06 กุมภาพันธ์ 2556

นำและจัดการมากขึ้น แต่ทำเองน้อยลง


อ่านเอเฟซัส 4:11-13

“ของประทานมีหลายชนิด  แต่พระวิญญาณองค์เดียวกันเป็นผู้ประทาน
 งานรับใช้มีหลายประเภท   แต่รับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน
 การงานมีต่างๆ กัน   แต่พระเจ้าองค์เดียวกันทรงกระทำการทั้งหมดในคนทั้งปวง”
(1โครินธ์ 12:4-6 อมตธรรม)

การนำประชากรของพระเจ้า และ การทำให้คริสตจักรของพระองค์เติบโตนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง   เมื่อศึกษาจากพระวจนะของพระเจ้าน่าสังเกตว่า  บทบาทของผู้ที่จะนำประชากรของพระเจ้ามิใช่เรื่องเล็กเรื่องง่ายเลย

บ่อยครั้งเราดูเหมือนว่างานของผู้อภิบาลคริสตจักรเป็นงานตั้งรับมากกว่างานเชิงรุก   มีความสำคัญอย่างมากที่จะเข้าใจว่า   งานของผู้อภิบาลจะต้องบริหารจัดการกับสิ่งที่ถาโถมเข้ามาหาผู้อภิบาล   แต่เราก็ไม่ควรที่จะละเลยถึงความเป็นผู้นำในการบริหารจัดการเชิงรุกด้วย

ไม่มีผู้อภิบาลคนใดที่ต้องการจมจ่อมอยู่กับการทำงานประจำของคริสตจักรอย่างยาวนาน   เมื่อเปรียบเทียบรายการงานความรับผิดชอบของผู้อภิบาลเราจะพบว่า   ผู้อภิบาลทั่วโลกแม้จะอยู่ในภูมิภาคที่แตกต่างกัน  ภาษาที่ใช้ไม่เหมือนกัน   หรืออยู่ในบริบทวัฒนธรรมของใครของตนก็ตาม   แต่บ่อยครั้งที่เราพบว่า  รายการความรับผิดชอบของผู้อภิบาลเหล่านี้กลับมีความคล้ายคลึงกันคือ  ผู้อภิบาลเหล่านี้ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการกับ “ปัญหาต่างๆ”  ของประชากรของพระเจ้า

บทบาทของผู้อภิบาลจะเรียกว่าอะไรดี   ขอเรียกว่า “การจัดการและเชื่อมประสาน”  ผู้อภิบาลหลายคนบอกว่าหน้าที่ของตนคือ การมอบหมายและเอื้ออำนวยให้ประชากรขับเคลื่อนรับใช้ในพันธกิจด้านต่างๆ    ผู้อภิบาลในฐานะผู้นำ  ทำหน้าที่เป็นผู้นำมาตามนิมิตหมาย   เขานำเสนอสิ่งที่ควรจะเป็น   แต่ในเวลาเดียวกันเขาจะต้องทำบทบาทในการกระตุ้น หนุนเสริมประชากรไปด้วย   โปรดสังเกตบทบาทที่แตกต่างกันของผู้นำทั้งสองรูปแบบ   กล่าวคือการจัดการกับสิ่งที่เป็นอยู่มีอยู่แล้ว   กับอีกบทบาทหนึ่งในการกระตุ้นขับเคลื่อนคริสตจักรไปข้างหน้าสู่การเติบโตขึ้น และ เข้มแข็งขึ้น

ผู้นำคริสตจักร และ ผู้อภิบาลส่วนใหญ่ได้กระทำบทบาทการบริหารจัดการทั้งสองบทบาท  ความไม่สมดุลในการบริหารจัดการของสองบทบาทนี้มักเกิดขึ้นเพราะผู้อภิบาลหรือผู้นำคริสตจักรมักจะเก่งเด่นในบทบาทหนึ่งและอ่อนด้อยในอีกบทบาทหนึ่ง  อย่างเช่น ผู้อภิบาลหรือผู้นำคริสตจักรที่ไม่สนใจ หรือ ไม่กระตือรือร้น หรือ ไม่เก่งที่จะนำคริสตจักรไปสู่การเติบโต   มักทุ่มเวลาและความสนใจในการบริการจัดการงานของคริสตจักรที่มีอยู่   หรือ  ทางกลับกันถ้าผู้อภิบาลและผู้นำที่ทุ่มเทกับการบริหารจัดการให้คริสตจักรเกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่องก็จะมีโปรแกรมใหม่ๆ เกิดขึ้นในคริสตจักร   แต่เขากลับมิได้มีการบริหารจัดการกับการเติบโตที่เกิดขึ้นในคริสตจักรอย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้อภิบาลและผู้นำคริสตจักรอาจจะตอบโต้ทันควันในใจว่า  “ใครจะเก่งและทำทุกอย่างได้อย่างไรล่ะ?”  ถูกต้องครับ   เราต่างทำทุกอย่างไม่ได้   ถึงแม้ว่าคนๆ นั้นจะมีตะลันต์ความสามารถ  มีของประทาน  ได้รับการทรงเจิม  ได้รับพระพรมากมาย   แม้แต่โมเสสเองก็ไม่สามารถทำทุกบทบาทแล้วประสบความสำเร็จในทุกบทบาท   ความจริงแล้ว ผู้นำคริสตจักร หรือ ผู้อภิบาลที่พยายามจะทำทุกเรื่องทุกบทบาทด้วยตนเองเขาจะถูกถมทับและต้องแบกภาระหนักของการเอาใจใส่ดูแลประชากรของพระเจ้าอย่างเกินกำลัง

ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงทรงชักนำหลายต่อหลายคนให้เข้ามาในคริสตจักร   ผู้อภิบาลและผู้นำคริสตจักรหลายท่านได้มองข้ามความสำคัญของประชากรในคริสตจักร   ที่เป็นแหล่งพลังในการช่วยทำงาน ช่วยในการจัดการในคริสตจักรของตน   เมื่อผู้อภิบาลขาดความไว้วางใจผู้คนในคริสตจักร   ผู้อภิบาลหลายท่านจึงมิได้ช่วยให้ผู้คนในคริสตจักรที่มีตะลันต์  ของประทานได้รับการพัฒนาของประทานให้มีความสามารถทักษะที่จะเข้ามาทุ่มเทรับใช้การงานและมีบทบาทความรับผิดชอบด้านต่างๆ ในคริสตจักร

ขนาดโมเสสยังมีบุคคลระดับผู้นำห้าสิบคน และ คนที่เข้ามาช่วยงานของเขาเป็นพัน   ท่านก็เช่นกันท่านควรจะมอบหมายคนรอบข้างท่านเข้ามามีส่วนที่จะช่วยในงานพันธกิจของคริสตจักรของท่านตามนิมิตหมายที่ท่านให้กับคนเหล่านั้น   ในการที่จะกระทำให้คริสตจักรเติบโตขึ้น

ท่านผู้อภิบาลยังพบว่าตนเองต้องมาทำหน้าที่ภารโรงของคริสตจักรอยู่หรือไม่?  ที่ผ่านมา  ท่านยังต้องไปซ่อมสิ่งนั้นทำสิ่งนี้ในคริสตจักรหรือไม่?   ท่านเองจะต้องเป็นคนเอาเครื่องปริ้นท์เตอร์ไปเติมหมึกอยู่หรือไม่?   ท่านเป็นคนเดียวที่ต้องไปเยี่ยมเพื่ออธิษฐานเพื่อผู้เจ็บป่วยในคริสตจักรหรือไม่?   ใครเป็นคนที่ต้องคำนวณ บันทึกรายการ ทั้งจำนวนคนมานมัสการ  เงินถวาย?  หรือ ผู้อภิบาลต้องนำนมัสการ  เป็นต้นเสียงร้องเพลง  เล่นดนตรีในการนมัสการ   การเทศนา และ ฯลฯ ในการนมัสการพระเจ้าหรือไม่?

ถ้าท่านผู้นำหรือผู้อภิบาลจะต้องเป็นคนทำสิ่งต่างๆ ที่ถามมาข้างต้นนี้แสดงว่า  ท่านกำลังใช้เวลาในการบริหารจัดการงานที่มีอยู่มากเกินไป แล้วไม่มีเวลาในการที่จะทำหน้าที่นำในคริสตจักรของท่านให้เติบโต เข้มแข็ง และเกิดผล   พระเจ้าทรงเรียกท่านมาในฐานะผู้ทำพันธกิจเพื่อเสริมสร้างระบบการบริหารจัดการที่ดี   มิได้ทรงเรียกท่านให้มาฝังตัวจมจ่อมอยู่กับกระบวนการการจัดการจนทำให้นิมิตหมายของท่านและคริสตจักรต้องหยุดชะงัก

คริสตจักรที่มีนิมิตหมายแต่ไม่เติบโตหลายคริสตจักรต้องจมแหงกอยู่กับที่   การจัดการที่ดีอย่างเดียวอาจจะช่วยชะลอสภาพ “ขาลง” ของคริสตจักร   แต่จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการกลายเป็นคริสตจักรที่ไร้ผล  ถ้าคริสตจักรไม่มีนิมิตที่จะมุ่งไป   ในขณะที่ชุมชนคริสตจักรมีหลายคนที่มีความสามารถในการบริหารจัดการในบทบาทต่างๆ   แต่มีเพียงคนไม่กี่คนที่ได้รับการเจิมให้เป็นผู้อภิบาลที่จะกระทำให้นิมิตหมายดังกล่าวของคริสตจักรเกิดผลเป็นรูปธรรม   และนี่เองที่ผู้อภิบาลจะต้องเอาใจใส่อย่างมากในการเสริมสร้างและฝึกฝนให้สมาชิกในคริสตจักรให้เข้ามาร่วมในการบริหารจัดการงานพันธกิจในคริสตจักร  และร่วมทำงานรับใช้ร่วมกัน

คงต้องตระหนักชัดนะครับว่า   เมื่อสมาชิกทำพันธกิจมากขึ้น   พวกเขามีชีวิตคริสตชนที่เติบโตมากขึ้น  คริสตจักรแข็งแรงมากขึ้นครับ!


สมัยที่ผมเป็นศิษยาภิบาล เพื่อนผมเป็นผู้ปกครองในคริสตจักรแห่งหนึ่ง  เป็นเจ้าของธุรกิจเบเกอรี่ (ร้านทำขนมจำพวกขนมปัง)   แพทย์สั่งให้เขาเข้ารับการรักษาเกี่ยวกับโรคหัวใจที่กำลังกำเริบเป็นการด่วน    ในที่สุดเขาตัดสินใจรักสุขภาพมากกว่ารักธุรกิจ    แต่เขาไปโรงพยาบาลด้วยความวิตกกังวล  ทั้งการผลิต และ การส่งสินค้าตามที่ลูกค้าต้องการ

สามสัปดาห์ผ่านไป   สุขภาพของเขาได้รับการรักษาอย่างดี   เขากลับมาที่ร้าน   เขาต้องแปลกใจว่า ธุรกิจเบเกอรี่ของเขาดำเนินไปด้วยดี   แม้จะมีปัญหาเกิดขึ้น   แต่ลูกน้องของเขาก็สามารถจัดการไปด้วยดี    เขาถึงกับเอ่ยปากชมลูกน้องว่า  เขาไม่คิดว่าลูกน้องของเขาจะทำได้ดีถึงขนาดนี้   

ลูกน้องตอบเขาว่า   “นายครับ  เมื่อนายสอนและฝึกพวกเรา  นายต้องวางใจพวกเราซิครับ”


ใช่   บ่อยครั้งผู้นำและผู้อภิบาลคริสตจักรขาดการไว้วางใจความสามารถรับผิดชอบของสมาชิกในคริสตจักรของตน    เมื่อขาดความไว้วางใจสมาชิกว่าเขาจะสามารถทำพันธกิจด้านต่างๆ ได้   จึงละเลยมิได้ฝึกฝน บ่มเพาะเอาใจใส่สมาชิก   เมื่อสมาชิกมิได้รับการเอาใจใส่ บ่มเพาะ  จึงไม่มีทักษะในการทำพันธกิจด้านนั้นๆ  

หรือไม่ผู้อภิบาลก็มีการฝึกอบรมให้สมาชิกในการทำพันธกิจด้านต่างๆ   แต่ไม่มั่นใจในสมาชิกจึงมิได้ให้สมาชิกมีโอกาสลงสนามฝึกทำพันธกิจ   สมาชิกแม้จะได้รับการอบรมมาก็ตามแต่ก็ไม่มีทักษะที่จะทำเป็น

การที่ผู้อภิบาล “กล้า” ที่จะไว้วางใจและเชื่อใจว่า สมาชิกมีความสามารถที่จะทำพันธกิจด้านต่างๆ ตาม  ตะลันต์และของประทานที่แต่ละคนได้รับจากพระเจ้าเป็นบันไดก้าวแรกของการจัดการพันธกิจและการนำคริสตจักรครับ!  จากนั้น ก็ทำหน้าที่พี่เลี้ยง  ฝึกสอนในสนามงาน  การหนุนเสริมเพิ่มพลังความสามารถและพลังใจ   เมื่อนั้นครับคริสตจักรของผู้อภิบาลท่านนั้นจะขับเคลื่อนไปด้วยพลังมหาศาลของสมาชิกที่ร่วมกันขับเคลื่อน


หลายคริสตจักรที่ผู้นำหรือผู้อภิบาลต้องออกไปจากคริสตจักรสักช่วงระยะเวลาหนึ่ง   คริสตจักรต้องประสบกับการหยุดชะงักงัน   งานหลายๆ ด้านต้องหยุดรอผู้อภิบาล   แต่ก็ยังมีอีกหลายคริสตจักรที่แม้ผู้นำและผู้อภิบาลต้องไปทำพันธกิจนอกคริสตจักร   แต่ผู้อภิบาลสามารถมอบหมายงานต่างๆ ให้กับบุคคลหลายคนที่ร่วมกันรับผิดชอบ  พันธกิจการงานของคริสตจักรสามารถดำเนินการไปอย่างคล่องตัว   แม้ผู้อภิบาลจะไม่ได้อยู่คริสตจักร   แต่ชีวิตคริสตจักรก็ยังเติบโตต่อไป  

นี่แสดงว่าผู้อภิบาลท่านนั้นเป็นผู้ที่เชื่อมโยงเครือข่ายการบริหารจัดการพันธกิจในคริสตจักรไว้เป็นอย่างดี    ผู้อภิบาลท่านนั้นไม่ต้องลงมาทำทุกเรื่องด้วยตนเอง   แต่เขากลับเป็นผู้ที่ดูแลและจัดการให้พันธกิจทั้งหลายสามารถขับเคลื่อนไปอย่างดี   เขาเป็นเพียงผู้ดูแลและกระตุ้นหนุนเสริมให้งานพันธกิจสามารถขับเคลื่อนไปตามนิมิตหมายที่มีร่วมกันของคริสตจักร   ดังนั้น  งานหลักของผู้อภิบาลคนนี้คือการเป็นผู้ช่วยให้คนทำพันธกิจต่างๆ ให้มุ่งไปสู่นิมิตหมายของคริสจักรที่กำหนดไว้

สมาชิกในคริสตจักรของท่านได้มีโอกาสร่วมกันรับใช้อย่างประสานกลมกลืนกัน   โดยที่ผู้อภิบาลไม่ต้องก้มหน้าก้มตาทำพันธกิจหลายด้านเพียงคนเดียวหรือไม่?   ผู้อภิบาลทำงานพันธกิจด้านต่างๆ น้อยลง  แต่ใช้เวลาในการบริหารจัดการ และ นำในคริสตจักรมากขึ้นหรือไม่?

ข้าพเจ้าไว้ใจและภูมิใจในพวกท่านมาก
ข้าพเจ้าได้รับการหนุนใจอย่างบริบูรณ์
และมีความยินดีอย่างเหลือล้นในความยากลำบากทุกอย่างของเรา
(2 โครินธ์ 7:4)

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น