19 กรกฎาคม 2555

ระวัง...ผู้นำที่รับใช้ตนเอง


อ่านเอเสเคียล 34:1-10

บุตรมนุษย์เอ๋ย  จงเผยพระวจนะกล่าวโทษพวกผู้เลี้ยงแกะของอิสราเอล...
พระยาเวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า
วิบัติแก่พวกผู้เลี้ยงแกะของอิสราเอลที่เลี้ยงแต่ตัวเอง
ผู้เลี้ยงแกะย่อมเลี้ยงฝูงแกะมิใช่หรือ?
เจ้าทั้งหลายกินไขมัน  พวกเจ้าคลุมกายด้วยขนแกะ
เจ้าฆ่าแกะตัวอ้วนๆ   เจ้าไม่ได้เลี้ยงดูแกะ
ตัวที่อ่อนเพลียเจ้าก็ไม่ได้เสริมกำลัง  ตัวที่เจ็บเจ้าก็ไม่ได้รักษา
ตัวที่กระดูกหักเจ้าก็ไม่ได้พันผ้า  ตัวที่หลงทางเจ้าก็ไม่ได้ไปตามกลับมา
ตัวที่หายไปเจ้าก็ไม่ได้เสาะหา
แต่เจ้าได้ควบคุมแกะทั้งหลายด้วยการบังคับ  และด้วยความเกรี้ยวกราด
ดังนั้นพวกมันจึงกระจัดกระจายไปหมด  เพราะไม่มีผู้เลี้ยง
และเมื่อกระจัดกระจายไป   พวกมันก็ไปเป็นอาหารของสัตว์ป่าทั้งหมด
...
เพราะฉะนั้นผู้เลี้ยงแกะทั้งหลาย  จงฟังพระวจนะของพระยาเวห์...
นี่แนะเราเป็นปฏิปักษ์กับพวกผู้เลี้ยงแกะ
และเราจะเรียกร้องเอาแกะของเราจากมือเขา
และให้เขาหยุดเลี้ยงแกะ   พวกผู้เลี้ยงแกะจะไม่ได้เลี้ยงตัวเองอีกต่อไป
เราจะช่วยแกะของเราให้พ้นจากปากของพวกเขา
เพื่อไม่ให้แกะเป็นอาหารของเขา    (เอเสเคียล 34:2-6; 9-10)

ฝูงแกะ ในที่นี้เอเสเคียลหมายถึงชุมชนอิสราเอล  ทั้งที่ตกไปเป็นเชลยในบาบิโลน  ที่กระจัดกระจายไปอยู่ในเมืองอื่นๆ  ตลอดจนอิสราเอลที่เหลือในแผ่นดินยูดาห์และอิสราเอลด้วย   ผู้นำในที่นี้เป็นผู้นำชุมชนและผู้นำศาสนา  ถ้าเป็นปัจจุบันก็เป็นพวกศาสนาจารย์  ศิษยาภิบาล  ผู้นำคริสตจักร  และผู้นำสถาบันหน่วยงานคริสเตียนต่างๆ

ในยุคนั้นก็ไม่แตกต่างจากยุคปัจจุบันมากมายนัก  ปัจจุบันนี้เราได้ยินได้ฟังข่าวเรื่องผู้นำศาสนา หรือ องค์กรศาสนาที่ใช้ตำแหน่งความเป็นผู้นำเพื่อกอบโกยแย่งชิงผลประโยชน์เพื่อตนเอง   สนใจแต่ความมั่งมี มั่นคง  ผลประโยชน์ที่ตนจะได้   และยิ่งกว่านั้นใช้ความมีอำนาจจากตำแหน่งในการเอารัดเอาเปรียบขูดรีดคนเล็กคนน้อย คนที่ไร้อำนาจ   ซึ่งดูไปแล้วผู้นำเหล่านี้ทำตัวเป็นโจรในคราบผู้นำศาสนา และ ผู้บริหาร   ดังนั้น  คนที่เขานำจึงต้องได้รับความทุกข์ยากลำบาก   การบริหารชี้นำของผู้นำพวกนี้จึงนำไปสู่ความล้มเหลวหายนะ

ในยุคนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำทางศาสนา  ซึ่งมีบทบัญญัติ  กฎเกณฑ์  ศีลธรรม  จริยธรรม  และความเชื่อศรัทธาต่อพระเจ้าเป็นหลักในการปกครอง บริหารจัดการ  มีพระประสงค์ของพระเจ้าเป็นเป้าหมายในการเป็นผู้นำ   แต่ผู้นำศาสนาในยุคเอเสเคียลเมื่อประมาณ 2,500 ปีก่อนหน้านี้กลับทำตัวตรงกันข้ามกับขอบเขต กฎเกณฑ์ ความเชื่อ  และพระประสงค์ของพระเจ้า   เอเสเคียลใช้ประโยคที่ว่า เขาไม่ได้เลี้ยงแกะแต่เขาเลี้ยงตนเอง

เอเสเคียลใช้ภาพคนเลี้ยงแกะหมายถึงผู้นำ  และแกะหมายถึงประชาชนคนอิสราเอล   เอเสเคียลเผยพระวจนะว่า  พระเจ้า “กล่าวโทษ” ผู้เลี้ยงแกะของอิสราเอล   ในฉบับอมตธรรมแปลว่า พระเจ้าประณามคนเลี้ยงแกะของอิสราเอล   ถ้าเป็นปัจจุบัน  เอเสเคียลคงใช้ว่า  พระเจ้าประณามพฤติกรรมของผู้นำโบสถ์ องค์กรคริสเตียน ผู้อภิบาลในคริสตจักร   ตลอดจนผู้นำในชุมชนคริสเตียน

สิ่งที่พระเจ้าทรงกล่าวโทษหรือประณามคือ  ผู้นำเหล่านี้มิได้ทำหน้าที่ที่พระเจ้าทรงมอบหมาย  หรือมิเป็นผู้นำตามพระประสงค์ของพระเจ้า   คือการเลี้ยงดูแกะ  การปกป้องคุ้มครอง   การเยียวยารักษา   ตามหาแกะที่หลงทาง  เสาะหาแกะที่หายไป   ตรงกันข้าม  ผู้นำเหล่านี้กระทำทุกอย่างฝืนพระประสงค์ของพระเจ้า   นอกจากไม่ทำหน้าที่ของผู้เลี้ยงตามพระประสงค์ของพระเจ้าแล้ว   ผู้นำเหล่านี้กลับตักตวงผลประโยชน์ทุกด้านสำหรับตนเอง   พวกผู้นำแทนที่จะเลี้ยงดูแกะ  แต่เขากินแกะ   แทนที่จะปกป้องแกะ   แต่เขาเอาขนแกะมาคลุมกายเพื่อความสวยงามและอบอุ่นของตนเอง  แทนที่จะคุ้มครองรักษา   แต่ผู้นำฆ่าแกะ   พวกผู้นำเลี้ยงแกะด้วยการควบคุมและบังคับด้วยความเกรี้ยวกราด แทนที่จะต้อนแกะให้เข้าฝูง   แต่ผู้นำทำให้ฝูงแกะต้องแตกกระเจิง   ด้วยพฤติกรรมที่เลวร้ายเช่นนี้พระเจ้าทรงประกาศความเป็นศัตรูกับพวกผู้เลี้ยงแกะ   พระเจ้าทรงประกาศพระองค์เองเป็น “ปฏิปักษ์”  กับผู้นำศาสนา  กับศิษยาภิบาล  กับศาสนาจารย์  กับผู้ปกครองคริสตจักร  กับผู้อำนวยการ  ผู้จัดการสถาบันคริสเตียน

เอเสเคียลบทที่ 34 ท้าทายพวกเราที่ได้รับมอบหมายอำนาจในการเป็นผู้นำระดับต่างๆ ให้พิจารณาถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ และ การใช้อำนาจของตนที่ได้รับจากพระเจ้าว่า   ท่านตั้งใจที่จะแสวงหาทางในการรับใช้คนที่ท่านนำหรือไม่?   หรือแท้จริงแล้วเราใช้อำนาจเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง?   ท่านเคยตัดสินใจเลือกทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพระเจ้า  คริสตจักร  องค์กรที่ท่านนำแม้ว่ามันมิใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับท่านก็ตาม?   หรือในแต่ละครั้งที่ท่านต้องตัดสินใจท่านคิดคำนวณในใจแล้วว่า ทำอย่างไรที่ท่านจะได้รับผลประโยชน์สูงสุด และเสียผลประโยชน์ส่วนตนน้อยที่สุด?   ท่านตัดสินใจ บริหารดู แลคริสตจักรและองค์กรที่พระเจ้าทรงมอบหมายแบบเอาตัวรอด ให้ตนปลอดภัยแต่ยอมปล่อยให้ความสูญเสียและหายนะเกิดกับองค์กร คริสตจักร และหน่วยงานที่ท่านดูแลหรือไม่?   

ในการใคร่ครวญวันนี้ อาจจะเป็นโอกาสที่ท่านตรวจสอบความสัตย์ซื่อจริงใจของท่านในความเป็นผู้นำของท่าน  ใช้เวลานี้ทูลขอการทรงช่วยจากองค์พระผู้เป็นเจ้าที่จะช่วยให้ท่านเห็นความจริงในตัวท่าน   เพื่อท่านจะได้รับใช้พระองค์และคนอื่นๆ ด้วยความสัตย์ซื่อจริงใจ

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ

1. ท่านเคยถูกยั่วยวน ล่อใจ ให้ใช้ตำแหน่ง หรือ อำนาจที่ได้รับมอบหมายในการแสวงหาสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับตนหรือไม่?  

2. อะไรที่ช่วยให้ท่านมุ่งมั่นตั้งใจในการรับใช้พระเจ้า และ คนอื่นๆ?

ใคร่ครวญภาวนา

พระเจ้าผู้กอปรด้วยความยุติธรรมและเปี่ยมด้วยความเมตตา   พระองค์ทรงประทานมอบหมายให้ข้าพระองค์ให้นำในที่ทำงานของข้าพระองค์  ในครอบครัว  ในคริสตจักร  และในที่อื่นๆ  ข้าพระองค์ขอขอบพระคุณพระองค์   เมื่อข้าพระองค์เป็นผู้นำในทุกวันนี้  ข้าพระองค์ต้องเผชิญหน้ากับการทดลองที่จะแสวงหาผลประโยชน์สำหรับตนเอง   ข้าพระองค์ไม่ต้องการที่จะเป็นเหมือนผู้เลี้ยงแกะของอิสราเอล  แต่ข้าพระองค์ต้องการที่จะทำหน้าที่ในการนำด้วยความสัตย์ซื่อเพื่อที่จะเป็นที่ถวายเกียรติยศแด่พระองค์   ด้วยการนำมาถึงซึ่งผลประโยชน์สำหรับคนที่ข้าพระองค์นำ  และประโยชน์สำหรับแผ่นดินของพระองค์

ข้าพระองค์ทูลขอให้พระองค์โปรดช่วยข้าพระองค์  ให้เห็นชัดถึงความตั้งใจของตนเองและรู้เท่าทันถึงแรงจูงใจในตนเอง  โปรดปกป้องข้าพระองค์จากการหลอกตนเอง   และเมื่อใดก็ตามที่ข้าพระองค์หมกมุ่นสนใจแต่ตนเองโปรดกระตุ้นเตือนข้าพระองค์ให้รู้ตัว   โปรดใช้ข้าพระองค์เพื่อทำสิ่งดีสำหรับประชากรของพระองค์และเพื่อแผ่นดินของพระองค์   อาเมน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น