16 เมษายน 2564

คุณลักษณะคริสตจักรที่เตรียมธรรมิกชน... มีอะไรบ้าง?

ตามพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ หน้าที่ที่สำคัญมากประการหนึ่งของคริสตจักรท้องถิ่นคือ  การเตรียมและเสริมสร้างธรรมิกชนให้เป็นผู้ที่ปรนนิบัติรับใช้พระคริสต์ในสังคมโลกปัจจุบัน และร่วมในพันธกิจการเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้แข็งแรง และมีประสิทธิภาพตามพระประสงค์มากขึ้น

“เพื่อเตรียมธรรมิกชนสำหรับการปรนนิบัติและการเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์”

(เอเฟซัส 4:12 มตฐ.) 

แต่ในความเป็นจริง  มิใช่ทุกคริสตจักรที่เลี้ยงดู บ่มเพาะ เสริมสร้างสมาชิกของตนตามเป้าหมายแห่งพระประสงค์ของพระคริสต์ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า คริสตจักรของเรามีการเตรียม เลี้ยงดู บ่มเพาะ เสริมสร้างสมาชิกตามเป้าหมายข้างต้นหรือไม่?  

ต่อไปนี้เป็นตัวชี้วัด 14 ประการที่สามารถใช้ในการประเมินชีวิตและพันธกิจของแต่ละคริสตจักรท้องถิ่นว่า เป็นคริสตจักรที่มีคุณลักษณะในการในการเลี้ยงดู บ่มเพาะ เสริมสร้างสมาชิกให้เป็นผู้ปรนนิบัติรับใช้  และร่วมกันเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้แข็งแรง และ มีประสิทธิภาพตามพระประสงค์มากน้อยแค่ไหน

1. เป็นคริสตจักรที่คาดหวังว่าสมาชิกทุกคนในพระกายของพระคริสต์จะเป็นคนรับใช้ด้วยความสามารถด้านใดด้านหนึ่งที่ตนมีศักยภาพ โดยคริสตจักรมีกระบวนการฝึกฝนสมาชิกแต่ละคนให้ใช้ศักยภาพที่ตนมีอยู่รับใช้ในงานพันธกิจคริสตจักร

2. ศิษยาภิบาลจะเป็นพี่เลี้ยงของผู้นำ 2-3 คนในแต่ละครั้ง เพื่อสร้างเสริมและฝึกฝนพวกเขาให้สามารถทำพันธกิจใดพันธกิจหนึ่ง และมอบหมายให้เขาออกไปทำพันธกิจนั้น ๆ ตามที่ได้รับการฝึกฝน (มิใช่เปิดชั้นเรียน มีสมาชิกมาเรียน แต่เรียนแล้วไม่มีใครรับใช้)

3. สมาชิกคริสตจักรแต่ละคนได้รับการฝึกฝนเตรียมพร้อมให้เป็นพยานถึงพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ และได้รับการท้าทายให้เข้าไปเป็นพยานถึงพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ในชุมชน-เพื่อนบ้านข้างเคียง และ พื้นที่ที่ตนทำงานประจำวัน

4. คริสตจักรมีวิธีการ กระบวนการ เครื่องมือ ในการฝึกอบรมเสริมสร้างสมาชิกให้ออกไปเป็นพยานชีวิตถึงพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ โดยสมาชิกเหล่านี้ต่างได้ออกไปเป็นพยานชีวิตและนำผู้เชื่อใหม่เข้ามาร่วมในคริสตจักร และรับการเลี้ยงดูเสริมสร้างให้มีวุฒิภาวะในชีวิตแห่งความเชื่อต่อไป

5. ผู้เชื่อใหม่แต่ละคนจะมีพี่เลี้ยงที่เคียงข้างชีวิตของเขาเพื่อคอยหนุนเสริม เมื่อผู้เชื่อใหม่เริ่มต้นในการดำเนินชีวิตบนเส้นทางชีวิตของพระเยซูคริสต์

6. สมาชิกที่มีศักยภาพในการสื่อสารสั่งสอน จะได้รับการเสริมสร้างฝึกฝนให้มีความสามารถในการสื่อสารสั่งสอน และได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สอนในคริสตจักร

7. ผู้นำที่สอนถึงหลักการความเชื่อตามพระคัมภีร์ จะเน้นย้ำถึงวิธีการและแนวทางการใช้หลักข้อเชื่อแต่ละข้อในการปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจำวัน

8. ผู้นำที่ผ่านการฝึกอบรมให้มีความสามารถในการสื่อสารสั่งสอน จะทำหน้าที่ในการสอนในกลุ่มต่าง ๆ ที่กำหนด โดยผลัดเปลี่ยนกับผู้นำในการสื่อสารสั่งสอนคนอื่น ๆ พร้อมกันนั้นจะเสริมสร้างคนใหม่ ๆ ให้มีความสามารถในการสื่อสารสั่งสอนต่อไปด้วย

9. คณะนักร้องสรรเสริญพระเจ้า จะได้รับการเรียนรู้ ฝึกฝนจนมีทักษะในด้านการดนตรีและการขับร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า และนำเพื่อนสมาชิกเข้าร่วมสรรเสริญพระเจ้าด้วยกัน

10. ผู้ที่เข้าร่วมในการนมัสการพระเจ้าได้เรียนรู้ถึงการนมัสการพระเจ้าที่แท้จริง และ ได้รับการนำเข้าสู่การนมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง

11. สมาชิกคริสตจักรทุกคนได้รับการสอนสร้างให้มีวินัยชีวิตจิตวิญญาณ คริสตจักรท้าทายให้สมาชิกทุกคนดำเนินชีวิตตามวินัยชีวิตจิตวิญญาณดังกล่าว

12. มัคนายกได้รับการฝึกฝนทักษะการดูแลเอาใจใส่และรับผิดชอบในการทำพันธกิจการรับใช้ในด้านต่าง ๆ

13. ศิษยาภิบาล และ คณะผู้อภิบาลจะต้องรับผิดชอบต่อการเจริญเติบโตด้านจิตวิญญาณของตนเอง รวมถึงการดำเนินชีวิต และในการทำพันธกิจ

14. มีการประเมินผลถึงกระบวนการเสริมสร้างฝึกฝนชีวิตจิตวิญญาณสมาชิกของคริสตจักร และจะต้องมีการประเมินผลอย่างเป็นระบบ และต่อเนื่อง

แน่นอนครับ  ท่านผู้อ่านแต่ละท่านย่อมมีประสบการณ์ในเรื่องการเสริมสร้างสมาชิกคริสตจักรให้เป็นผู้รับใช้พระคริสต์ จะมีตัวชี้วัดที่ผมมิได้กล่าวถึงในที่นี้  โปรดกรุณาแบ่งปันในที่นี้ เพื่อการเรียนรู้และเกิดประโยชน์ร่วมกันครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น