29 มิถุนายน 2563

ทำไมเราต้องกลับมาร่วมกันอีกครั้งหนึ่งในคริสตจักร?

ในโอกาสที่เรากลับมาร่วมกันในคริสตจักรอีกครั้งหนึ่ง เป็นโอกาสสำคัญที่เราจะต้องกลับมาใคร่ครวญว่า คริสตจักรของเราตั้งอยู่เพื่ออะไร? ทำไมเราต้องมาร่วมกันที่คริสตจักร?

เมื่อกล่าวถึง “คริสตจักร” หลายคนมักคิดถึง การที่ผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์มาชุมนุม พบปะ รวมตัว และทำกิจกรรม  หรือประกอบพิธีกรรมร่วมกัน และอาจจะมีการพูดคุย ให้กำลังใจ ให้คำปรึกษา เรียนรู้เรื่องราวเนื้อหาในพระคัมภีร์  ฟังเทศนา อธิษฐานเผื่อกัน บางคริสตจักรมีการรับประทานอาหารร่วมกัน บางแห่งบางโอกาสมีการช่วยเหลือเกื้อหนุนกัน

นี่เป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น แต่ขอถามต่อว่า เป็นจุดประสงค์ที่เราตั้งคริสตจักรขึ้นใช่ไหม? ทำแค่นี้พอไหมครับ? ที่กล่าวข้างบนนี้ เป็นลักษณะชุมชนคริสตจักรบนรากฐานพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ใช่ไหม? เป็นชุมชนผู้เชื่อที่พระเยซูคริสต์ประสงค์ให้เป็นใช่หรือไม่?

ก่อนที่จะถามว่า “คริสตจักร” และ “สามัคคีธรรมในคริสตจักร” ควรมีลักษณะอย่างไร? เราจะต้องถามคำถามสำคัญคือ “ทำไมจึงต้องมีคริสตจักร?” หรือ “มีคริสตจักรไปเพื่ออะไร? หรือ “ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นจากการที่มีการมาร่วมพบปะกันในคริสตจักร?”

จากนั้น เราถามต่อไปว่า “ถ้าเช่นนั้น ชุมชนคริสตจักรจะต้องทำอะไร ทำอย่างไรบ้างเพื่อที่จะไปให้ถึงสิ่งที่เราต้องการให้เกิดขึ้น?” มีวิธีการและกระบวนการอย่างไรที่จะช่วยให้คริสตจักรสามารถขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย?”   “จะต้องทำแก่ใคร และ ใครเป็นผู้ทำ?” เมื่อใด? เวลาใดบ้าง?

ใคร หรือ อะไรคือตัวหลักในการขับเคลื่อนชีวิตคริสตจักรให้ไปสู่เป้าหมาย? ใครคือตัวหลักในการขับเคลื่อนให้เกิดสิ่งที่ประสงค์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม? แล้วทำอย่างไรที่จะช่วยให้ “ตัวหลัก” ที่ต้องขับเคลื่อนเหล่านั้นสามารถขับเคลื่อนชีวิตและกระบวนการพันธกิจคริสตจักรอย่างมีพลังและประสิทธิภาพ

เราย้อนคิดใคร่ครวญถึงประสบการณ์ในอดีตว่า อะไรที่มีคุณค่าและความหมายที่ทำให้เราเกิดการรวมตัวกันเป็นชุมชนคริสตจักร? อะไรที่ทำให้เราท่านต้องมาร่วมกัน? อาจจะเกิดจากมีงานบางอย่างที่เราต้องทำ หรือเพราะมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับขององค์กรที่เราจะต้องปฏิบัติตาม หรือเพราะมีเหตุการณ์วิกฤติฉุกเฉินที่ทำให้เราต้องมาร่วมกัน  หรืออาจจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่ทำให้เราต้องมารวมตัวกัน หรือเรามาร่วมกันเพราะความเคยชิน หรือเพราะเรามีนิมิต/วิสัยทัศน์ก็เป็นไปได้

คำถามคือ... อะไรที่ทำให้เรามาร่วมกันเป็นชุมชนคริสตจักร?

ถ้าเราอ่านในพระคัมภีร์อย่างใคร่ครวญ เราพบว่า เพราะชุมชนคริสตจักรมีพันธกิจที่สำคัญยิ่งจะต้องทำ พวกเขาจึงต้องมารวมตัวกัน กล่าวคือการรวมตัวพบปะของชุมชนผู้เชื่อมิใช่เป็น “เป้าหมาย” แต่การพบปะรวมตัวกันเป็นวิธีการและกระบวนการที่จะนำและขับเคลื่อนคริสตจักรให้บรรลุ “เป้าหมาย” 

สมาชิกผู้เชื่อในพระเยซูทุกคนได้รับการทรงเรียก และ ได้รับพระบัญชาจากพระเยซูคริสต์ให้สานต่อพระราชกิจของพระองค์ ที่พระองค์ได้เริ่มต้นไว้นั้น เพราะผู้เชื่อพระเยซูคริสต์ต้องการทำตามพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ให้สำเร็จ และ เกิดผลเป็นรูปธรรมตามพระประสงค์ พวกเขาจึงมารวมตัวพบปะกันที่คริสตจักร เพื่อ...

[1] เป็นชุมชนที่บ่มเพาะ ฟูมฟัก ทุกชีวิตในชุมชนคริสตจักรมีชีวิตประจำวันที่เป็น “สาวกพระคริสต์” ที่ดำเนินชีวิตในประจำวันให้เป็นอย่างพระคริสต์มากขึ้นทุกวัน

[2] การมาร่วมกันในคริสตจักรเพื่อเสริมสร้างทุกคนให้สามารถสานต่อพระราชกิจของพระคริสต์ในชีวิตประวันของตน ทั้งในครอบครัว ชุมชนคนข้างบ้าน ในที่ทำงาน และในชุมชนที่ตนอาศัยอยู่

[3] การมาร่วมกันในคริสตจักรเพื่อที่จะติดตามหนุนเสริมให้สมาชิกที่มีชีวิตสาวกพระคริสต์ที่สมบูรณ์ขึ้น เพื่อเสริมสร้างชุมชนแห่งแผ่นดินของพระเจ้าร่วมกันในคริสตจักร ที่ทุกคนจะเรียนรู้และมีประสบการณ์ตรงว่าคุณภาพชีวิตในแผ่นดินของพระเจ้านั้นเป็นเช่นไร และ สามารถนำประสบการณ์ตรงและตัวแบบคุณภาพชีวิตแห่งแผ่นดินของพระเจ้าที่ได้รับ ไปขยายและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตแผ่นดินของพระเจ้าในครอบครัวของตน ในที่ทำงาน และในชุมชนที่ตนอยู่อาศัย อันเป็นการขยายแผ่นดินของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกตามพระประสงค์ของพระคริสต์

[4] เป็นชุมชนที่มาพบปะและร่วมกันเพื่อสรรเสริญ ขอบพระคุณพระเจ้าที่มีพระคุณในชีวิตของตน เป็นที่ที่ผู้เชื่อทุกคนจะสารภาพความบาปผิดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นที่ที่ทุกคนจะเรียนรู้น้ำพระทัยและพระประสงค์ของพระเจ้า   และเป็นที่ที่เตรียมเสริมเพิ่มพลังชีวิตจิตวิญญาณที่จะเข้าไปดำเนินชีวิตในสังคมโลกเพื่อสำแดงพระคริสต์ตลอดสัปดาห์ข้างหน้า

[5] เป็นชุมชนที่เปิดกว้างต้อนรับคนต่าง ๆ หลากหลายให้เข้าร่วมเป็นพี่น้องในพระคริสต์ และเริ่มกระบวนการบ่มเพาะ เสริมสร้าง และ หนุนและเสริมสร้างให้พี่น้องที่เข้ามาใหม่แต่ละคนเป็นสาวกพระคริสต์ที่มีประสิทธิภาพต่อไป

[6] เป็นชุมชนที่ร่วมกันตั้งคริสตจักรที่มีสาวกพระคริสต์ในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ขยายกว้างออกไป เพื่อแผ่อิทธิพลแห่งแผ่นดินของพระเจ้าครอบคลุมและครอบครองพื้นที่ต่าง ๆ ในสังคมโลก

จุดประสงค์หลักของการมาร่วมกันในคริสตจักร เพื่อบ่มเพาะ เสริมสร้าง ให้ทุกคนมีชีวิตที่ “เป็นสาวกพระคริสต์”  คือการดำเนินชีวิตตามแบบพระคริสต์ และ กระทำตามการทรงเรียกและพระบัญชาของพระองค์ ด้วยการสำแดงความรักเมตตาที่เสียสละแบบพระองค์แก่ทุกคนรอบข้างที่เราไปสัมผัสและสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน เพื่อนำคนเหล่านั้นให้รู้จักพระคริสต์ มีประสบการณ์ตรงกับพระองค์ และ รับเชื่อ มอบกายถวายชีวิตแด่พระคริสต์ เข้ามาร่วมชีวิตในชุมชนคริสตจักร และผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลง เสริมสร้าง ให้มีชีวิต “เป็นสาวกพระคริสต์”

ดังนั้น เป้าหมาย แก่นหลัก หรือ หัวใจของการมาร่วมกันเป็นคริสตจักรคือ การเสริมสร้างชีวิตของแต่ละคนให้มีชีวิตที่เป็น “สาวกพระคริสต์” การมาร่วมกันทำกิจกรรมต่าง ๆ และความสัมพันธ์ที่แต่ละคนมีต่อกัน เป็นเครื่องมือ  แนวทาง วิธีการที่เราใช้ในการเสริมสร้าง “สาวกพระคริสต์” ที่มีชีวิตประจำวันตามการทรงเรียกและพระบัญชาต่อไป

การชี้วัดการเกิดผลของคริสตจักร จึงมิใช่วัดกันเพียงว่า มีกี่คนมารับเชื่อใหม่ ตั้งคริสตจักรใหม่กี่แห่ง แต่เราวัดการเกิดผลของคริสตจักรว่า ได้เสริมสร้างสาวกพระคริสต์ที่มีชีวิตประจำวันตามการทรงเรียก และ ตามพระบัญชาของพระคริสต์หรือไม่ และสาวกพระคริสต์เหล่านี้เกิดผลตามพระประสงค์ของพระคริสต์หรือเปล่า?

ถ้าเราสร้างสาวกพระคริสต์ เราจะได้ทั้งสาวกและคริสตจักร  

แต่ถ้าเราสร้างคริสตจักร เราจะได้คริสตจักรที่ "อาจจะ" ไม่มีสาวกพระคริสต์!?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น