การเทศนาที่นำเสนอ การดำเนินชีวิตทางจริยธรรม, รูปแบบระบบการเมือง, การปฏิบัติในเชิงเศรษฐกิจ.... แต่ปราศจากรากฐานทางความเชื่อ กระบวนคิด และการปฏิบัติบนรากฐานพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ เป็นเหมือนดอกไม้ในแจกันบนธรรมมาสน์แต่ละวันอาทิตย์ เป็นความสวยงามที่ไร้ราก ที่รอเวลาเหี่ยวเฉา เป็นความงามเฉพาะกิจ แล้วต้องหาดอกไม้ชุดใหม่มาจัดแจกันสำหรับวันอาทิตย์ต่อไป
“เฟอร์นิเจอร์สะดวกใช้” หรือ เฟอร์นิเจอร์กระดาษอัด
สวย ราคาถูก น้ำหนักเบา สะดวกใช้ แต่ไม่แข็งแรงและไม่คงทน
เพราะทำมาจากกระดาษ ขี้เลื่อย และ กาว ไม่เหมาะที่จะถูกน้ำ อยู่ในที่ชื้น หรือเปียกแฉะ
ใช้นานไปมักเปื่อยยุ่ย หรือถูกแมลงกัดแทะ
บ่อยครั้งที่เรามักได้ยินได้ฟังคำเทศนาที่ดูดี มีแนวปฏิบัติแบบสำเร็จรูป
ที่สามารถนำไปปฏิบัติใช้ในสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ แต่ผู้ฟังพึงระมัดระวังว่า หลักคิดหลักปฏิบัติดังกล่าวมิได้หยั่งลงลึกในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
หรือ มิได้ยืนหยัดบนราฐานความเชื่อและกระบวนคิดแบบพระเยซูคริสต์
ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า คำเทศนาที่เน้นหลักการและแนวทางในการปฏิบัติในชีวิตประจำวันนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น
แต่ต้องเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ยืนหยัดหยั่งรากลงในคำสอนและแบบอย่างชีวิตของพระเยซูคริสต์
มิใช่ตามทฤษฎีต่าง ๆ ทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และระบบคุณค่าของสังคมปัจจุบัน
ปัจจุบันเรามักพบว่า คำเทศนาหลายครั้งที่เป็นคำเทศนาที่เสนอแนวปฏิบัติทางจริยธรรม
การบริหารจัดการชีวิต หรือ การโค้ชชีวิต แนวทางทางการเมืองร่วมสมัย หรือเรียกร้องให้เป็นนักกิจกรรมทางสังคม
หรือการเมือง หรือเรียกร้องให้ทำดีชอบธรรมเพื่อใครบางคน
การเรียกร้องให้มาชุมนุมใหญ่ทางจิตวิญญาณที่มีบางสิ่งบางอย่างบิดเบือนซ่อนเร้นจากความถูกต้องทางพระคัมภีร์
สิ่งดีดีที่นำเสนอผ่านทางเทศนาเหล่านี้คือ “คำเทศนาแบบเฟอร์นิเจอร์กระดาษอัด” อย่างที่กล่าวข้างต้นมาแล้วว่า
คำเทศนาแบบเฟอร์นิเจอร์กระดาษอัดนั้น ดูสวยงาม กะทัดรัด สะดวกใช้ ฯลฯ แต่เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ได้ไม่คงนาน
คำเทศนาแบบนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตจิตวิญญาณของผู้ฟังเทศน์ (1โครินธ์ 3:11-15) เป็นคำเทศนาที่มิได้เสริมสร้างความแข็งแรงมั่นคงในชีวิตจิตวิญญาณของผู้ฟังให้อยู่คงทนได้
คำเทศนาประเภทนี้ ได้รับการเตรียมเทศน์จากปัญหาที่ผู้เทศน์กำลังประสบอยู่และมีความสนใจ ใส่ใจวิธีคิด มุมมอง ของปัญหาที่กำลังเกิด และแสวงหาแนวทางการแก้ปัญหาตามฐานเชื่อกระบวนคิดทฤษฎีในเรื่องนั้น
ๆ ที่ตนได้รับอิทธิพลจากกระแสสังคม แต่มิได้ใส่ใจทุ่มเทในการค้นคว้า
ศึกษาเจาะลึกลงในพระวจนะของพระเจ้า ว่าอะไรคือจุดยืนฐานรากทางความเชื่อตามพระคัมภีร์ในเรื่องนั้น
และพระคัมภีร์ได้ชี้ทางออกอย่างไร แต่รีบกระโดดข้ามไปเสนอแนวทางปฏิบัติตามหลักคิดทฤษฎีที่ตนได้รับจากอิทธิพลของกระแสสังคมในเวลานั้น
ๆ
นักเทศน์กลุ่มนี้มักไม่ได้ใส่ใจถามและค้นหาคำตอบว่า
แล้วพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์มีมุมมองในเรื่องนี้อย่างไร? พระกิตติคุณได้เสนอทางออกว่าอย่างไร?
พระกิตติคุณได้ชี้นำทิศทางที่จะมุ่งไปในเรื่องนี้ว่าคริสตชนในฐานะสาวกของพระคริสต์จะต้องดำเนินชีวิตไปยังทิศทางไหน?
นักเทศน์จำเป็นจะต้องหันกลับมาหาสัจจะความจริงจากพระคัมภีร์
สัตย์ซื่อต่อการทรงเรียกและการชี้นำของพระเจ้า ทุ่มเทอย่างมุ่งมั่นที่จะวางรากฐานชีวิตจิตวิญญาณของผู้ฟังเทศน์ให้หยั่งรากมั่นคงในพระวจนะของพระเจ้า
และ
เสริมหนุนชีวิตผู้ฟังเทศน์ให้ย่างก้าวไปบนเส้นทางชีวิตตามพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
ปฏิบัติชีวิตประจำวันตามคำสอนและแบบอย่างการดำเนินชีวิตแบบพระเยซูคริสต์ โดยเริ่มต้นจากชีวิตของตนเองก่อน
เพื่อให้เป็นแบบอย่างชีวิตที่สำแดงออกมาจากชีวิตประจำวันของผู้เทศน์เป็นคำเทศนาเชิงปฏิบัติที่มีฐานรากความเชื่อและกระบวนคิดบนรากฐานสัจจะพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น