อ่านสดุดี 146:1-10
พระเจ้าทรงให้ความชอบธรรมแก่ผู้ถูกข่มเหงรังแก
และประทานอาหารแก่ผู้ที่หิวโหย
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลดปล่อยผู้ที่ถูกคุมขังให้เป็นอิสระ
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้คนตาบอดเห็นได้
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยกชูผู้แบกภาระหนัก(ทรงพยุงผู้ถูกกดขี่ให้ลุกขึ้น)
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักผู้ชอบธรรม
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพิทักษ์รักษาคนต่างด้าว
ทรงค้ำชู(ค้ำจุน)ลูกกำพร้าพ่อและหญิงม่าย
แต่ทรงล้มแผนการของคนชั่วไร้ (แต่พระองค์ทรงพลิกทางของคนอธรรม)
(สดุดี 146:7-9 อมตธรรม, ในวงเล็บเป็นสำนวนฉบับมาตรฐาน)
“พระเจ้าไม่ทรงลำเอียง” (กิจการ 10:34) พระองค์ทรงเอาใจใส่แต่ละคน ทรงล่วงรู้ลงลึกถึงก้นบึ้งแห่งจิตใจของแต่ละคน พระองค์ทรงครอบครองและทรงนำทุกๆ คนและสรรพสิ่งต่างๆ
ที่ทรงสร้าง ตั้งแต่คนใช้ที่ถูกมองว่าเป็นชนชั้นต่ำสุดๆ
ไปจนถึงเจ้านายที่คิดว่าตนมีอำนาจล้นฟ้า
แต่อย่างไรก็ตาม เราพบสัจจะความจริงในพระคัมภีร์ที่น่าแปลกแตกต่างจากระบบคุณค่าของปัจจุบันคือ
พระเจ้าทรงสนพระทัยและเอาใจใส่เป็นพิเศษในคนที่สังคมมองว่าเป็นผู้ที่ต่ำต้อยด้อยค่า
หรือ ผู้ไร้อำนาจ
ซึ่งมักตกเป็นเหยื่อของผู้มีอำนาจในสังคมโลกนี้ พระธรรมสดุดี 146
เป็นพระธรรมบทหนึ่งที่แสดงพระลักษณะของพระเจ้าเช่นนั้น ดังที่ผู้ประพันธ์สดุดีบทนี้ได้กล่าวในข้อที่ 5 ว่า “ความสุขมีแก่ผู้ที่มีพระเจ้า...เป็นความช่วยเหลือของเขา” “ผู้ฝากความหวังไว้กับพระเจ้า...”
ในสดุดีบทนี้กล่าวถึงผู้ไร้อำนาจหมายถึง
เช่น ผู้ถูกบีบบังคับ (ข้อ 7 ฉบับมาตรฐาน) ผู้หิวโหย (ข้อ 7 อมตธรรม) ผู้ถูกคุมขัง คนตาบอด
คนที่ต้องแบกภาระหนัก (ข้อ 8) คนต่างด้าว
แรงงานต่างถิ่น ลูกกำพร้าพ่อ และหญิงม่าย (ข้อ 9)
พระเจ้าทรงสำแดงความชอบธรรมของพระองค์ต่อคนไร้อำนาจเหล่านี้ พระองค์ทรงประทานอาหารแก่ผู้หิวโหย ทรงให้คนที่ไม่สามารถมองเห็นได้เห็น คนตาบบอดได้รับการเยียวยาให้เห็นได้ คนที่ถูกบีบให้ต้องแบกภาระหนักอึ้งในชีวิตพระเจ้าจะทรงค้ำจุนและยกหนุนเขาขึ้น ผู้ชอบธรรมจะได้รับความรักของพระเจ้า คนต่างด้าวท้าวต่างแดน แรงงานเคลื่อนย้าย คนพลัดถิ่นที่ไร้ซึ่งความปลอดภัยในชีวิตพระเจ้าจะทรงพิทักษ์รักษาและปกป้องคนไร้อำนาจเหล่านี้
ลูกกำพร้าพ่อและหญิงม่ายที่ต้องว่ายวนอยู่ในสังคมที่ให้ความสำคัญกว่าแก่ผู้ชายพระเจ้าจะทรงค้ำชูปกป้องและหนุนช่วยคนไร้อำนาจกลุ่มนี้ “แต่พระเจ้าจะทรงล้มแผนการของคนชั่วร้าย” (ข้อ
9)
นี่หมายความว่า พระเจ้าจะไม่ทรงสนใจหรือช่วยคนที่มีอำนาจในสังคมโลกนี้หรือ?
พระเจ้าจะไม่ทรงใส่ใจคนที่มีอาหารมั่งคั่งหรือ?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์จะไม่ทรงสนใจคนที่มีตาที่เห็นได้หรือ?
แสดงว่าพระเจ้าจะไม่ยืนอยู่ข้างคนมั่งคั่งร่ำรวยหรือ? ถ้าเช่นนั้นพระเจ้าลำเอียงใช่ไหม? พระเจ้าต้องการให้ทั้งโลกนี้มีแต่คนจน ขัดสน
ไร้อำนาจเพื่อพระองค์จะได้มีอำนาจปกครองเช่นนั้นหรือ?
ถ้าไปถามผู้เขียนสดุดีบทนี้คำตอบที่ได้รับคือ
“ไม่ใช่”
พระเจ้าทรงสนพระทัยทุกคน เพราะทุกคนมีคุณค่าในสายพระเนตรของพระองค์ พระองค์ทรงรักคนที่ชอบธรรม ทุกคนที่ปฏิเสธและไม่ยอมเข้ามีส่วนร่วมในแผนการชั่ว การกระทำชั่ว
การใช้อำนาจเหนือผู้อื่นจนทำให้คนอื่นต้องตกเป็นเหยื่อของตน และคนที่รักพระเจ้าด้วยการกระทำตามแบบอย่างแห่งพระราชกิจของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักคนชอบธรรม (ข้อ 8)
ประเด็นในที่นี้จึงมิใช่ว่า พระเจ้ารักคนต่ำต้อยด้วยค่า
คนไร้อำนาจ หรือ รักคนมั่งมีมั่งคั่ง
ผู้มีอำนาจล้นฟ้า
แต่ประเด็นหลักในที่นี้คือ
พระเจ้าทรงเมตตาปกป้องพิทักษ์รักษาคนที่ไร้อำนาจแล้วตกเป็นเหยื่อของผู้มีอำนาจ
และพระเจ้าทรงต่อสู้กับคนที่มีอำนาจล้นฟ้าแล้วใช้อำนาจนั้นในการกดขี่ เอาเปรียบ
เหยียบย่ำคนไร้อำนาจทำลายศักดิ์ศรีความเป็นคนของพวกเขา
นี่เป็นการหมิ่นหยามพระราชกิจแห่งการทรงสร้างของพระเจ้า
“พระเจ้าทรงล้มแผนการชั่วร้าย”ของคนที่มีอำนาจกลุ่มนี้ แต่พระเจ้าทรงรักคนที่ดำเนินชีวิตด้วยความชอบธรรมตามแบบพระเจ้า ไม่ว่าคนนั้นจะมีอำนาจหรือไม่ก็ตาม
ตรงกันข้าม ถ้าเป็นคนไร้อำนาจแต่ยังกดขี่ ข่มเหง
และเอารัดเอาเปรียบ และทำให้เพื่อนมนุษย์ที่ไร้อำนาจด้วยกันต้องตกเป็นเหยื่อแล้ว พระเจ้าก็จะ “ล้มแผนการ” คนไร้อำนาจคนนั้นด้วยเช่นกัน เพราะเขาเป็นคนอธรรม
สำหรับคนที่ไร้อำนาจ พระธรรมสดุดีบทนี้ท้าชวนคนเหล่านี้ให้มีความหวังในการทรงปกป้องคุ้มครองจากพระเจ้า เพราะถึงแม้จะตกเป็นเหยื่อและถูกบีบบังคับเอารัดเอาเปรียบ
พระเจ้าทรงยืนเคียงข้างคนนั้นในทุกสถานการณ์ชีวิต
สำหรับคนที่มีอำนาจ
พระธรรมสดุดีบทนี้ท้าชวนให้ท่านใช้อำนาจ และ ศักยภาพในชีวิตที่มีอยู่ที่จะปกป้องคนไร้อำนาจ
คนที่ตกเป็นเหยื่อในสังคมที่ฉ้อฉลอธรรมในปัจจุบัน
ตามแบบอย่างที่พระเจ้าทรงกระทำ
ใช้อำนาจและพลังอิทธิพลที่มีอยู่เพื่อร่วมในพระราชกิจแห่งการทรงกอบกู้ชูช่วยของพระเจ้า
ใช้สิ่งที่มีในชีวิตและโอกาสที่เปิดกว้างเพื่อร่วมในพระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำในสังคมโลกปัจจุบัน ตามที่บันทึกในพระธรรมยากอบ 1:27 ว่า “ธรรมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดานั้น
คือการช่วยเหลือเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก”
(ฉบับมาตรฐาน)
ประเด็นสำหรับใคร่ครวญ
1. วันนี้ท่านจะร่วมในพระราชกิจแห่งการทรงเอาใจใส่และการกอบกู้ผู้ไร้อำนาจที่ตกเป็นเหยื่อของความอธรรมที่ท่านพบเห็นได้อย่างไร?
2.
วันนี้ท่านจะสำแดงความรักเมตตาตามแบบอย่างขององค์พระผู้เป็นเจ้าในพระนามของพระคริสต์แก่ใครบ้าง?
ใคร่ครวญภาวนา
องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความชอบธรรมและเมตตากรุณา ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงเอาใจใส่
ปกป้องเลี้ยงดูประชากรในโลกนี้
ข้าพระองค์ซาบซึ้งในความรักเมตตาที่ชอบธรรมในการที่ทรงอยู่เคียงข้างคนไร้อำนาจที่ถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบและถูกเหยียบย่ำ และขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงเป็นความหวังและปกป้องข้าพระองค์จากความอธรรมและแผนการชั่วหลากหลายรูปแบบที่จู่โจมเข้ามาในชีวิตของข้าพระองค์
ในวันนี้
ข้าพระองค์ยังต้องการและหวังในการทรงปกป้อง คุ้มครอง และการชูช่วยของพระองค์
ดังนั้น
ในวันนี้จึงขอมอบกายถวายชีวิตจิตวิญญาณให้ร่วมในพระราชกิจแห่งการชูช่วยผู้ไร้อำนาจและตกเป็นเหยื่อในสังคม ตามแบบอย่างความชอบธรรมและพระเมตตากรุณาของพระองค์
โปรดเปิดตาของข้าพระองค์ให้สามารถเห็นถึงความจำเป็นต้องการของผู้คนที่ข้าพระองค์พบเห็นสัมผัสในวันนี้
โปรดช่วยให้ข้าพระองค์รู้ว่าควรยื่นชีวิตของข้าพระองค์ไปถึงผู้คนเหล่านี้อย่างไรที่สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระองค์
และขอเปิดใจของข้าพระองค์เพื่อส่งต่อความรักของพระคริสต์ไปถึงผู้คนกลุ่มนี้อย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อเขาจะได้รับการสัมผัสจากความรักของพระคริสต์ และจะได้สรรเสริญยกย่องพระนามของพระองค์ อาเมน
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น