27 กรกฎาคม 2555

พระเจ้าของผู้ไร้อำนาจ


อ่านสดุดี 146:1-10

พระเจ้าทรงให้ความชอบธรรมแก่ผู้ถูกข่มเหงรังแก
และประทานอาหารแก่ผู้ที่หิวโหย
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลดปล่อยผู้ที่ถูกคุมขังให้เป็นอิสระ
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้คนตาบอดเห็นได้
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยกชูผู้แบกภาระหนัก(ทรงพยุงผู้ถูกกดขี่ให้ลุกขึ้น)
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักผู้ชอบธรรม
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพิทักษ์รักษาคนต่างด้าว
ทรงค้ำชู(ค้ำจุน)ลูกกำพร้าพ่อและหญิงม่าย
แต่ทรงล้มแผนการของคนชั่วไร้ (แต่พระองค์ทรงพลิกทางของคนอธรรม)
(สดุดี 146:7-9 อมตธรรม,  ในวงเล็บเป็นสำนวนฉบับมาตรฐาน)

“พระเจ้าไม่ทรงลำเอียง” (กิจการ 10:34)  พระองค์ทรงเอาใจใส่แต่ละคน  ทรงล่วงรู้ลงลึกถึงก้นบึ้งแห่งจิตใจของแต่ละคน   พระองค์ทรงครอบครองและทรงนำทุกๆ คนและสรรพสิ่งต่างๆ ที่ทรงสร้าง   ตั้งแต่คนใช้ที่ถูกมองว่าเป็นชนชั้นต่ำสุดๆ ไปจนถึงเจ้านายที่คิดว่าตนมีอำนาจล้นฟ้า

แต่อย่างไรก็ตาม  เราพบสัจจะความจริงในพระคัมภีร์ที่น่าแปลกแตกต่างจากระบบคุณค่าของปัจจุบันคือ พระเจ้าทรงสนพระทัยและเอาใจใส่เป็นพิเศษในคนที่สังคมมองว่าเป็นผู้ที่ต่ำต้อยด้อยค่า หรือ ผู้ไร้อำนาจ   ซึ่งมักตกเป็นเหยื่อของผู้มีอำนาจในสังคมโลกนี้   พระธรรมสดุดี 146 เป็นพระธรรมบทหนึ่งที่แสดงพระลักษณะของพระเจ้าเช่นนั้น  ดังที่ผู้ประพันธ์สดุดีบทนี้ได้กล่าวในข้อที่ 5 ว่า “ความสุขมีแก่ผู้ที่มีพระเจ้า...เป็นความช่วยเหลือของเขา”  “ผู้ฝากความหวังไว้กับพระเจ้า...” 

ในสดุดีบทนี้กล่าวถึงผู้ไร้อำนาจหมายถึง เช่น  ผู้ถูกบีบบังคับ (ข้อ 7 ฉบับมาตรฐาน)  ผู้หิวโหย (ข้อ 7 อมตธรรม)  ผู้ถูกคุมขัง  คนตาบอด  คนที่ต้องแบกภาระหนัก (ข้อ 8)  คนต่างด้าว  แรงงานต่างถิ่น  ลูกกำพร้าพ่อ  และหญิงม่าย (ข้อ 9)  พระเจ้าทรงสำแดงความชอบธรรมของพระองค์ต่อคนไร้อำนาจเหล่านี้  พระองค์ทรงประทานอาหารแก่ผู้หิวโหย  ทรงให้คนที่ไม่สามารถมองเห็นได้เห็น  คนตาบบอดได้รับการเยียวยาให้เห็นได้  คนที่ถูกบีบให้ต้องแบกภาระหนักอึ้งในชีวิตพระเจ้าจะทรงค้ำจุนและยกหนุนเขาขึ้น  ผู้ชอบธรรมจะได้รับความรักของพระเจ้า   คนต่างด้าวท้าวต่างแดน  แรงงานเคลื่อนย้าย  คนพลัดถิ่นที่ไร้ซึ่งความปลอดภัยในชีวิตพระเจ้าจะทรงพิทักษ์รักษาและปกป้องคนไร้อำนาจเหล่านี้   ลูกกำพร้าพ่อและหญิงม่ายที่ต้องว่ายวนอยู่ในสังคมที่ให้ความสำคัญกว่าแก่ผู้ชายพระเจ้าจะทรงค้ำชูปกป้องและหนุนช่วยคนไร้อำนาจกลุ่มนี้   “แต่พระเจ้าจะทรงล้มแผนการของคนชั่วร้าย” (ข้อ 9)

นี่หมายความว่า พระเจ้าจะไม่ทรงสนใจหรือช่วยคนที่มีอำนาจในสังคมโลกนี้หรือ?  พระเจ้าจะไม่ทรงใส่ใจคนที่มีอาหารมั่งคั่งหรือ?   โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์จะไม่ทรงสนใจคนที่มีตาที่เห็นได้หรือ?  แสดงว่าพระเจ้าจะไม่ยืนอยู่ข้างคนมั่งคั่งร่ำรวยหรือ?   ถ้าเช่นนั้นพระเจ้าลำเอียงใช่ไหม?   พระเจ้าต้องการให้ทั้งโลกนี้มีแต่คนจน ขัดสน ไร้อำนาจเพื่อพระองค์จะได้มีอำนาจปกครองเช่นนั้นหรือ?

ถ้าไปถามผู้เขียนสดุดีบทนี้คำตอบที่ได้รับคือ “ไม่ใช่” 

พระเจ้าทรงสนพระทัยทุกคน  เพราะทุกคนมีคุณค่าในสายพระเนตรของพระองค์   พระองค์ทรงรักคนที่ชอบธรรม   ทุกคนที่ปฏิเสธและไม่ยอมเข้ามีส่วนร่วมในแผนการชั่ว  การกระทำชั่ว  การใช้อำนาจเหนือผู้อื่นจนทำให้คนอื่นต้องตกเป็นเหยื่อของตน   และคนที่รักพระเจ้าด้วยการกระทำตามแบบอย่างแห่งพระราชกิจของพระองค์   องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักคนชอบธรรม (ข้อ 8)  

ประเด็นในที่นี้จึงมิใช่ว่า พระเจ้ารักคนต่ำต้อยด้วยค่า คนไร้อำนาจ หรือ รักคนมั่งมีมั่งคั่ง  ผู้มีอำนาจล้นฟ้า   แต่ประเด็นหลักในที่นี้คือ  พระเจ้าทรงเมตตาปกป้องพิทักษ์รักษาคนที่ไร้อำนาจแล้วตกเป็นเหยื่อของผู้มีอำนาจ   และพระเจ้าทรงต่อสู้กับคนที่มีอำนาจล้นฟ้าแล้วใช้อำนาจนั้นในการกดขี่ เอาเปรียบ เหยียบย่ำคนไร้อำนาจทำลายศักดิ์ศรีความเป็นคนของพวกเขา   นี่เป็นการหมิ่นหยามพระราชกิจแห่งการทรงสร้างของพระเจ้า  “พระเจ้าทรงล้มแผนการชั่วร้าย”ของคนที่มีอำนาจกลุ่มนี้   แต่พระเจ้าทรงรักคนที่ดำเนินชีวิตด้วยความชอบธรรมตามแบบพระเจ้า  ไม่ว่าคนนั้นจะมีอำนาจหรือไม่ก็ตาม  

ตรงกันข้าม ถ้าเป็นคนไร้อำนาจแต่ยังกดขี่ ข่มเหง และเอารัดเอาเปรียบ และทำให้เพื่อนมนุษย์ที่ไร้อำนาจด้วยกันต้องตกเป็นเหยื่อแล้ว   พระเจ้าก็จะ “ล้มแผนการ” คนไร้อำนาจคนนั้นด้วยเช่นกัน   เพราะเขาเป็นคนอธรรม

สำหรับคนที่ไร้อำนาจ พระธรรมสดุดีบทนี้ท้าชวนคนเหล่านี้ให้มีความหวังในการทรงปกป้องคุ้มครองจากพระเจ้า  เพราะถึงแม้จะตกเป็นเหยื่อและถูกบีบบังคับเอารัดเอาเปรียบ   พระเจ้าทรงยืนเคียงข้างคนนั้นในทุกสถานการณ์ชีวิต 

สำหรับคนที่มีอำนาจ พระธรรมสดุดีบทนี้ท้าชวนให้ท่านใช้อำนาจ และ ศักยภาพในชีวิตที่มีอยู่ที่จะปกป้องคนไร้อำนาจ คนที่ตกเป็นเหยื่อในสังคมที่ฉ้อฉลอธรรมในปัจจุบัน  ตามแบบอย่างที่พระเจ้าทรงกระทำ   ใช้อำนาจและพลังอิทธิพลที่มีอยู่เพื่อร่วมในพระราชกิจแห่งการทรงกอบกู้ชูช่วยของพระเจ้า   ใช้สิ่งที่มีในชีวิตและโอกาสที่เปิดกว้างเพื่อร่วมในพระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำในสังคมโลกปัจจุบัน   ตามที่บันทึกในพระธรรมยากอบ 1:27 ว่า “ธรรมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดานั้น  คือการช่วยเหลือเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน   และรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก” (ฉบับมาตรฐาน)

ประเด็นสำหรับใคร่ครวญ

1. วันนี้ท่านจะร่วมในพระราชกิจแห่งการทรงเอาใจใส่และการกอบกู้ผู้ไร้อำนาจที่ตกเป็นเหยื่อของความอธรรมที่ท่านพบเห็นได้อย่างไร?

2. วันนี้ท่านจะสำแดงความรักเมตตาตามแบบอย่างขององค์พระผู้เป็นเจ้าในพระนามของพระคริสต์แก่ใครบ้าง?

ใคร่ครวญภาวนา

องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความชอบธรรมและเมตตากรุณา   ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงเอาใจใส่ ปกป้องเลี้ยงดูประชากรในโลกนี้   ข้าพระองค์ซาบซึ้งในความรักเมตตาที่ชอบธรรมในการที่ทรงอยู่เคียงข้างคนไร้อำนาจที่ถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบและถูกเหยียบย่ำ   และขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงเป็นความหวังและปกป้องข้าพระองค์จากความอธรรมและแผนการชั่วหลากหลายรูปแบบที่จู่โจมเข้ามาในชีวิตของข้าพระองค์

ในวันนี้ ข้าพระองค์ยังต้องการและหวังในการทรงปกป้อง คุ้มครอง และการชูช่วยของพระองค์

ดังนั้น  ในวันนี้จึงขอมอบกายถวายชีวิตจิตวิญญาณให้ร่วมในพระราชกิจแห่งการชูช่วยผู้ไร้อำนาจและตกเป็นเหยื่อในสังคม  ตามแบบอย่างความชอบธรรมและพระเมตตากรุณาของพระองค์  

โปรดเปิดตาของข้าพระองค์ให้สามารถเห็นถึงความจำเป็นต้องการของผู้คนที่ข้าพระองค์พบเห็นสัมผัสในวันนี้  

โปรดช่วยให้ข้าพระองค์รู้ว่าควรยื่นชีวิตของข้าพระองค์ไปถึงผู้คนเหล่านี้อย่างไรที่สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระองค์   และขอเปิดใจของข้าพระองค์เพื่อส่งต่อความรักของพระคริสต์ไปถึงผู้คนกลุ่มนี้อย่างเป็นรูปธรรม   เพื่อเขาจะได้รับการสัมผัสจากความรักของพระคริสต์  และจะได้สรรเสริญยกย่องพระนามของพระองค์   อาเมน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น