ห้าวิถีชีวิตที่ให้เราเป็นเหมือนพระคริสต์
1.
ยกโทษคนที่เกลียดชังเรา
เรื่องนี้ฟังดูดีแต่ทำยากสำหรับเราท่านหลาย
ๆ คน และยิ่งยากเข้าไปใหญ่เมื่อเราคิดจะทำตามแบบพระคริสต์ การที่เราจะทำอย่างพระคริสต์ได้นั้น
ก็ต่อเมื่อเรายอมเปิดชีวิตให้พระองค์เข้ามาจัดการเปลี่ยนแปลง
เสริมสร้างชีวิตเราใหม่ให้เราสามารถมีชีวิตเยี่ยงพระองค์
อย่างที่พระคริสต์ได้ทูลขอต่อพระบิดาโปรดยกโทษแก่คนที่ตรึงพระองค์บนกางเขน
(ลูกา 23:34) “พระบิดา ขอทรงยกโทษให้พวกเขา เพราะพวกเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร...”
(มตฐ.) และเหมือนกับสเทเฟนที่อธิษฐานเผื่อผู้ที่เอาหินขว้างเขาว่า
“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดอย่าถือโทษพวกเขาเพราะบาปนี้”
เมื่อกล่าวอย่างนี้แล้วก็สิ้นใจ (กิจการ 7:60 มตฐ.) ดังนั้น คริสตชนจะต้องพร้อมจะยกโทษผู้คนที่จงเกลียดจงชัง
ตั้งใจทำร้ายเราทั้งทางกายและทางใจ
2.
ให้ชีวิตของเราแก่ผู้อื่น
พระเยซูคริสต์สอนสาวกของพระองค์
และเราแต่ละคนด้วยว่า “ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้
คือการสละชีวิตเพื่อมิตรสหายของตน” (ยอห์น 15:13 มตฐ.) นี่อาจจะมิได้หมายความว่าเราตายเพื่อคนอื่นเสมอไป
แต่หมายความถึงเราต้องการเสียสละตนเองเพื่อที่จะรับใช้คนอื่นเหมือนกับพระคริสต์ เราสามารถให้ชีวิตของเราแก่ผู้คนมากมายในลักษณะต่าง
ๆ เช่น การให้ความสัมพันธ์ ความใส่ใจ การให้เวลา ให้ทักษะความสามารถ ให้กำลังใจ ให้ความช่วยเหลือ
ให้กำลังกาย ให้ทรัพย์สินเงินทองที่เรามีอยู่ และ ฯลฯ พระคริสต์ก็ต้องการให้เราทำอย่างพระองค์ที่ให้ทุกสิ่งในชีวิต
และอย่างที่พระองค์ให้ชีวิตแก่มวลมนุษย์ด้วย
3.
อธิษฐานเพื่อศัตรูของเรา
คำสอนที่โดดเด่นของพระเยซูคริสต์ที่แตกต่างจากคำสอนของอีกหลาย
ๆ คนคือ จงรักศัตรูของท่าน และอธิษฐานเพื่อคนที่เกลียดชังท่าน พระเยซูคริสต์คาดหวังมาตรฐานการดำเนินชีวิตอย่างสูงจากสาวกพระองค์
พระองค์ตรัสว่า “[44] แต่เราบอกพวกท่านว่า
จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อบรรดาคนที่ข่มเหงพวกท่าน [45]
เพื่อว่าพวกท่านจะเป็นบุตรของพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ เพราะว่าพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่วเสมอกัน
และให้ฝนตกแก่คนชอบธรรมและคนอธรรม” (มัทธิว 5:44-45 มตฐ.)
ไม่ง่ายเลยครับ...
แต่เป็นไปได้เมื่อพระคริสต์เข้ามาจัดการชีวิตของเราทั้งหมด
4.
ร่วมในการทนทุกข์ของพระองค์
เราท่านเข้าใจใช่ไหมครับว่า
ในฐานะสาวกของพระคริสต์ เราได้รับการทรงเรียนให้ร่วมทนทุกข์กับพระเยซูคริสต์? แต่ไม่ได้หมายว่าเราจะต้องได้รับความทุกข์แสนสาหัสอย่างที่กล่าวในอิสยาห์
บทที่ 53 แต่เราได้รับการทรงเรียกให้ร่วมในความทุกข์กับพระองค์ว่า “[12]
ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าแปลกใจกับความทุกข์ยากแสนสาหัสที่กำลังเกิดขึ้นกับพวกท่าน
เพื่อทดสอบพวกท่านนั้น ราวกับว่าสิ่งประหลาดเกิดกับพวกท่าน [13]
แต่จงชื่นชมยินดีเสมอ ที่ได้มีส่วนร่วมในความทุกข์ยากของพระคริสต์
เพื่อว่าเมื่อพระสิริของพระองค์ปรากฏ พวกท่านก็จะชื่นชมยินดีจนเนื้อเต้น [14] ถ้าพวกท่านถูกด่าเพราะพระนามของพระคริสต์
พวกท่านก็เป็นสุข
เพราะว่าพระวิญญาณแห่งพระสิริคือพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตกับพวกท่าน” (1เปโตร
4:13-14 มตฐ.)
ชีวิตที่เป็นตามแบบชีวิตของพระคริสต์มิใช่การที่เราพยายามทำดีเพื่อพระคริสต์!
แต่ที่เราทำดีอย่างพระคริสต์ได้นั้น เพราะพระคริสต์ทรงเป็นแบบอย่าง
และ เปลี่ยนแปลงเราให้มีชีวิตตามพระประสงค์ ด้วยการหนุนเสริมจากองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระเจ้าส่งให้มาอยู่กับเราและเป็นกำลังแก่เราในการดำเนินชีวิตประจำวัน
5.
ทรงเรียกให้เราเป็นพยานของพระองค์
พระเยซูคริสต์ได้สอน
และ ส่งสาวกของพระองค์ออกไปเพื่อประกาศพระกิตติคุณแก่ทั้งคนยิว คนต่างชาติ
และรวมถึงพวกทหารโรมันด้วย และพระคริสต์ก็ทรงเรียกเราทุกคนให้ออกไปประกาศข่าวประเสริฐของพระคริสต์แก่ผู้คนรอบข้าง
เราถูกส่งออกไปยังคนในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างที่พระองค์ส่งสาวกในสมัยของพระองค์ออกไปในพื้นที่ต่าง
ๆ (มัทธิว 28:19-20) แต่เราต้องไม่ละเลยมองข้ามเพื่อนบ้านข้างเคียงของเรา เราต้องสื่อสารในเนื้อหาข่าวสารที่พระคริสต์ได้สั่งสอน
เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจกลับใจใหม่ และเชื่อในข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
(มาระโก 1:15)
พระเยซูคริสต์ได้บัญชาให้สาวกดำเนินชีวิตติดตามอย่างพระองค์ให้เป็นผู้ที่ยกโทษคนอื่น
ให้ชีวิตของเราแก่คนอื่น
อธิษฐานเพื่อศัตรูด้วยจิตใจที่รักเมตตา ร่วมในความทุกข์ยากของพระคริสต์เพื่อเห็นแก่ข่าวประเสริฐของพระองค์
และมีชีวิตที่เป็นพยานถึงข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้า ซึ่งจะเป็นข่าวดีต่อชีวิตของผู้ได้ยินได้ฟัง
ได้เห็น และได้สัมผัส (ยอห์น 3:18; 36 ข.)
และนี่คือวิถีชีวิตปกติที่
สาวกพระคริสต์ทุกคนจะต้องเดิน ไม่มีทางเลี่ยง ไม่มีทางเบี่ยง แต่เป็นทางที่พระคริสต์ต้องการให้เราเดินไป
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น