คนเข้าร่วมการนมัสการออนไลน์เริ่มลดลง
หลายคริสตจักรตื่นเต้นกับการทำรายการนมัสการออนไลน์ที่มีทั้งสมาชิก
และ ผู้สนใจเข้าชมรายการจำนวนไม่น้อยเลย จนทำให้ศิษยาภิบาลหลายท่านทำรายการอื่น ๆ ออนไลน์เพิ่มในวันอื่น
ๆ ระหว่างสัปดาห์มากขึ้น แต่ถ้าสังเกตให้ดี ในขณะนี้หลายคริสตจักรกำลังเห็นว่ามีจำนวนคนเข้าร่วมรายการออนไลน์ลดลง
ทำให้ผมถามตนเองว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเช่นนี้?
เพื่อนผมบอกว่า
“เพราะการตลาดของคริสตจักรไม่เจ๋งพอ” ผมงงครับ!!!!!
ผมยังคงถามตนเองว่า
แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้จำนวนผู้เข้าร่วมเข้าชมหรือการเข้าร่วมนมัสการออนไลน์ลดลง? สาเหตุหนึ่งคือ...
(1)
ความรู้สึกแปลกใหม่กำลังผ่านเลยไป
ไม่ว่าคริสตจักรของท่านจะเคยมีการถ่ายทอดสดการนมัสการผ่านออนไลน์ก่อนวิกฤตโควิด
19 หรือไม่ก็ตาม คงต้องพบกับการตอบรับตื่นเต้นกับการนมัสการออนไลน์ไประยะหนึ่ง
เกิดความตื่นเต้นสนใจเพราะเป็น “สิ่งแปลกใหม่” ที่กำลังเกิดขึ้น และนี่มิใช่เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจ
และเมื่อทำไปสักระยะเวลาหนึ่งแล้วความรู้สึกตื่นเต้นสนใจในความแปลกใหม่ก็ผ่านเลยไป
จำนวนคนที่เข้าชม/ร่วมในการนมัสการออนไลน์เริ่มลดน้อยลง
(2)
ประกอบกับในช่วงการรักษาระยะห่างทั้งระหว่างบุคคล และ สังคม หรือช่วงการเก็บกักตัวในบ้านหรือห้องพักได้ผ่านเลยไป
และยิ่งคลายล็อคในระยะต่อมา โอกาสออกไปแสวงหาการผ่อนคลาย ความรื่นรมย์
การพบปะกันเริ่มทำกันมากขึ้น มีทางเลือกมากมายกว่าการที่ต้องเข้าชม/เข้าร่วมการนมัสการออนไลน์
นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมในการนมัสการออนไลน์น้อยลง
(3)
ในเวลาเดียวกัน เราคงต้องยอมรับว่า จะมีสมาชิกส่วนหนึ่งที่ยังนิยมคุ้นชินกับการนมัสการแบบการพบปะตัวกัน
ซึ่งส่วนมากจะมีอายุวัยกลางคนค่อนไปสู่วัยสูงอายุ ส่วนนี้เมื่อเปิดให้มีการนมัสการที่อาคารคริสตจักร
สมาชิกกลุ่มนี้จะมาที่คริสตจักรโดยไม่ต้องพึ่งการนมัสการออนไลน์ต่อไป จำนวนคนส่วนนี้ที่เคยเข้าร่วมในการนมัสการออนไลน์ก็จะลดลงด้วย
แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นเราต้องลงถึงรากแก้วของการนมัสการพระเจ้าว่า
การที่เรามีการนมัสการพระเจ้าจะเป็นการมาร่วมพบปะกัน หรือ
การนมัสการพระเจ้าออนไลน์นั้นเป้าหมาย/จุดประสงค์ที่แท้จริงคืออะไรกันแน่? อย่าเน้นความสำคัญโดยการวัดที่จำนวนผู้เข้าชมเข้าร่วมเท่านั้น
ประการแรก การนมัสการพระเจ้าไม่ใช่การบริโภคสินค้าและการบริการ
ที่ลูกค้ามักถูกกระตุ้นการบริโภคด้วยความแปลกใหม่ในลักษณะต่าง ๆ การนมัสการพระเจ้าเป็นกระบวนการในการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่องไปตลอดช่วงชีวิตของเรา
โดยมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกันที่จะหนุนเสริมความเชื่อและการดำเนินชีวิตให้เจริญเติบโตขึ้น
เข้มแข็ง และเกิดผล
ประการที่สอง เป้าหมายปลายทางของการนมัสการพระเจ้าไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามก็เพื่อที่จะสร้างเสริมให้แต่ละคนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้น
และความสัมพันธ์ที่ถูกต้องเหมาะสม และใกล้ชิดกับพระเจ้านี้เองที่นำคน ๆ นั้นให้มีสัมพันธภาพที่ดีและสร้างสรรค์กับคนอื่นรอบข้างที่ตนสัมผัสและสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน
ประการที่สาม การนมัสการพระเจ้าแท้จริงแล้วมีในทุกวันของชีวิต
มิใช่มีแต่เช้าวันอาทิตย์เท่านั้น การนมัสการพระเจ้าเป็นเวลาของการฟังคำสอน
เรียนรู้ ย้ำเตือน ตักเตือนตนเองเสมอว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ที่สูงสุดสำคัญสุดในชีวิตประจำวันของเรา
ดังนั้น เราจะต้องมีชีวิตประจำวันที่เชื่อฟังดำเนินชีวิตประจำวันตามพระประสงค์ของพระเจ้า ในทุกด้านทุกมิติของชีวิต
อย่าให้
“ความแปลกใหม่” “ความตื่นเต้นเร้าใจ” “ความเจ๋ง” “ความน่าสนใจ” หรือ
“ความสนุก” อันเป็นเทคนิค วิธีการ
มาเป็นตัวล่อตัวฉุด ตัวเร้าใจในการนมัสการพระเจ้า แต่ให้เรานมัสการพระเจ้าด้วยชีวิต
จิตใจ ด้วยจิตวิญญาณและความจริงในชีวิตประจำวันของเรา อันเป็นความสดใหม่ในเนื้อแท้แห่งชีวิตของเราแต่ละคน
ความแปลกใหม่ที่เราต้องได้รับจากเบื้องบนคือ
ความแปลกใหม่ในเนื้อหาสาระแห่งความเชื่อศรัทธาของเราต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ที่เป็นตัวชี้นำ
บ่มเพาะความเชื่อและการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้เข้าร่วมในการนมัสการแต่ละคน
ถ้าเช่นนั้น
ความแปลกใหม่ในชีวิตจะไม่ผ่านเลยไปแม้แต่วันเดียวเพราะ...
[22]
ความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์ไม่เคยหยุดยั้ง
และพระกรุณาของพระองค์ไม่มีสิ้นสุด
[23]
เป็นของใหม่ทุกเวลาเช้า
ความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก
(บทเพลงคร่ำครวญ 3:22-23 มตฐ.)
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น