ่นดินของพระเจ้า
นี่จะเป็น “วิถีชีวิตปกติใหม่” หลังวิกฤติโควิด 19 และเปลี่ยนจากยุทธศาสตร์การสร้างสาวกพระคริสต์ที่ใช้องค์กรคริสตจักรเป็นศูนย์กลางไปสู่วิถีชีวิตใหม่ที่มี
ครอบครัวเป็น “หัวหอก และ แนวหน้า”
ในการขับเคลื่อนพันธกิจคริสตจักรตามพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์
อะไรคือ
“วิถีชีวิตปกติเดิม ๆ” ที่ผ่านมาของคริสตจักรท้องถิ่น?
คริสตจักรของเราได้
“หลงทาง” เราเป็นคริสตจักรที่ให้ความสำคัญกับพิธีการนมัสการในวันอาทิตย์ เราตกอยู่ในวัฒนธรรมบริโภคนิยม
“เราจึงเป็นคริสตจักรแห่งการบริโภค” กล่าวคือเป็นคริสตจักรที่แสวงหา “ที่จะได้ผลประโยชน์จากสิ่งที่เราทำเราปฏิบัติในคริสตจักร”
เช่น เวลาฟังเทศนาในวันอาทิตย์
บางคนบอกว่า วันนี้ได้กินพระวจนะอิ่มไปเลย การนมัสการในวันนี้ตื่นเต้นเร้าใจดี
วันนี้ได้รับพระพรเต็มที่ ร้องเพลงแบบนี้ การอธิษฐานแบบนี้ ช่วยปลดปล่อยเราออกจากความเครียด เรานมัสการในวันอาทิตย์เพื่อที่จะได้อะไรบางอย่างที่เรากำลังต้องการ และ ถ้าเราได้อย่างที่ต้องการเราก็บอกว่า พระเจ้าตอบคำอธิษฐาน
พระเจ้าอวยพระพรเรา ทั้งหมดทั้งนี้เน้นที่ “เราจะได้”
อะไรคือ
“วิถีชีวิตปกติใหม่” ของคริสตจักรท้องถิ่นที่กำลังเปลี่ยนแปลง?
ใน
“วิถีชีวิตปกติใหม่” ได้ให้ความสำคัญของคริสตจักรที่เป็น
“กระบวนการขับเคลื่อนของผู้เชื่อ” เน้นคริสตจักรที่ลงมือกระทำเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ด้วยการขับเคลื่อนตามแบบพระคริสต์คือ การขับเคลื่อนที่เรียบง่ายโดยวิถีแห่งพระกิตติคุณของพระองค์
คือการขับเคลื่อนด้วยการให้ชีวิตเพื่อสังคมโลกจะได้ชีวิตใหม่ ดังนั้น หลังวิกฤติโควิด
19 ให้เราเข้าร่วมในกระบวนการขับเคลื่อนพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ บนรากฐานพระกิตติคุณของพระองค์
เพื่อเราจะเป็นสาวกของพระคริสต์ และ
สร้างสาวกของพระองค์บนรากฐานแห่งพระกิตติคุณดังกล่าว ให้เราจาริกไปบนเส้นทางแห่งพระกิตติคุณ
มุ่งสู่เป้าหมายแห่งพระราชกิจของพระคริสต์ เพื่อเปลี่ยนแปลงและสร้างสังคมโลกให้เป็นสังคมที่เป็นแผ่นดินของพระเจ้า
มีคุณภาพชีวิตตามน้ำพระทัยของพระองค์
คริสตจักรท้องถิ่นต้องเลือก
แล้วจะเลือกวิถีชีวิตปกติแบบไหน?
หลังวิกฤติโควิด
19 เราอาจจะโหยหา “วิถีชีวิตปกติเดิม ๆ” แล้วกลับไปทำในสิ่งเดิม ๆ ที่เราคุ้นชิน ที่เราจะสบายใจ หรือ เราจะยอมมุ่งหน้าไปหา “วิถีชีวิตปกติใหม่”
ที่พบกับสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลง สิ่งใหม่ที่เราไม่คุ้นชิน สิ่งใหม่ที่เราต้องเปลี่ยนตนเอง
ปรับตัวเอง และรับการเสริมสร้างใหม่เพื่อที่จะสามารถเป็น “คริสตจักรที่ขับเคลื่อน”
ที่มิใช่ “คริสตจักรที่เป็นองค์กร”
ที่เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งตระหง่านแต่เกาะยึดอยู่กับที่เดิม? ไม่เคลื่อน
ไร้ชีวิตที่แท้จริง หรือเป็นคริสตจักรที่เป็น “หอบาเบล”
ที่ดูสูงตระหง่านเทียมฟ้าแต่สิ่งที่ได้มาคือความแตกแยกกระจัดกระจายในหมู่พวกเรากันเอง
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้
มิได้หมายถึงศิษยาภิบาล ทีมงานอภิบาล คณะธรรมกิจคริสตจักร กรรมการคริสตจักรเท่านั้น แต่ผมมุ่งเน้นหมายถึงสมาชิกคริสตจักร หรือ
ผู้เชื่อทุกคนที่จะต้องเป็นคริสตจักรตาม “ปรากฏการณ์ปกติใหม่ วิถีชีวิตปกติใหม่” ที่ทุกคนต้องขับเคลื่อนชีวิตที่เป็นสาวกพระคริสต์
และสร้างสาวกพระคริสต์ในกระบวนงานแห่งพระราชกิจของพระคริสต์ในสังคมโลกนี้
จากวิกฤติโควิด
19 ที่หยุด “วิถีชีวิตปกติเดิม ๆ” ของคริสตจักร แต่พระเจ้าเปิดทางใหม่ให้เราใคร่ครวญทบทวนถึงคริสตจักรที่แท้จริงของพระคริสต์
คริสตจักรที่เป็นกระบวนการขับเคลื่อนชีวิตตามพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็น
“วิถีชีวิตปกติใหม่” ของคริสตจักร ที่ท้าทายเราแต่ละคนว่า เราจะตอบสนอง
“วิถีชีวิตปกติใหม่” ของคริสตจักร หรือ เราจะนั่งโหยหา “วิถีชีวิตปกติเดิม ๆ”
ของคริสตจักรด้วยความอาลัยอาวรณ์
“วิถีชีวิตปกติใหม่”
ของคริสตจักรท้องถิ่น เป็นการเปลี่ยนจาก “วิถีชีวิตปกติเดิม”
ที่เน้นความสำคัญในการนมัสการในวันอาทิตย์ ไปเป็น “วิถีชีวิตปกติใหม่”
ที่เน้นพันธกิจหลักในการสร้างสมาชิกแต่ละคนให้เป็นสาวกพระคริสต์ในชีวิตประจำวัน
เพื่อร่วมกันเสริมสร้างสังคมชุมชนที่ตนมีชีวิตอยู่ให้เป็นชุมชนสังคม
“แห่งแผ่นดินของพระเจ้า”
ครอบครัวคือ
“หัวหอก และ แนวหน้า” ในการขับเคลื่อนพันธกิจคริสตจักร
การพบปะร่วมกัน
หรือ การเชื่อมประสานกันในรูปแบบต่าง ๆ ก็เพื่อจะเสริมสร้างสมาชิกแต่ละคนให้เป็นสาวกพระคริสต์
และ สามารถที่จะเสริมสร้างคนอื่น ๆ ให้เป็นสาวกพระคริสต์อย่างตนด้วย ซึ่ง
“วิถีชีวิตปกติใหม่” ที่มีครอบครัวเป็นหัวหอกและแนวหน้า มีลักษณะดังนี้
[1]
พ่อแม่ในครอบครัวจะเป็นบุคคลกลุ่มพื้นฐานของคริสตจักรในการสร้างสาวกพระคริสต์ ด้วยการเอาใจใส่เสริมสร้างลูกหลาน
และ คนในครอบครัวของตนให้เป็นสาวกพระคริสต์ที่มีประสิทธิภาพก่อน
เป็นการสร้างสาวกพระคริสต์ผ่านการดำเนินชีวิตประจำวันในแต่ละด้าน แทนที่จะเป็นการสร้างสาวกพระคริสต์ผ่านระบบชั้นเรียนในคริสตจักร
ใน
“วิถีชีวิตปกติเดิม” พ่อแม่นำลูกไปให้ครูรวีวารศึกษาช่วยเสริมสร้าง แต่ใน
“วิถีชีวิตปกติใหม่” พ่อแม่จะเอาใจใส่เสริมสร้างชีวิตของตน
เพื่อเป็นแบบอย่างที่ลูกหลานจะเรียนรู้และทำตาม และพ่อแม่จะเป็นคนบ่มเพาะ
เสริมสร้างชีวิตของลูกหลานให้มีชีวิตเยี่ยงพระคริสต์
[2]
พ่อแม่ในครอบครัวเป็นแกนนำลูกหลาน และ คนในครอบครัวที่จะเข้าถึงเพื่อนบ้านในชุมชน โดยอาจจะเริ่มจากเพื่อนบ้านข้างเคียง
หรือ เพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์สนิทสนมกัน ซึ่งเป็นการเสริมสร้างลูกหลานในการเอาใจใส่คนในชุมชน
และ เริ่มเรียนรู้กระบวนการประกาศพระกิตติคุณฯ และ
สร้างสาวกพระคริสต์ในชุมชนไปพร้อมกันด้วย
[3]
พ่อแม่กระตุ้นหนุนเสริมลูกหลาน และ คนในครอบครัว ทั้งที่กำลังเรียนอยู่ หรือ
ที่ทำงาน ว่าจะเข้าถึงเพื่อนร่วมชั้นในโรงเรียน หรือ
เพื่อร่วมงานในที่ทำงานได้อย่างไร จนนำไปถึงการเสริมสร้างเพื่อนเหล่านี้ให้เป็นสาวกพระคริสต์ในที่เรียน
หรือ ที่ทำงาน
“วิถีชีวิตปกติใหม่”
ของคริสตจักรท้องถิ่น
เมื่อคริสตจักรท้องถิ่นต้องเข้าสู่
“วิถีชีวิตปกติใหม่” คริสตจักรภาค หน่วยงานเสริมพันธกิจคริสตจักรท้องถิ่น และสภาคริสตจักรฯ
ก็จะต้องปรับเปลี่ยนตนเองตอบสนองชีวิตและการทำพันธกิจคริสตจักรท้องถิ่นใน
“วิถีชีวิตปกติใหม่”
นั่นหมายความว่า
คริสตจักรจะต้องมีกระบวนการเสริมสร้างพ่อแม่ และ
ว่าที่พ่อแม่ทุกคนในคริสตจักรให้รู้ถึงเป้าหมายในการเสริมสร้างวิถีชีวิตปกติใหม่ในการขับเคลื่อนเสริมสร้างชีวิตลูกหลานให้เป็นสาวกพระคริสต์ นอกจากนั้นแล้ว ยังต้องมีเครื่องมือ เนื้อหา บทเรียน
และกระบวนการเสริมสร้างเชิงปฏิบัติที่พ่อแม่จะนำไปใช้ได้ในครอบครัวของตน
และนี่คือ
“ยุทธศาสตร์ใหม่ในการขับเคลื่อนชีวิตและพันธกิจคริสตจักร”
ในวิถีชีวิตปกติใหม่ของคริสตจักรท้องถิ่น
ที่หน่วยงานศิษยาภิบาล หน่วยงานสตรีคริสเตียน แผนกบ้านและครอบครัวคริสเตียน หน่วยงานเยาวชน หน่วยงานคริสเตียนศึกษาและบรรณศาสตร์
หน่วยงานสังคมและการพัฒนา และ
หน่วยงานอื่นที่น่าจะเกี่ยวข้องที่จะบูรณการการทำงานร่วมกัน ในการเตรียมพร้อม และ
เสริมสร้างพ่อแม่ในการขับเคลื่อนให้ครอบครัวเป็น “หัวหอก” และ “แนวหน้า”
ในการขับเคลื่อนพันธกิจคริสตจักรในพื้นที่ชุมชนที่ตนอาศัยอยู่
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น