02 เมษายน 2564

นิ่งในอุโมงค์มืดมิด...

ชีวิตในความมืดมิด โดดเดี่ยว และซึมเศร้า

ภาวะความมืดมิด โดดเดี่ยว และความซึมเศร้าในชีวิตจิตวิญญาณ เป็นภาวะที่เราท่านต่างเคยประสบพบเจอ   แม้แต่ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต  มีชื่อเสียง  หรือเคยมีตำแหน่งใหญ่โตสูงส่งแค่ไหนก็ตาม  แม้แต่พระมหากษัตริย์  ประธานาธิบดี  และไม่เว้นคนที่เชื่อศรัทธา และ รับใช้พระเจ้าในพระราชกิจของพระองค์ก็ต้องเผชิญกับภาวะนี้เช่นกัน   กษัตริย์ดาวิดได้ประพันธ์บทเพลงสดุดี  กล่าวถึงสภาพชีวิตจิตวิญญาณที่ซึมเศร้าของท่านไว้ว่า

“จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย เหตุใดเจ้าจึงท้อแท้?
เหตุใดจึงกระสับกระส่ายอยู่ภายในข้าพเจ้า?
จงหวังในพระเจ้า
เพราะข้าพเจ้าจะยังคงสรรเสริญพระองค์
พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้าและพระเจ้าของข้าพเจ้า”
               (สดุดี 42:5 อมธ.)

ชาร์ล สเปอร์เจียน (Charles Spurgeon) เป็นนักเทศน์เรืองนามในศตวรรษที่ 19 ที่กรุงลอนดอน ในแต่ละสัปดาห์มีผู้มาฟังเขาเทศนาอธิบายพระวจนะของพระเจ้าอย่างเนืองแน่น   แต่หลายต่อหลายคนไม่รู้เลยว่า สเปอร์เจียน ต้องทนทุกข์จากภาวะซึมเศร้าตลอดชีวิต   เขากล่าวถึงสาเหตุต่าง ๆ ของอาการนี้มาจาก ความเจ็บป่วย  การบาดเจ็บ  การรู้สึกโดดเดี่ยว  ความอ่อนล้าเพลียแรงทางจิตใจ  ความล้มเหลว  สภาพอากาศ  การโต้เถียง  การถูกวิพากษ์วิจารณ์ และ อื่น ๆ อีกมากมาย

เรามักเข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อนว่า  คนที่เชื่อศรัทธาในพระเจ้าจะไม่ต้องทนทุกข์จากความมืดมิดทางจิตวิญญาณหรือความมืดมิดทางอารมณ์ความรู้สึก   แต่ดาวิดผู้ประพันธ์บทเพลงสดุดีต้องประสบพบเจอกับภาวะชีวิตจิตวิญญาณเช่นนี้   ดาวิดถามจิตใจของตนเองเช่นนี้ใน 3 แห่งด้วยว่า

“จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย เหตุใดเจ้าจึงท้อแท้?
เหตุใดจึงกระสับกระส่ายอยู่ภายในข้าพเจ้า?...” 
               (สดุดี 42:5, 11, และ 43:5 อมธ.)

แต่ดาวิด และ ผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญสดุดีคนอื่นรู้ว่า พระเจ้าทรงเป็นความสว่างที่สามารถขับไล่ขจัดความมืดมิดออกไปจากชีวิต  ดาวิดกล่าวว่า

 “จงหวังในพระเจ้า” (สดุดี 119:81, 114, 147)  และเปาโลได้เตือนสติเราแต่ละคนว่า  ในความมืดมิดอ่อนแรงของชีวิตสามารถที่จะนำเราไปถึงความหวังได้ 

“...เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน  และความทรหดอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้  และการที่เป็นเช่นนั้นทำให้มีความหวัง” (โรม 5:3-4 มตฐ.)

และความหวังเช่นนี้จะไม่ทำให้เราต้องผิดหวัง “เพราะเหตุว่าความรักของพระเจ้าได้หลั่งเข้าสู่จิตใจของเรา โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เราแล้ว” (ข้อ 5 มตฐ.)

ในเวลาเดียวกันให้เราระลึกถึงองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ผู้เป็นพระบุตรของพระเจ้า ทุ่มทั้งชีวิตของพระองค์เพื่อพระราชกิจตามแผนงานของพระบิดาเจ้า แต่พระองค์ก็ต้องประสบกับภาวะความมืดมิดโดดเดี่ยวในชีวิตจิตวิญญาณของพระองค์  ที่สวนเกทเสมนี มัทธิว 26:38 บันทึกคำตรัสของพระองค์ต่อสาวกว่า “ใจของเราเป็นทุกข์แทบจะตาย...” (มตฐ.) แต่พระองค์ไม่สิ้นหวัง พระองค์บอกแก่สาวกว่า “จงอยู่ที่นี่และเฝ้าระวังกับเรา”  (มตฐ.)

เมื่อภาวะมืดมิดโดดเดี่ยวและภาวะซึมเศร้าทางจิตวิญญาณเข้ามาครอบงำในชีวิตจิตวิญญาณของเรา   อย่ากลัวแต่จงหวังใจในพระเจ้า พระวจนะของพระองค์ ความรักเมตตาของพระองค์จะนำเราเข้าสู่ความสว่างแห่งชีวิต

จอห์น คาล์วิน เคยกล่าวไว้ว่า  “ในความมืดมิดและความระทมทุกข์ของเรา พระคุณของพระเจ้าจะฉายแสงเปล่งสว่างมากยิ่งขึ้น”



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น