21 มิถุนายน 2563

อะไรคือ “รากฐาน” ของคริสตจักร? อะไรคือ “กุญแจแห่งแผ่นดินสวรรค์”?

โปรดอ่าน  มัทธิว 16:15-19 

ที่พระเยซูคริสต์กล่าวว่า...
บน “ศิลานี้” หรือ “บนศิลารากฐานนี้” หมายถึงใคร? หรือ อะไรกันแน่?
แล้ว “กุญแจแห่งแผ่นดินสวรรค์”  หมายถึงอะไร?

[1] รากฐานความเชื่อสาวกพระคริสต์

พระเยซูคริสต์ถามสาวกของพระองค์ว่า พวกเขาเชื่อว่าพระองค์คือใคร? พระเยซูคริสต์นำสาวกเข้าไปถึงแก่นหลัก หรือ รากแก้ว เกี่ยวกับเรื่องการเป็นสาวกของพระองค์  คือเรื่อง “อัตลักษณ์ของพระเยซูคริสต์” ถ้าสาวกไม่มีความเชื่อ ไม่มีความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างถูกต้อง ก็จะทำให้ความเชื่อความเข้าใจเรื่องอื่น ๆ ของสาวกผิดเพี้ยนบิดเบือนไปด้วย ความเชื่อความเข้าใจของสาวกจะไม่ได้ก่อร่างหยั่งรากลึกลงใน “รากฐาน” ที่เป็นแก่นหลักบนคำสอนของพระองค์ว่า พระเยซูคริสต์คือใครกันแน่

เปโตรตอบคำถามของพระเยซูถึงแก่นหลักนี้ว่า “พระองค์คือพระคริสต์ (พระเมสิยาห์) พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” ในที่นี้เปโตรตอบชัดเจนว่า พระองค์มิใช่มนุษย์คนหนึ่งที่มาเกิดเป็นพระเมสิยาห์  

แต่พระเยซูคริสต์เป็นพระเมสิยาห์ที่เป็นบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่  

แล้วพระเยซูคริสต์กล่าวชัดเจนอีกว่า ที่เปโตรกล่าวมานี้มิใช่ความรู้ความเข้าใจที่สั่งสอนสืบทอดส่งต่อกันมาในวงการผู้นำศาสนา จากบรรพบุรุษ หรือ ที่เปโตรเรียนรู้เข้าใจจากมนุษย์คนอื่น หรือ ในภาษากรีกใช้คำว่า “เนื้อและเลือด” แต่ที่เปโตรกล่าวถึงความเข้าใจดังกล่าวนี้กล่าวโดยการทรงสำแดงเปิดเผยจากพระเจ้า ว่า “แก่นหลัก” หรือ “รากฐาน” คำสอนของพระเยซูคริสต์คือ พระเยซูคริสต์คือใครกันแน่?  

การที่เปโตรมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องว่า “พระเยซูคริสต์คือใครกันแน่” นี้มิใช่จากความรู้ความเข้าใจของคนอื่นเขาสอนมา แต่เป็นการที่พระเจ้าทรงเปิดเผย สำแดงให้เปโตรรู้และเข้าใจ ด้วยเหตุนี้พระเยซูคริสต์ถึงกล่าว่า “ซีโมนบุตรโยนาห์เอ๋ย ท่านก็เป็นสุข” (มัทธิว 16:17 มตฐ.) ที่เปโตรได้รับพระพร เกิดความสุขในชีวิต เพราะพระเจ้าเป็นผู้ประทานความรู้ความเข้าใจ หรือ ความตระหนักชัดว่า “พระเยซูคริสต์เป็นพระเมสิยาห์ พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่”

จากนั้น พระเยซูคริสต์กล่าวต่อไปด้วยการ “เล่นคำ” โดยใช้ชื่อของ เปโตร

ในภาษาเดิม ชื่อของเปโตรใช้คำว่า Petros มีความหมายว่า “หิน หรือ ศิลา”

ดังนั้น พระเยซูคริสต์จึงกล่าวว่า “ท่านคือเปโตร (Petros) หมายความว่า ท่านเป็นศิลา หรือ หิน แต่บน “รากฐานนี้” (ภาษาเดิมเขียนว่า Petra) พระเยซูคริสต์ได้กล่าวเช่นนี้ว่า “ท่านคือเปโตร (petros) บนศิลา หรือ รากฐานความเชื่อนี้ (Petra) เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ และพลังแห่งความตาย (ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า บรรดาประตูของแดนคนตาย) จะมีชัยต่อคริสตจักรไม่ได้

[2] รากฐานของคริสตจักร

1) พระคริสต์ไม่ได้กล่าวว่า “บนชีวิต หรือ ความเชื่อของเปโตร เราจะสร้างคริสตจักรของเรา” ซึ่งมีหลายคนที่เข้าใจเช่นนี้จากคำตรัสของพระเยซูที่ว่า “เราบอกท่านว่าท่านคือเปโตร (ภาษากรีกคือ เปตรอส [Petros]) และบนศิลานี้ (ภาษากรีกคือ เปตรา [Petra]) เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้...

แต่แท้จริงแล้ว พระเยซูได้ตรัสกับเปโตรว่า “เราบอกท่านว่า ท่านคือเปโตร (Petros) บนศิลารากฐานแก่นแท้แห่งความเชื่อ (Petra) ที่ว่า “เราคือพระเมสิยาห์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” นี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้

2) ถึงแม้ว่าพระเยซูได้กล่าวแก่เปโตรว่า “[19] เราจะมอบลูกกุญแจต่าง ๆ แห่งแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน สิ่งใดที่ท่านกล่าวห้ามในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ และสิ่งใดที่ท่านกล่าวอนุญาตในโลก สิ่งนั้นก็จะได้รับอนุญาตในสวรรค์” และนี่ก็เป็นคำกล่าวของพระเยซูคริสต์ กล่าวกับคริสตชนทุกคนด้วย เราจะพบคำกล่าวในทำนองเดียวกันนี้ใน มัทธิว 18:18 ว่า  “[18] เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า สิ่งใด ๆ ที่พวกท่านจะกล่าวห้ามในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ และสิ่งใด ๆ ที่พวกท่านจะกล่าวอนุญาตในโลก สิ่งนั้นก็จะได้รับอนุญาตในสวรรค์”  

ขอตั้งข้อสังเกตว่า  เมื่อพระเยซูกล่าวนี้ใช้คำว่า “ท่านทั้งหลาย” มิได้หมายถึงท่านคนเดียว หรือ เปโตร เท่านั้น

3) พระเยซูไม่ได้กล่าวว่า “ท่านคือ เปโตร บน ศิลา นี้ (ที่มักเข้าใจว่า บนตัวของเปโตร เพราะคำว่าเปโตรแปลว่า หิน หรือ ศิลา เหมือนกัน) เราจะสร้างคริสตจักรของเรา แต่ดูจากต้นฉบับพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า  “ท่านคือ เปโตร (petros) และบน ศิลา (petra ซึ่งเป็นคนละคำกับคำว่า เปโตร petros) นี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเรา”  คำว่า ศิลา มาจากคำต้นฉบับที่ว่า petra ซึ่งมีความหมายถึง หินที่มีเนื้อเข็งแกร่งที่ใช้ในการสร้างรากฐานของตึก หรือ สิ่งก่อสร้างที่ใหญ่และสำคัญ  

ในที่นี้พระเยซูคริสต์กล่าวเชื่อมโยงกับก่อนหน้านี้ที่เปโตรยืนยันว่า ตนเชื่อและเข้าใจว่า พระเยซูคริสต์คือพระเมสิยาห์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ คำว่า ศิลา petra  ในที่นี้หมายถึง หินแกร่งที่เป็นรากฐานแห่งความเชื่อและความเข้าใจว่า พระเยซูคริสต์คือพระเมสิยาห์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ และบนศิลาแห่งรากฐานความเชื่อว่า พระเยซูคริสต์คือใครนี้เอง ที่จะเป็นรากฐานความเชื่อที่พระเยซูคริสต์จะตั้งคริสตจักรของพระองค์ขึ้น
ศิลารากฐาน (petra) ของสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ มิใช่หินทั่วไป แต่เป็นหินที่แข็งแกร่งที่ใช้ในการวางรากของสิ่งก่อสร้าง  ดูจากมัทธิว 27:60 ที่ว่า “[60] แล้วเชิญพระศพไปวางไว้ในอุโมงค์ใหม่ของตนที่สกัดไว้ในศิลา และกลิ้ง “หินใหญ่” ปิดปากอุโมงค์ไว้…” ในข้อนี้เขียนไว้ว่า อุโมงค์ที่ฝังพระศพพระเยซู “สกัดในศิลา หรือ เปตรา (petra) ซึ่งเป็นหินที่แกร่งแข็ง แต่คำว่า “หินใหญ่” ที่ปิดปากอุโมงค์ใช้คำว่า เปตรอส (petros) ซึ่งเป็นหินธรรมดาทั่วไป เช่นหินที่ใช้โรยตามถนน

อีกตัวอย่างหนึ่งคือ จากคำอุปมาของพระเยซูคริสต์เรื่องการสร้างบ้าน มัทธิว 7:24  “[24] เพราะฉะนั้น ทุกคนที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและประพฤติตาม ก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างบ้านของตนไว้บนศิลา” ในพระคัมภีร์ตอนนี้คือการสร้างบ้านบน เปตรา petra หรือ หินแกร่งก้อนโต (มิใช่บนกองหินทั่วไป) แล้วขุดลึกลงในดิน แล้ววาง หินแกร่งก้อนโต (petra) ลงไปเพื่อวางเป็นรากฐานของบ้านหลังนั้น เพื่อบ้านหลังนั้นจะมีรากฐานที่แข็งแกร่ง  มั่นคง ในพระธรรมตอนนี้หมายถึงการที่ดำเนินชีวิตประจำวันของตนตามรากฐานความเชื่อคำสอนของพระเยซูคริสต์

ดังนั้น หินหรือศิลาที่เป็นรากฐานของคริสตจักรในที่นี้หมายถึง ความเชื่อว่า พระเยซูคริสต์เป็นพระเมสิยาห์ พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ (ซึ่งคนยิวในสมัยของพระเยซูคริสต์ส่วนใหญ่ไม่ยอมรับฐานเชื่อแบบนี้ และต่อต้านอีกด้วย) และ ศิลารากฐานความเชื่อนี้ยังหมายถึงคำสอนของพระเยซูคริสต์ที่ได้รับการปฏิบัติจริงอย่างเป็นรูปธรรมในชีวิตประจำวันของคริสตชน

[3] กุญแจแห่งแผ่นดินสวรรค์

ที่พระเยซูคริสต์บอกว่า พระองค์จะมอบกุญแจแห่งแผ่นดินสวรรค์แก่ทั้งเปโตร และแก่คริสตชนตามที่กล่าวใน  มัทธิว 16:19 กล่าวว่า “เราจะมอบลูกกุญแจต่าง ๆ แห่งแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน สิ่งใดที่ท่านกล่าวห้ามในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ และสิ่งใดที่ท่านกล่าวอนุญาตในโลก สิ่งนั้นก็จะได้รับอนุญาตในสวรรค์” (และดูใน 18:18 ด้วย) เวลาใดก็ตามที่คริสต์ชนประกาศหรือยืนหยัดความเชื่อว่า พระคริสต์คือพระเมสิยาห์ พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และเวลาใดก็ตามที่คริสต์ชนดำเนินชีวิตตามคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ที่ประจักษ์แก่คนทั่วไปด้วยความสัตย์ซื่อ เมื่อนั้น  คริสตชนได้เอากุญแจแห่งแผ่นดินสวรรค์ไขประตูแห่งแผ่นดินของพระเจ้าเข้าไปในชีวิตประจำวันของประชาชนคนเหล่านั้น

ซึ่งสอดคล้องกับ ลูกา 11:52  “[52] วิบัติแก่เจ้าพวกผู้เชี่ยวชาญทางบทบัญญัติ เพราะเจ้าได้เอากุญแจแห่งความรู้ไป ตัวเจ้าเองไม่เข้าไป แล้วยังขัดขวางคนอื่นที่กำลังเข้าไป” (อมธ.) กุญแจแห่งความรู้ที่ว่านี้คือกุญแจแห่งแผ่นดินสวรรค์ หรือ กุญแจแห่งแผ่นดินของพระเจ้า กุญแจที่เป็นคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ ที่มีพระเยซูคริสต์เป็นแก่นกลางหรือเสาหลักของชีวิต เป็นกุญแจแห่งความรู้ถึงว่า พระเยซูคริสต์เป็นพระเมสิยาห์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ 

และที่พระเยซูคริสต์บอกว่า “...สิ่งใดที่ท่านกล่าวห้ามในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ และสิ่งใดที่ท่านกล่าวอนุญาตในโลก สิ่งนั้นก็จะได้รับอนุญาตในสวรรค์” พระเยซูคริสต์หมายความว่า พระเจ้าได้ทรงมอบกุญแจแห่งความรู้ของพระเจ้าแก่มนุษย์ เราจึงรู้ถึงน้ำพระทัยและพระประสงค์ของพระองค์ เราจึงสามารถรู้ว่าเราจะมีชีวิตเช่นไรที่พระเจ้าต้องการ และด้วยความสัตย์ซื่อเราจึงสามารถที่จะทำในสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เกิดขึ้น ดังนั้นคำสอนของพระเยซูคริสต์จึงมีความสำคัญมาก และพระประสงค์ของพระเจ้านั้นชัดเจนและแน่นอน

กุญแจแห่งแผ่นดินสวรรค์ หรือ แผ่นดินของพระเจ้า พระองค์ได้มอบให้อยู่ในมือของคริสตชนแล้ว อยู่ที่เราจะต้องสัตย์ซื่อที่จะนำกุญแจแห่งแผ่นดินสวรรค์เข้าไปในชีวิตจิตใจของผู้คนที่เราพบเห็นสัมพันธ์ เพื่อคนนั้นจะมีกุญแจไขเข้าในแผ่นดินสวรรค์ และมีชีวิตในแผ่นดินของพระเจ้า

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น