14 เมษายน 2564

เทศนาแบบ “เฟอร์นิเจอร์กระดาษอัด”

การเทศนาที่นำเสนอ การดำเนินชีวิตทางจริยธรรม, รูปแบบระบบการเมือง,  การปฏิบัติในเชิงเศรษฐกิจ.... แต่ปราศจากรากฐานทางความเชื่อ  กระบวนคิด และการปฏิบัติบนรากฐานพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์  เป็นเหมือนดอกไม้ในแจกันบนธรรมมาสน์แต่ละวันอาทิตย์  เป็นความสวยงามที่ไร้ราก  ที่รอเวลาเหี่ยวเฉา เป็นความงามเฉพาะกิจ แล้วต้องหาดอกไม้ชุดใหม่มาจัดแจกันสำหรับวันอาทิตย์ต่อไป

“เฟอร์นิเจอร์สะดวกใช้” หรือ เฟอร์นิเจอร์กระดาษอัด สวย ราคาถูก น้ำหนักเบา สะดวกใช้  แต่ไม่แข็งแรงและไม่คงทน เพราะทำมาจากกระดาษ ขี้เลื่อย และ กาว ไม่เหมาะที่จะถูกน้ำ อยู่ในที่ชื้น หรือเปียกแฉะ ใช้นานไปมักเปื่อยยุ่ย หรือถูกแมลงกัดแทะ

บ่อยครั้งที่เรามักได้ยินได้ฟังคำเทศนาที่ดูดี มีแนวปฏิบัติแบบสำเร็จรูป ที่สามารถนำไปปฏิบัติใช้ในสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ แต่ผู้ฟังพึงระมัดระวังว่า หลักคิดหลักปฏิบัติดังกล่าวมิได้หยั่งลงลึกในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ หรือ มิได้ยืนหยัดบนราฐานความเชื่อและกระบวนคิดแบบพระเยซูคริสต์ 

ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า คำเทศนาที่เน้นหลักการและแนวทางในการปฏิบัติในชีวิตประจำวันนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ต้องเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ยืนหยัดหยั่งรากลงในคำสอนและแบบอย่างชีวิตของพระเยซูคริสต์ มิใช่ตามทฤษฎีต่าง ๆ ทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และระบบคุณค่าของสังคมปัจจุบัน

ปัจจุบันเรามักพบว่า คำเทศนาหลายครั้งที่เป็นคำเทศนาที่เสนอแนวปฏิบัติทางจริยธรรม การบริหารจัดการชีวิต หรือ การโค้ชชีวิต แนวทางทางการเมืองร่วมสมัย หรือเรียกร้องให้เป็นนักกิจกรรมทางสังคม หรือการเมือง หรือเรียกร้องให้ทำดีชอบธรรมเพื่อใครบางคน 

การเรียกร้องให้มาชุมนุมใหญ่ทางจิตวิญญาณที่มีบางสิ่งบางอย่างบิดเบือนซ่อนเร้นจากความถูกต้องทางพระคัมภีร์ สิ่งดีดีที่นำเสนอผ่านทางเทศนาเหล่านี้คือ “คำเทศนาแบบเฟอร์นิเจอร์กระดาษอัด” อย่างที่กล่าวข้างต้นมาแล้วว่า คำเทศนาแบบเฟอร์นิเจอร์กระดาษอัดนั้น ดูสวยงาม กะทัดรัด สะดวกใช้ ฯลฯ แต่เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ได้ไม่คงนาน คำเทศนาแบบนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตจิตวิญญาณของผู้ฟังเทศน์ (1โครินธ์ 3:11-15) เป็นคำเทศนาที่มิได้เสริมสร้างความแข็งแรงมั่นคงในชีวิตจิตวิญญาณของผู้ฟังให้อยู่คงทนได้

คำเทศนาประเภทนี้ ได้รับการเตรียมเทศน์จากปัญหาที่ผู้เทศน์กำลังประสบอยู่และมีความสนใจ  ใส่ใจวิธีคิด มุมมอง ของปัญหาที่กำลังเกิด และแสวงหาแนวทางการแก้ปัญหาตามฐานเชื่อกระบวนคิดทฤษฎีในเรื่องนั้น ๆ ที่ตนได้รับอิทธิพลจากกระแสสังคม แต่มิได้ใส่ใจทุ่มเทในการค้นคว้า ศึกษาเจาะลึกลงในพระวจนะของพระเจ้า ว่าอะไรคือจุดยืนฐานรากทางความเชื่อตามพระคัมภีร์ในเรื่องนั้น และพระคัมภีร์ได้ชี้ทางออกอย่างไร แต่รีบกระโดดข้ามไปเสนอแนวทางปฏิบัติตามหลักคิดทฤษฎีที่ตนได้รับจากอิทธิพลของกระแสสังคมในเวลานั้น ๆ

นักเทศน์กลุ่มนี้มักไม่ได้ใส่ใจถามและค้นหาคำตอบว่า แล้วพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์มีมุมมองในเรื่องนี้อย่างไร? พระกิตติคุณได้เสนอทางออกว่าอย่างไร? พระกิตติคุณได้ชี้นำทิศทางที่จะมุ่งไปในเรื่องนี้ว่าคริสตชนในฐานะสาวกของพระคริสต์จะต้องดำเนินชีวิตไปยังทิศทางไหน?

นักเทศน์จำเป็นจะต้องหันกลับมาหาสัจจะความจริงจากพระคัมภีร์ สัตย์ซื่อต่อการทรงเรียกและการชี้นำของพระเจ้า ทุ่มเทอย่างมุ่งมั่นที่จะวางรากฐานชีวิตจิตวิญญาณของผู้ฟังเทศน์ให้หยั่งรากมั่นคงในพระวจนะของพระเจ้า และ เสริมหนุนชีวิตผู้ฟังเทศน์ให้ย่างก้าวไปบนเส้นทางชีวิตตามพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ปฏิบัติชีวิตประจำวันตามคำสอนและแบบอย่างการดำเนินชีวิตแบบพระเยซูคริสต์ โดยเริ่มต้นจากชีวิตของตนเองก่อน เพื่อให้เป็นแบบอย่างชีวิตที่สำแดงออกมาจากชีวิตประจำวันของผู้เทศน์เป็นคำเทศนาเชิงปฏิบัติที่มีฐานรากความเชื่อและกระบวนคิดบนรากฐานสัจจะพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์

ความเข้าใจหยั่งรู้ในพระวจนะของพระเจ้า เป็นเรื่องของแต่ละคนที่จะมีเวลาที่จะติดสนิทกับพระเจ้า ด้วยการภาวนาอธิษฐาน การใคร่ครวญไตร่ตรองพระวจนะของพระเจ้าอย่างมุ่งมั่นไม่ท้อถอย   “ชาวเมืองเบเรอามีจิตใจสูงกว่าชาวเมืองเธสะโลนิกาเพราะพวกเขารับเรื่องนี้ด้วยความกระตือรือร้นและค้นพระคัมภีร์ทุกวันเพื่อตรวจสอบว่าสิ่งที่เปาโลกล่าวเป็นจริงหรือไม่” (กิจการ 17:11 อมธ.) ยิ่งเรารู้และเข้าใจถึงพระวจนะของพระเจ้ามากแค่ไหน เราก็ยิ่งต้องการประกาศฯ หรือ เผยพระวจนะด้วยความสัตย์ซื่อต่อการถูกตรึงและการเป็นขึ้นจากความตายของพระคริสต์มากแค่นั้น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น