07 กรกฎาคม 2555

หายไปแล้ว...แต่ได้พบอีก (1)


ลูกา 15:1-32

ผมเชื่อว่าแต่ละท่านมีประสบการณ์ของมีค่าสูญหาย   แล้วลงทุนลงแรงหาจนพบ   แม้บางครั้งจะต้องหาแบบพลิกพื้นคว่ำแผ่นดินก็ตาม   แต่เมื่อพบแล้วย่อมดีใจ  ชื่นชมยินดี  และสมหวัง   ยิ่งถ้าคนใดมีประสบการณ์ “ลูกหาย”  จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม   แต่ในที่สุดกลับได้พบลูกอีก   การกลับมาพบอักครั้งหนึ่งนำความชื่นชมยินดีอย่างล้นพ้นเกินกว่าที่จะบรรยายได้

ในพระกิตติคุณลูกา 15:1-32 พระเยซูคริสต์ได้เล่าเรื่องอุปมา 3 เรื่องติดต่อกัน   ทั้งสามเรื่องเล่าถึงการที่มีบางอย่างที่หายไปแต่เจ้าของได้หาจนพบอีกครั้งหนึ่ง   แล้วทำการเฉลิมฉลองด้วยความชื่นชมยินดี   ถ้าเราอ่านอย่างผิวเผินเรามักเข้าใจว่า “การกลับมาพบอีกครั้งหนึ่ง” ของทั้งสามเรื่อง   เป็นการ “ค้นพบอีกครั้ง” ที่มีสาระเหมือนกัน   แต่เมื่อมีการอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกและเจาะลึกลงในรายละเอียดกลับพบว่า   เรื่องแรกวัตถุสิ่งของทรัพย์สมบัติที่หายไป  (ในที่นี้เป็นแกะ)   เรื่องที่สอง เงินทองที่มีอยู่ได้หายไป   แต่ในเรื่องที่สามแตกต่างออกไปคือ  “คนหาย”  ในที่นี้คนที่หายมิใช่คนทั่วไปแต่เป็นลูกของตนเอง  น้องของตนเองที่หายไป

เราท่านคงยอมรับกันว่า พระธรรมตอนนี้เป็นเรื่องอุปมาที่คริสตชนส่วนใหญ่ได้ยินได้ฟัง และ จดจำได้อย่างดี   และเมื่อแต่ละท่านอ่านอุปมาทั้งสามเรื่อง (โดยเฉพาะในเรื่องที่สาม) ก็จะตีความโดยใช้ประสบการณ์ส่วนตัวในการตีความและทำความเข้าใจอุปมาเรื่องนี้   พ่อแม่ที่มีลูกที่แสนดื้อเวลาอ่านก็มักจะอ่านบนความคิดความเข้าใจเหมือนกับพ่อในเรื่อง   ที่ต้องพบและทุกข์ยากกับลูกที่แสนดื้อคนนี้    เวลาอ่านก็จะหาความหมายที่ปลอบใจ หรือ หาทางออกจากความทุกข์ยากที่พบและความเจ็บปวดในชีวิตที่ได้รับ   สำหรับผู้อ่านบางท่านที่ได้กระทำความบาปผิดมาก็จะอ่านในฐานะเหมือนลูกคนเล็กที่ดื้อดึง  และการที่ได้รับการอภัยการยกโทษจากพ่อ   น้อยคนนักในพวกเราที่จะอ่านแล้วสมมติตนเองว่าเป็นลูกคนโต   แต่อย่างไรก็ตามลูกคนโต หรือพี่ชาย  เป็นตัวละครที่มีความสำคัญมากในอุปมาเรื่องนี้   ในท้องเรื่องได้เจียรนัยถึงความผิดบาปของเขาชัดเจน   และปฏิกิริยาตอบสนองของเขาต่อการกลับใจ และ การกลับมาบ้านของน้อง   พระเยซูคริสต์ได้อธิบายอย่างละเอียด   เพราะพระเยซูคริสต์ต้องการตอบคำกล่าวหาต่อว่าด้วยความไม่พอใจของฟาริสี และธรรมมาจารย์   ที่พระเยซูคริสต์ไปมีปฏิสัมพันธ์กินอยู่กับพวก “คนบาป” ในสายตาของพวกเขา

ในตอนนี้ขอให้เราเอาความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของอุปมาเรื่องนี้ที่เราเคยมีเก็บไว้ก่อน   และในเวลาเดียวกันให้เราเอาประสบการณ์ และ ความต้องการของเราที่มักสมมติตนเองเป็นบุคคลใดบุคคลหนึ่งในอุปมาที่สอดคล้องกับประสบการณ์ของตนเองกองไว้ข้างๆ   แต่ให้เราศึกษาและแสวงหาความหมายของอุปมาตอนนี้ตามบริบทในเวลานั้น   ให้เราค้นหาดูว่าตามบริบทของอุปมานี้พี่ชายคนโตผิดในเรื่องอะไร   และเรียนรู้ว่าทัศนคติ  และท่าทีที่แสดงออกของพี่ชาย  ได้ช่วยสะท้อนให้เราเรียนรู้ถึงบุคลิกลักษณะ และตราบาปที่มีในชีวิตของเรา  ให้เราแสวงหาความสว่างจากพระวิญญาณของพระเจ้าเมื่อเราศึกษาถึงพระวจนะของพระเจ้าในตอนนี้   เพื่อที่เราจะเรียนรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระประสงค์ให้ผู้ฟังขอพระองค์เข้าใจเรื่องราวในตอนนี้อย่างไร

โครงสร้างของพระธรรมตอนนี้

พระธรรมลูกาบทที่ 15 เป็นเรื่องราวเกี่ยวเนื่องเป็นเรื่องเดียวกัน   แม้จะเป็นอุปมาสามเรื่องที่พระเยซูคริสต์ทรงเล่า   แต่อุปมาสามเรื่องมีความต่อเนื่องเกี่ยวพันและส่งผลกระทบต่ออุปมาเรื่องสุดท้าย (บุตรผู้ล้างผลาญ) ซึ่งเริ่มตั้งแต่ข้อ 1-2 ที่กล่าวถึงสาเหตุที่พระเยซูคริสต์เล่าอุปมาทั้งสามเรื่อง   และคำอุปมาสองเรื่องแรก (ข้อ 3-7 และ 8-10)   ซึ่งสามารถแบ่งเป็นโครงสร้างของพระธรรมบทนี้ได้ดังนี้
(1)  ปฏิกิริยาของพวกฟาริสีต่อการที่พระเยซูคริสต์มีปฏิสัมพันธ์กับพวกคนบาป (ข้อ 1-2)
สถานการณ์: คนเก็บภาษีและคนบาปมาฟังพระเยซู  พวกฟาริสีต่อว่าพระเยซูที่ต้อนรับและรับประทานอาหารร่วมกับคนบาปเหล่านี้

(2)  มนุษย์ตอบสนองต่อสิ่งที่หายไป  และเปรียบเทียบกับการตอบสนองในสวรรค์  (ข้อ 3-10)
อุปมาเรื่องแกะหาย  (ข้อ 3-7)
อุปมาเรื่องเหรียญหาย  (ข้อ 8-10)

(3) ปฏิกิริยาของพี่ชายต่อการกลับมาของน้องชายผู้บาปหนา (ข้อ 11-32)

บริบทของพระธรรมตอนนี้ (ลูกา 15:1-2)

ในเวลานั้นคนเก็บภาษีและพวกคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อฟังพระองค์   พวกฟาริสีและธรรมาจารย์ก็บ่นว่า  “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินด้วยกันกับเขา (ฉบับมาตรฐาน)

เรื่องราวในบทนี้เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากบทที่ 14  ที่พระเยซูคริสต์ตรัสอย่างชัดเจนแก่ผู้คนจำนวนมากที่มาฟังคำสอนของพระองค์ว่า “ใครมีหูที่จะฟังก็จงฟังเถิด” (ลูกา 14:34) ซึ่งแตกต่างกับพวกฟาริสีและธรรมาจารย์  พวกเขากลับบ่นว่าพระเยซูอย่างไม่พอใจที่ต้อนรับพวกคนบาป คนเก็บภาษีและร่วมรับประทานอาหารกับคนบาปพวกนั้น (ข้อ 2)   อะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์ไม่พอใจจนต้องมาบ่นว่ากล่าวโทษพระเยซูในครั้งนี้?   แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกพวกฟาริสีและธรรมาจารย์ที่พระเยซูคริสต์เลือกที่จะคบหาติดต่อกับคนบาปพวกนี้?

บทแรกๆ ของพระธรรมลูกา   พวกฟาริสีได้ตำหนิบ่นว่าที่พระเยซูติดต่อสัมพันธ์กับพวกคนบาป  อีกทั้งยังร่วมสังสรรค์กับคนพวกนั้น (ลูกา 5:29 เป็นต้นไป)   สิ่งที่น่าสังเกตก็คือว่า พวกฟาริสีไม่ชื่นชมยินดีเลยเมื่อคนบาปกลับใจ   แล้วอะไรที่จะทำให้พวกเขาชื่นชมยินดี?   และอะไรที่ทำให้พวกฟาริสีรู้สึกเจ็บปวดเมื่อพระเยซูติดต่อคบหากับพวกคนบาปและมีความชื่นชมยินดีเมื่อพวกเขากลับใจ?   คำอธิบายที่ชัดเจนพบได้ในพระกิตติคุณมัทธิวบทที่ 23  ในพระธรรมบทดังกล่าวพระเยซูได้เปิดหน้ากากการสำคัญตนว่าเป็นคนชอบธรรมของพวกฟาริสี และชีวิตจิตวิญญาณของพวกเขา  พระเยซูได้ต่อว่าและเปลือยเปิดพวกเขาออกอย่างหมดเปลือกล่อนจ้อน  สิ่งเหล่านั้นจะช่วยให้เราเข้าใจว่าทำไมพวกฟาริสีและธรรมาจารย์ถึงรู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นคนบาปยกโขยงติดตามพระเยซู?

(1)  พวกฟาริสีชอบที่จะได้รับเกียรติในงานเลี้ยง และ นั่งในที่โดดเด่นในธรรมศาลา (มัทธิว 23:5) คนพวกนี้ชอบที่จะเป็นจุดสนใจของผู้คน  พวกเขาเห็นว่างานเลี้ยงเป็นที่ที่จะทำตัวให้คนอื่นสนใจ เป็นจุดเด่นในสายตาของประชาชน จึงไม่แปลกที่งานเลี้ยงที่มีพระเยซูอยู่ด้วยย่อมสร้างความไม่สบายใจแก่พวกเขา   เพราะเจ้าภาพจะให้เกียรติแก่พระเยซูมิใช่พวกฟาริสี 

(2)  พวกฟาริสีจำกัดให้มีผู้ที่ได้ “ความรอด” ให้เหลือกลุ่มเล็กที่สุด และให้เป็นกลุ่มชั้นสูงของคนในศาสนายิว(มัทธิว 23:13)  กลุ่มคนยิวมักรู้สึกว่าตนเองเป็นคนเหนือกว่าคนต่างชาติ  แต่พวกฟาริสีรู้สึกว่ากลุ่มของตนเองนั้นเหนือกว่าคนยิวทั่วไป (ยอห์น 7:45-49)   พวกเขาต้องการจำกัดให้กลุ่มคนที่ได้รับความรอดให้เป็นกลุ่มที่เล็กที่สุด   คัดกลุ่มคนที่ไม่พึงประสงค์ออกจากกลุ่มคนที่รอด   การที่พระเยซูคริสต์ติดต่อคนหากับประชาชนคนบาปก็เป็นการกระทำตนที่สะอาดเคร่งครัดต้องแปดเปื้อนเพราะคลุกอยู่กับปุถุชนคนบาปเหล่านั้น

(3) พวกฟาริสีตั้งกฏระเบียบปฏิบัติที่หยุมหยิมให้คนอื่นปฏิบัติ (มัทธิว 23:16-24)  พวกฟาริสีตั้งตนให้อยู่เหนือคนอื่น   แล้วจงใจกระทำให้กฏระเบียบเหล่านั้นลำบากซับซ้อนในการปฏิบัติ   พระเยซูคริสต์บริภาษพวกฟาริสีเรื่องนี้ในพระธรรมมัทธิว   ซึ่งเราพบว่าคำสอนของพระเยซูคริสต์เป็นที่ชื่นชมสำหรับประชาชนเพราะเข้าใจง่าย  ด้วยคำสอนที่ธรรมดา (เช่นสอนด้วยเรื่องอุปมา)   และไม่จุกจิกยุ่งยากและซับซ้อนอย่างคำสอนกฏระเบียบของพวกฟาริสี   ด้วยวิธีการสอนของพระเยซูคริสต์ที่น่าสนใจสำหรับประชาชน   ย่อมกระทบกระเทือนต่อการสอนของพวกฟาริสีที่ซับซ้อนยากในการปฏิบัติตาม   ดังนั้น  พวกฟาริสีจึงต่อต้านขัดขวางการสอนของพระเยซูคริสต์

(4)  พวกฟาริสีต้องการปกป้องและส่งเสริมความเชื่อแบบหน้าซื่อใจคดของพวกเขา   ด้วยการเน้น “ความบาป” ที่เห็นได้จากภายนอกมากกว่าความบาปผิดภายในชีวิต เช่น มุมมอง ทัศนคติ และสิ่งกระตุ้นเร้าภายใน (มัทธิว 23:13-14, 25-36)  พวกฟาริสีมองความบาปเป็นเรื่องภายนอก  มากกว่าเป็นเรื่องของความคิดจิตใจภายใน   คำเทศนาบนภูเขาของพระเยซูคริสต์  พระองค์ทรงเน้นถึงความบาปที่อยู่ภายในของชีวิต (เช่น มัทธิว บทที่ 5-7)   ยิ่งกว่านั้น พระองค์ยังเชื่อมโยงให้ทุกคนเห็นชัดว่า   เพราะความบาปที่ออกฤทธิ์ภายในชีวิตนี้เองที่ทำให้การคิด การตัดสินใจและการกระทำของมนุษย์จึงเป็นแต่เรื่องร้าย   อย่างไรก็ตาม พระเยซูยังเปิดโปงให้เห็นชัดว่า  กฎระเบียบปฏิบัติมากมายของพวกฟาริสีที่กำหนดขึ้นอย่างหยุมหยิมซับซ้อนนั้น แสดงออกถึงธาตุแท้ที่แฝงเบื้องหลังของการกระทำชั่ว เช่น การหย่าภรรยาด้วยจงใจ   ทั้งสิ้นนี้ฟาริสีกำหนดกฏระเบียบเพื่อเข้มงวดกับประชาชน   แต่ก็มิได้ช่วยให้ประชาชนลดการกระทำความบาปผิด   และบางครั้งก็เพื่อประโยชน์แห่งตนของฟาริสี   คำสอนเช่นนี้ของพระเยซูคริสต์ทำให้พวกฟาริสีเคืองแค้นพระองค์อย่างมาก   ที่พระองค์มาเปิดโปงธาตุแท้ของความหน้าซื่อใจคดของพวกเขา

พระเยซูคริสต์รู้ว่าทำไมพวกฟาริสีถึงไม่พอใจพระองค์  อุปมาทั้งสามเรื่องในพระธรรมตอนนี้เป็นเรื่องราวที่พาดพิงถึงพวกฟาริสีและธรรมาจารย์โดยตรง (ดู ลูกา 15:2-3)  เรื่องอุปมาสองเรื่องแรกชี้ชัดว่าพวกฟาริสีเอาใจใส่ค้นหาบางอย่างที่สูญหาย  และมีความชื่นชมยินดีเมื่อเขาเสาะหาพบ   อุปมาเรื่องที่สามเรื่องบุตรผู้ล้างผลาญ  ที่ชี้ชัดถึงความไม่พอใจและขุ่นเคืองของฟาริสีแทนที่จะชื่นชมยินดีเพราะคนบาปได้รับความรอด

ในครั้งต่อไปเราจะร่วมกันค้นหาความหมายของอุปมาเรื่องแกะหาย และ เหรียญหายว่า พระเยซูคริสต์เล่าเรื่องอุปมาทั้งสองเรื่องเพื่อประเด็นกล่าวหาของฟาริสีอย่างไร  และเมื่อพระองค์เล่าอุปมาทั้งสองเรื่องนั้น คนเลี้ยงแกะในเรื่องแกะหายนั้นพระเยซูคริสต์หมายถึงใคร และ หญิงที่เสาะหาเหรียญเงินที่หายไปนั้นอย่างเอาเป็นเอาตายพระองค์หมายถึงใคร


ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
เรียบเรียงจากการข้อมูลในบทความเรื่อง Lost and Found ของ Deffinbaugh

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น