19 มีนาคม 2564

ใครคือผู้...ขวางทางแห่งพระพรในชีวิตท่าน?

ท่านเคยถามตนเองไหมว่า...

ทำไมเราไม่ได้รับพระพร ทำไมพระเจ้าไม่อวยพระพรแก่เรา? และข้างล่างนี้เป็นสาเหตุบางประการ หรือ สิ่งที่ขวางทางแห่งพระพรที่มาในชีวิตของเรา

(1) ชีวิตที่ไม่เป็นพระพร

พระเยซูบอกว่า ใครก็ตามที่เป็นผู้ให้ การให้นั้นจะกลับมาตอบสนองคน ๆ นั้น และจะตอบสนองกลับที่เพิ่มพูน แบบยัดสั่นแน่นพูนล้นเต็มหน้าตัก พระองค์ตรัสในหลักการเหตุที่ทำให้เกิดผล  “เพียงท่านให้  ท่านก็จะได้รับ” และยิ่งกว่านั้นเป็นการให้กลับ “แบบแบบยัดสั่นแน่นพูนล้นเต็มหน้าตักของท่าน” เพราะว่าเมื่อท่านตวงให้เขาเท่าไร ท่านก็จะได้รับการตวงกลับคืนไปเท่านั้นเช่นกัน (ลูกา 6:38) ท่านอย่าคาดหวังที่จะได้รับพระพรจากพระเจ้า ถ้าชีวิตท่านยังไม่เป็นพรตามพระประสงค์ของพระองค์

การที่เราไม่มีชีวิตที่เป็นพระพร  เราจึงเป็นผู้ขวางทางพระพรในชีวิตของตน

(2) ชีวิตที่ไม่ให้การยกโทษ

เรารู้อยู่เต็มอกว่า ถ้าเราไม่ยกโทษแก่คนอื่น พระเจ้าก็จะไม่ยกโทษแก่เรา ดังนั้น ถ้าเรามีเรื่องขุ่นข้องหมองใจขัดแย้งกับใครบางคน สิ่งนั้นก็จะเป็นที่สิ่งขัดขวางในความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า การที่เราไม่ยอมยกโทษแก่คนอื่นก็เปรียบได้กับการที่เราตัดสินใจดื่มยาพิษแล้วคาดหวังว่าคู่กรณีของเราจะต้องเสียชีวิตเพราะยาพิษที่เราดื่ม 

ถ้าเราเมินเฉยละเลยไม่ตรวจสอบขุดค้นหาถึงการไม่ยกโทษในชีวิตของเรา การไม่ยกโทษนั้นก็จะหยั่งรากลึกจนเติบใหญ่แข็งแรงเป็น “รากแห่งความขมขื่น” และจะสร้างปัญหาชีวิตมากมาย หลายด้าน รุนแรงขึ้น และเกิดผลกระทบต่อหลายคน (ฮีบรู 12:15)

เพราะเราไม่ได้ยกโทษคนอื่นเราจึงเป็นผู้ขวางทางพระพรในชีวิตของตน

(3) ชีวิตที่มีแต่ความไม่พอใจ

ในชีวิตประจำวันของเรา เราคงต้องเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ด้วย “ความพอใจ” หรือ “ความไม่พอใจ”   การที่เรามีชีวิตอยู่ด้วย “ความพอใจ” มักนำเราไปถึงความสุข และการที่มีชีวิตอยู่ด้วยความไม่พอใจ ความขุ่นอกหมองใจ มักนำไปถึงซึ่งความทุกข์ในชีวิต พระคัมภีร์สอนไว้ว่า “...การอยู่ในทางพระเจ้าพร้อมกับมีความพอใจก็เป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวง” (1ทิโมธี 6:6 มตฐ.) แต่สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นจริงในชีวิตของเราอย่างง่ายดาย แต่เป็นสิ่งที่จะต้องค่อย ๆ เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ไม่ว่าจะต้องประสบกับภัยอันตราย การกันดารอาหาร ความอดอยาก ความหนาวเหน็บ การถูกทำร้าย  การถูกเอาหินขว้างปา  และการถูกจำคุก บางครั้งเกือบเอาชีวิตไม่รอด  แม้ต้องประสบกับสถานการณ์ชีวิตที่เป็นดังที่กล่าว  เปาโลบอกว่า “ท่านพอใจในสถานการณ์ชีวิตนั้น”  ที่จะเสริมสร้างสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นในชีวิตของเรา  เปาโลกล่าวไว้ว่า “เพราะข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะพอใจในสิ่งที่ตนมีไม่ว่าสภาพการณ์จะเป็นเช่นไร” (ฟีลิปปี 6:11)

แล้วท่านละ  ท่านได้เรียนรู้ถึงการที่จะมีชีวิตที่พอใจในทุกสถานการณ์อย่างไรบ้าง?   ท่านต้องพบและปฏิบัติในสถานการณ์นั้นครั้งแล้วครั้งเล่า   จนหล่อหลอมตกผลึกเป็นความพึงพอใจในทุกสถานการณ์ชีวิต

เพราะชีวิตที่มีแต่ความไม่พึงพอใจ เราจึงเป็นผู้ขวางทางแห่งพระพรในชีวิตของตน

(4) ความบาปที่ไม่ได้สารภาพ

ผมไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่า ทำไมการสารภาพถึงความบาปผิดของตนต่อพระเจ้าถึงเป็นเรื่องที่ยากหนักหนา พระเจ้าจะไม่อวยพระพรแก่คนที่ยังตัดสินใจมีชีวิตจมจ่อมในหลุมโคลนแห่งความบาป  โดยที่ยังไม่ได้สารภาพความบาปผิดของตน ในพระธรรมสดุดีบันทึกไว้ว่า  “หากข้าพเจ้าได้บ่มความชั่วไว้ในใจ องค์พระผู้เป็นเจ้าคงจะไม่ทรงสดับฟัง” (66:18 อมธ.) เมื่อ “คนที่ปิดหูไม่ยอมฟังคำสั่งสอน(ธรรมบัญญัติ) แม้แต่คำอธิษฐานของเขาก็น่าชิงชัง” (สุภาษิต 28:9 อมธ.)   ทำไมถึงไม่ยอมสารภาพความบาปผิดของตนเสียเดี๋ยวนี้ เพราะ “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” (1ยอห์น 1:9 มตฐ.)

เพราะเราไม่สารภาพความบาปชั่วของเราต่อพระเจ้า เราจึงเป็นผู้ขวางทางพระพรในชีวิตของตน

(5) ชีวิตที่ไม่สำแดงพระคุณ และ ความจริง

พระเยซูคริสต์สอนเราว่า เราต้องนมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง (ยอห์น 4:24)   เป็นการสำคัญอย่างยิ่งที่เราจะนมัสการพระเจ้าตามที่พระคัมภีร์เปิดเผยแก่เรา พระเยซูคริสต์ผู้เต็มล้นด้วยพระคุณและความจริง (ยอห์น 1:14) ในพระคริสต์พระองค์มีความสมดุลลงตัวว่า  พระองค์พูดด้วยสัจจะความจริง และพระองค์รู้ชัดว่าเวลาใดที่จะต้องพูดด้วยพระคุณ บางครั้งพระองค์พูดด้วยสัจจะความจริงกับพวกฟาริสี แต่ในเวลาที่หญิงคนนั้นถูกจับได้ในการล่วงประเวณีพระองค์รู้ว่าเธอต้องการได้ยินถึงสัจจะความจริงที่เป็นพระคุณของพระเจ้า ถ้าเรามีเพียงสัจจะเท่านั้น  เราก็กลายเป็นพวกบัญญัตินิยม แต่ถ้าเรามีเพียงพระคุณเท่านั้น  ก็เป็นเหมือนผู้เปิดทางให้คนกระทำบาปผิด   แต่ถ้าเวลาใดที่เรามีทั้งสัจจะความจริงและพระคุณ เราจะไม่ขวางทางแห่งพระพรของพระเจ้า

เพราะชีวิตของเรามิได้สำแดงความจริงที่เปี่ยมด้วยพระคุณ  เราจึงเป็นผู้ขวางทางพระพรในชีวิตของตน

ภาพใหญ่ตัวขวางพระพรในชีวิตของเรา

ท่านอาจจะคิดถึงวิธีการ หรือ แนวทางอื่นที่ชีวิตเราเองกลายเป็นตัวขวางทางพระพรที่พระเจ้าประทานแก่เรา แต่สิ่งที่แน่นอนคือ “พระเจ้าทรงต่อสู้คนที่หยิ่งจองหอง แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ” (ยากอบ 4:6 มตฐ.) ดังนั้นความหยิ่งผยองสามารถที่จะขวางทางแห่งพระพรของพระเจ้า  เช่นเดียวกับการที่ไม่ให้การยกโทษ ความไม่พึงพอใจ ไม่สารภาพความบาปผิดที่มีในชีวิตต่อพระเจ้า และชีวิตมิได้สำแดงออกถึงพระคุณพระเจ้าทั้งการพูดและกระทำในสิ่งที่เป็นสัจจะความจริง ซึ่งในความจริง ทั้งการมีสัจจะความจริงในชีวิตและพระคุณของพระเจ้าต้องมีควบคู่สอดรับกัน 

พี่น้องที่รักในพระคริสต์   ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรอันอุดมแก่แต่ละท่านในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันด้วยสัจจะความจริงบนรากฐานแห่งพระคุณพระเจ้า



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น