31 กรกฎาคม 2555

สนามงานสนามรบ


พลวัตร  เดินออกจากห้องประชุมกรรมการอำนวยการด้วยสีหน้าท่าทางที่ เครียด...ซึม...มึน...แค้น 

เสียงของที่ปรึกษากรรมการอำนวยการท่านหนึ่งยังก้องในห้วงคิดของเขาอยู่

“...ท่านพลวัตร   ท่านก็รู้อยู่ว่าการทำเช่นนั้นเป็นการกระทำผิดระเบียบชัดๆ   เหตุผลอื่นที่ท่านอ้างมาก่อนหน้านี้มันฟังไม่ขึ้นเพราะท่านทำผิดระเบียบมาแต่แรก...” 

เสียงในหุบเหวสมองของพลวัตรยังก้องไม่หยุด
“ท่านทำผิดระเบียบ...ท่านทำผิดระเบียบ...ท่านทำผิดระเบียบ...”  

“อ้าย...   มันไม่เข้าใจเลยหรือ...  หรือทำเป็นโง่...   ตูว่ามันต้องการกลั่นแกล้งตูแน่...”  อีกเสียงหนึ่งตอบโต้
“หรือว่ามันต้องการตำแหน่งของตู...   หรือว่ามันมีคนของมัน...” อีกเสียงหนึ่งแทรกเสริมขึ้นในห้วงคิด
“ตูไม่ติดยึดในตำแหน่งโว้ย...   ถ้าอยากได้บอกตรงๆ ไม่ได้หรือวะ... ตูจะใส่พานประเคนให้เลย”

เสียงตอบโต้ เสริมหนุนกึกก้องในห้วงหุบเหวความคิดของพลวัตรตลอดเวลา   แม้เจ้าตัวจะพยายามหาทางจะปิดเสียงเหล่านี้  แต่ก็หา “ปุ่มปิด” ไม่พบ   เสียงเหล่านี้กำลังมีอำนาจและสร้างอิทธิพลเหนือ “ความคิด” ของเขา   และนี่กระมังเป็นที่มาของอาการ “เครียด...ซึม...มึน...แค้น” ของพลวัตร?

ท่านผู้อ่านครับ   นี่มิใช่เหตุเกิดที่ชีวิตของพลวัตรเท่านั้นครับ   แต่นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของท่าน ของผมด้วย  และของทุกคนในยุคสมัยนี้ครับ มันเกิดขึ้นในหุบเหวความคิดของเรา เกิดขึ้นในที่ทำงาน เกิดขึ้นในความสัมพันธ์กับหมู่เพื่อนฝูง เกิดขึ้นในครอบครัว ในแต่ละหน่วยงาน และ สถาบันคริสเตียน  เกิดขึ้นในคริสตจักรท้องถิ่น และทุกคนในคริสตจักร ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นศาสนาจารย์ ศิษยาภิบาล  ผู้ปกครอง  มัคนายก  สมาชิกธรรมดา  หรือใครก็ตามครับ   และเมื่อมันเกิดขึ้น ณ จุดใดก็ตามมันก็จะลามปามเหมือนไฟลามทุ่งเผาให้วอดไปทั้งป่า ดูเหมือนมันต้องการเผาทั้งชีวิตของคนๆ นั้นให้ได้! น่ากลัวมากครับ!

ผมหวนคิดถามตนเองว่า “แล้วเราจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้ในชีวิตของตนอย่างไร? ดีกว่านั้น ถ้าเราจะสามารถป้องกัน หรือ เตรียมตัวเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ที่เลวร้ายนี้ล่วงหน้า (ถ้าหากเราหลีกเลี่ยงสถานการณ์นั้นไม่ได้)ได้อย่างไร? 

ปัจจุบันนี้  เมื่อเราเผชิญหน้ากับสถานการณ์ความขัดแย้งดังกล่าว เราจะใช้หลักการ กฎระเบียบ  เหตุผล  คณะกรรมการค้นหาตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อใช้ประกอบในการตัดสิน   เราอาจจะใช้วิธีการการเจรจาไกล่เกลี่ย  แต่เบื้องลึกของความขัดแย้งนี้มักซ่อนมีดที่คมกริบไว้ข้างหลังคือ “ความไม่ไว้วางใจกันและกัน” หรือ “อคติที่มองร้ายกัน” หรือ “การมองไม่เห็นสิ่งดีและความสามารถที่พระเจ้าประทานให้คนๆ นั้น”  และที่ร้ายเอาการอยู่ “มองไม่เห็นความเป็นมนุษย์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า”  มองไม่เห็น “พระฉายาของพระเจ้า” ในคนๆ นั้น  

แต่สิ่งที่ผมเห็นว่าสำคัญยิ่งคือ การที่เราจะเข้าใจว่า  อาการเลวร้ายเหล่านี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมมันถึงมีพลังอิทธิพลมากมายถึงปานนี้   วิญญาณแห่งความขัดแย้ง  วิญญาณของการเอาแพ้เอาชนะให้ได้   วิญญาณที่ไม่ยอมรับกันและกัน  วิญญาณของการแบ่งพรรคแบ่งพวก  วิญญาณที่ไม่ไว้วางใจกันมันมาจากไหน? ผมว่า เราจะต้องตอบคำถามเหล่านี้ก่อนว่า วิญญาณ “ติดลบ” เหล่านี้มันเกิดขึ้นเอง  หรือเกิดจากบุคคลบางคน  หรือเกิดจากใครอะไรกันแน่ก่อน เราถึงจะสามารถรู้ “แหล่ง” หรือ “ต้นตอ” ของสถานการณ์เลวร้ายเหล่านี้

เมื่อนั้น  เราก็จะสามารถร่วมกันบ่งชี้เจาะจงลงไปได้ว่า  “ใครคือมิตรแท้ หรือ ใครคือศัตรูตัวจริง” ในการต่อสู้ ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่เกิดขึ้น   และถ้าเรารู้แน่ชัดว่า “ใครคือศัตรู” ตัวจริง  “ใครคือมิตร” ของเรา   เราจะได้จับมือรวมพลังต่อสู้กับ “ศัตรูตัวจริง” ร่วมกัน

สำหรับส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อมั่นคงว่า  “วิญญาณที่ติดลบ” ที่กล่าวข้างต้นนี้  มิใช่เกิดขึ้นเอง   มิใช่สถานการณ์พาไป   มิใช่ตัวบุคคลในสถานการณ์นั้นเป็นต้นเหตุที่แท้จริง    แต่ที่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตั้งใจ  อย่างมีเจตนา  อย่างมีจุดประสงค์ชัดเจนของวิญญาณชั่วร้ายที่แทรกแฝงตนอยู่ในความคิด มุมมอง ทัศนคติของบุคคลต่างๆ ในสถานการณ์นั้น   เมื่อมันเข้าครอบครองและครอบงำคนใดแล้ว ความคิด ท่าที  การตัดสินใจ  และพฤติกรรมของคนๆ นั้นก็ออกมาใน “ผลลบ” ต่อผู้อื่น มิใช่คนๆ นั้นประสงค์ที่จะทำเช่นนั้น แต่วิญญาณแห่งความชั่วร้ายในรูปแบบต่างๆ มีอำนาจและใช้อิทธิพลเปลี่ยนความคิด มุมมอง  ทัศนคติ และพฤติกรรมของคนๆ นั้นครับ

ดังนั้น ศัตรูตัวจริงของเราจึงเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่มาในรูปแบบต่างๆ ครับ 

มิใช่คุณพลวัตร  มิใช่ที่ปรึกษากรรมการอำนวยการ   มิใช่ท่านประธาน หรือ ใครก็ตาม แต่เป็นวิญญาณชั่วร้ายที่แทรกแฝงตนในบุคคลต่างหากที่กำลังสำแดงฤทธิ์ของมันอยู่

อยู่ที่ว่า  คริสเตียนไทยปัจจุบันยังเชื่อในเรื่องเหล่านี้หรือไม่ หลายท่านอาจจะคิดว่าในสมัยวิทยาศาสตร์เขาไม่พูดถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว ถ้าเช่นนั้น คริสเตียนกลุ่มนี้ เมื่อเกิดความขัดแย้งเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายจึงมิได้คิดและเชื่อจริงๆ ว่า  พระเจ้าสถิตอยู่กับเขาและ “คู่กัด” ของเขาในสถานการณ์นั้นด้วย ดังนั้น เขาจึงไม่คิดว่าพระเจ้าสามารถจะจัดการให้สถานการณ์นั้นถูกต้องและให้เกิดชีวิตแทนความตายอย่างไร ขอโทษที่ผมต้องพูดว่า เวลาประชุมเขาอาจจะอธิษฐาน  แต่เขาตัดพระเจ้าออกจากการมีส่วนเกี่ยวข้องในสถานการณ์ที่เลวร้ายนั้นๆ พวกเขาปิดกั้นพระเจ้าออกจากการมีส่วนร่วมในเหตุการณ์นั้น ยิ่งกว่านั้นเขากีดกันพระเจ้าไม่ให้เข้ามามีส่วนในชีวิตของตนในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

เปาโลได้เขียนจดหมายถึงคริสตชนในคริสตจักรเอเฟซัส และ เขียนถึงเราคริสตชนไทยเพื่อให้รู้เท่าทันความจริงว่า ในชีวิตของเราบนโลกนี้ เรามิได้ต่อสู้กับผู้คนหรือสิ่งที่เรามองเห็นและจับต้องได้เท่านั้น   แต่เรายังต่อสู้กับอำนาจของเทพต่างๆ ที่ครอบครองในโลกนี้  และยังต้องต่อสู้กับเหล่าวิญญาณชั่วอีกด้วย เปาโลได้เตือนเราว่า

“เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด  
 แต่ต่อสู้กับเหล่าเทพผู้ครอง  
 เทพผู้ทรงอำนาจ  
 เทพผู้ทรงเดชานุภาพของโลกอันมืดมนนี้  
 และต่อสู้กับเหล่าวิญญาณชั่วในย่านฟ้าอากาศ” (เอเฟซัส 6:12 อมตธรรม)

สำหรับผมแล้ว เรามิใช่คู่ชกตัวจริงกับอำนาจแห่งความชั่วร้ายเหล่านั้น และเราก็ไม่ใช่คู่ชกที่สมน้ำสมเนื้อกับมัน และเราก็ไม่มีพละกำลังที่จะต่อกรกับมันได้ อำนาจชั่วต้องการครอบงำให้เราเป็นเครื่องมือเป็นทาสในการเสริมสร้างการทำร้ายทำลายให้มัน ดั่งที่พระเยซูคริสต์ได้สอนให้สาวกอธิษฐานว่า

“และขออย่าให้ข้าพระองค์ทั้งหลายล้มลงเมื่อถูกทดลอง  
 แต่ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้พ้นจาก(อำนาจ)มารร้าย”  (มัทธิว 6:9 อมตธรรม)

เพราะพระเจ้าต่างหากที่จะทรงจัดการอำนาจชั่วร้ายในรูปแบบต่างๆ เหล่านี้ได้ และถ้าเราเต็มใจถวายชีวิตของเราแก่พระองค์ใช้ตามพระประสงค์ พระองค์ก็จะทรงกระทำกิจเหล่านี้ในชีวิตของเรา และ ผ่านชีวิตของเรา

ในแต่ละสนามรบอย่าลืมว่า “แม่ทัพของเราคือพระเจ้า”  และพระองค์มิได้เป็นแม่ทัพอย่างกองทัพมหาอำนาจ และ กองทัพทั้งหลายที่เชื่อมั่นในแสนยานุภาพ อาวุธยุทโธปกรณ์ และพลังอำนาจของตน แต่พระเจ้าของเราเป็น “แม่ทัพแห่งพระคุณ” พระองค์จะทรงนำเราในสนามรบต่างๆ ในชีวิตของเรา การรบด้วย “พระคุณ” ของพระเจ้า ที่มีเป้าหมายปลายทางคือ การเสริมสร้างชีวิตใหม่ในสังคมชุมชนโลกด้วยการยอมสละชีวิตของตน มิใช่เพื่อผลประโยชน์  อำนาจ และชัยชนะในความยิ่งใหญ่ของตนเอง


ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น