ชีวิตในความมืดมิด โดดเดี่ยว และซึมเศร้า
ภาวะความมืดมิด โดดเดี่ยว และความซึมเศร้าในชีวิตจิตวิญญาณ เป็นภาวะที่เราท่านต่างเคยประสบพบเจอ แม้แต่ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีชื่อเสียง หรือเคยมีตำแหน่งใหญ่โตสูงส่งแค่ไหนก็ตาม แม้แต่พระมหากษัตริย์ ประธานาธิบดี และไม่เว้นคนที่เชื่อศรัทธา และ รับใช้พระเจ้าในพระราชกิจของพระองค์ก็ต้องเผชิญกับภาวะนี้เช่นกัน กษัตริย์ดาวิดได้ประพันธ์บทเพลงสดุดี กล่าวถึงสภาพชีวิตจิตวิญญาณที่ซึมเศร้าของท่านไว้ว่า
“จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย
เหตุใดเจ้าจึงท้อแท้?
เหตุใดจึงกระสับกระส่ายอยู่ภายในข้าพเจ้า?
จงหวังในพระเจ้า
เพราะข้าพเจ้าจะยังคงสรรเสริญพระองค์
พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้าและพระเจ้าของข้าพเจ้า”
(สดุดี 42:5 อมธ.)
ชาร์ล สเปอร์เจียน (Charles
Spurgeon) เป็นนักเทศน์เรืองนามในศตวรรษที่ 19 ที่กรุงลอนดอน ในแต่ละสัปดาห์มีผู้มาฟังเขาเทศนาอธิบายพระวจนะของพระเจ้าอย่างเนืองแน่น แต่หลายต่อหลายคนไม่รู้เลยว่า สเปอร์เจียน
ต้องทนทุกข์จากภาวะซึมเศร้าตลอดชีวิต
เขากล่าวถึงสาเหตุต่าง ๆ ของอาการนี้มาจาก ความเจ็บป่วย การบาดเจ็บ
การรู้สึกโดดเดี่ยว ความอ่อนล้าเพลียแรงทางจิตใจ ความล้มเหลว
สภาพอากาศ การโต้เถียง การถูกวิพากษ์วิจารณ์ และ อื่น ๆ อีกมากมาย
เรามักเข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อนว่า
คนที่เชื่อศรัทธาในพระเจ้าจะไม่ต้องทนทุกข์จากความมืดมิดทางจิตวิญญาณหรือความมืดมิดทางอารมณ์ความรู้สึก แต่ดาวิดผู้ประพันธ์บทเพลงสดุดีต้องประสบพบเจอกับภาวะชีวิตจิตวิญญาณเช่นนี้ ดาวิดถามจิตใจของตนเองเช่นนี้ใน 3 แห่งด้วยว่า
“จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย
เหตุใดเจ้าจึงท้อแท้?
เหตุใดจึงกระสับกระส่ายอยู่ภายในข้าพเจ้า?...”
(สดุดี 42:5,
11, และ 43:5 อมธ.)
แต่ดาวิด และ
ผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญสดุดีคนอื่นรู้ว่า
พระเจ้าทรงเป็นความสว่างที่สามารถขับไล่ขจัดความมืดมิดออกไปจากชีวิต ดาวิดกล่าวว่า
“จงหวังในพระเจ้า” (สดุดี 119:81,
114, 147)
และเปาโลได้เตือนสติเราแต่ละคนว่า
ในความมืดมิดอ่อนแรงของชีวิตสามารถที่จะนำเราไปถึงความหวังได้
“...เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้น
ทำให้เกิดความทรหดอดทน
และความทรหดอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ และการที่เป็นเช่นนั้นทำให้มีความหวัง” (โรม
5:3-4 มตฐ.)
และความหวังเช่นนี้จะไม่ทำให้เราต้องผิดหวัง
“เพราะเหตุว่าความรักของพระเจ้าได้หลั่งเข้าสู่จิตใจของเรา
โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เราแล้ว” (ข้อ 5 มตฐ.)
ในเวลาเดียวกันให้เราระลึกถึงองค์พระเยซูคริสต์เจ้า
ผู้เป็นพระบุตรของพระเจ้า ทุ่มทั้งชีวิตของพระองค์เพื่อพระราชกิจตามแผนงานของพระบิดาเจ้า
แต่พระองค์ก็ต้องประสบกับภาวะความมืดมิดโดดเดี่ยวในชีวิตจิตวิญญาณของพระองค์ ที่สวนเกทเสมนี มัทธิว 26:38 บันทึกคำตรัสของพระองค์ต่อสาวกว่า
“ใจของเราเป็นทุกข์แทบจะตาย...” (มตฐ.) แต่พระองค์ไม่สิ้นหวัง พระองค์บอกแก่สาวกว่า
“จงอยู่ที่นี่และเฝ้าระวังกับเรา” (มตฐ.)
เมื่อภาวะมืดมิดโดดเดี่ยวและภาวะซึมเศร้าทางจิตวิญญาณเข้ามาครอบงำในชีวิตจิตวิญญาณของเรา อย่ากลัวแต่จงหวังใจในพระเจ้า พระวจนะของพระองค์
ความรักเมตตาของพระองค์จะนำเราเข้าสู่ความสว่างแห่งชีวิต
จอห์น คาล์วิน
เคยกล่าวไว้ว่า
“ในความมืดมิดและความระทมทุกข์ของเรา พระคุณของพระเจ้าจะฉายแสงเปล่งสว่างมากยิ่งขึ้น”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น