อ่านเอเฟซัส 4:11-13
“ของประทานมีหลายชนิด
แต่พระวิญญาณองค์เดียวกันเป็นผู้ประทาน
งานรับใช้มีหลายประเภท แต่รับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน
การงานมีต่างๆ กัน
แต่พระเจ้าองค์เดียวกันทรงกระทำการทั้งหมดในคนทั้งปวง”
(1โครินธ์ 12:4-6
อมตธรรม)
การนำประชากรของพระเจ้า
และ การทำให้คริสตจักรของพระองค์เติบโตนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง
เมื่อศึกษาจากพระวจนะของพระเจ้าน่าสังเกตว่า บทบาทของผู้ที่จะนำประชากรของพระเจ้ามิใช่เรื่องเล็กเรื่องง่ายเลย
บ่อยครั้งเราดูเหมือนว่างานของผู้อภิบาลคริสตจักรเป็นงานตั้งรับมากกว่างานเชิงรุก มีความสำคัญอย่างมากที่จะเข้าใจว่า
งานของผู้อภิบาลจะต้องบริหารจัดการกับสิ่งที่ถาโถมเข้ามาหาผู้อภิบาล
แต่เราก็ไม่ควรที่จะละเลยถึงความเป็นผู้นำในการบริหารจัดการเชิงรุกด้วย
ไม่มีผู้อภิบาลคนใดที่ต้องการจมจ่อมอยู่กับการทำงานประจำของคริสตจักรอย่างยาวนาน
เมื่อเปรียบเทียบรายการงานความรับผิดชอบของผู้อภิบาลเราจะพบว่า
ผู้อภิบาลทั่วโลกแม้จะอยู่ในภูมิภาคที่แตกต่างกัน ภาษาที่ใช้ไม่เหมือนกัน หรืออยู่ในบริบทวัฒนธรรมของใครของตนก็ตาม แต่บ่อยครั้งที่เราพบว่า รายการความรับผิดชอบของผู้อภิบาลเหล่านี้กลับมีความคล้ายคลึงกันคือ
ผู้อภิบาลเหล่านี้ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการกับ “ปัญหาต่างๆ” ของประชากรของพระเจ้า
บทบาทของผู้อภิบาลจะเรียกว่าอะไรดี ขอเรียกว่า “การจัดการและเชื่อมประสาน” ผู้อภิบาลหลายคนบอกว่าหน้าที่ของตนคือ
การมอบหมายและเอื้ออำนวยให้ประชากรขับเคลื่อนรับใช้ในพันธกิจด้านต่างๆ ผู้อภิบาลในฐานะผู้นำ ทำหน้าที่เป็นผู้นำมาตามนิมิตหมาย เขานำเสนอสิ่งที่ควรจะเป็น แต่ในเวลาเดียวกันเขาจะต้องทำบทบาทในการกระตุ้น
หนุนเสริมประชากรไปด้วย
โปรดสังเกตบทบาทที่แตกต่างกันของผู้นำทั้งสองรูปแบบ
กล่าวคือการจัดการกับสิ่งที่เป็นอยู่มีอยู่แล้ว กับอีกบทบาทหนึ่งในการกระตุ้นขับเคลื่อนคริสตจักรไปข้างหน้าสู่การเติบโตขึ้น
และ เข้มแข็งขึ้น
ผู้นำคริสตจักร และ
ผู้อภิบาลส่วนใหญ่ได้กระทำบทบาทการบริหารจัดการทั้งสองบทบาท ความไม่สมดุลในการบริหารจัดการของสองบทบาทนี้มักเกิดขึ้นเพราะผู้อภิบาลหรือผู้นำคริสตจักรมักจะเก่งเด่นในบทบาทหนึ่งและอ่อนด้อยในอีกบทบาทหนึ่ง อย่างเช่น ผู้อภิบาลหรือผู้นำคริสตจักรที่ไม่สนใจ
หรือ ไม่กระตือรือร้น หรือ ไม่เก่งที่จะนำคริสตจักรไปสู่การเติบโต มักทุ่มเวลาและความสนใจในการบริการจัดการงานของคริสตจักรที่มีอยู่ หรือ
ทางกลับกันถ้าผู้อภิบาลและผู้นำที่ทุ่มเทกับการบริหารจัดการให้คริสตจักรเกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่องก็จะมีโปรแกรมใหม่ๆ
เกิดขึ้นในคริสตจักร
แต่เขากลับมิได้มีการบริหารจัดการกับการเติบโตที่เกิดขึ้นในคริสตจักรอย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้อภิบาลและผู้นำคริสตจักรอาจจะตอบโต้ทันควันในใจว่า “ใครจะเก่งและทำทุกอย่างได้อย่างไรล่ะ?” ถูกต้องครับ
เราต่างทำทุกอย่างไม่ได้
ถึงแม้ว่าคนๆ นั้นจะมีตะลันต์ความสามารถ
มีของประทาน ได้รับการทรงเจิม ได้รับพระพรมากมาย แม้แต่โมเสสเองก็ไม่สามารถทำทุกบทบาทแล้วประสบความสำเร็จในทุกบทบาท ความจริงแล้ว ผู้นำคริสตจักร หรือ
ผู้อภิบาลที่พยายามจะทำทุกเรื่องทุกบทบาทด้วยตนเองเขาจะถูกถมทับและต้องแบกภาระหนักของการเอาใจใส่ดูแลประชากรของพระเจ้าอย่างเกินกำลัง
ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงทรงชักนำหลายต่อหลายคนให้เข้ามาในคริสตจักร ผู้อภิบาลและผู้นำคริสตจักรหลายท่านได้มองข้ามความสำคัญของประชากรในคริสตจักร ที่เป็นแหล่งพลังในการช่วยทำงาน
ช่วยในการจัดการในคริสตจักรของตน
เมื่อผู้อภิบาลขาดความไว้วางใจผู้คนในคริสตจักร ผู้อภิบาลหลายท่านจึงมิได้ช่วยให้ผู้คนในคริสตจักรที่มีตะลันต์
ของประทานได้รับการพัฒนาของประทานให้มีความสามารถทักษะที่จะเข้ามาทุ่มเทรับใช้การงานและมีบทบาทความรับผิดชอบด้านต่างๆ
ในคริสตจักร
ขนาดโมเสสยังมีบุคคลระดับผู้นำห้าสิบคน
และ คนที่เข้ามาช่วยงานของเขาเป็นพัน
ท่านก็เช่นกันท่านควรจะมอบหมายคนรอบข้างท่านเข้ามามีส่วนที่จะช่วยในงานพันธกิจของคริสตจักรของท่านตามนิมิตหมายที่ท่านให้กับคนเหล่านั้น ในการที่จะกระทำให้คริสตจักรเติบโตขึ้น
ท่านผู้อภิบาลยังพบว่าตนเองต้องมาทำหน้าที่ภารโรงของคริสตจักรอยู่หรือไม่? ที่ผ่านมา
ท่านยังต้องไปซ่อมสิ่งนั้นทำสิ่งนี้ในคริสตจักรหรือไม่? ท่านเองจะต้องเป็นคนเอาเครื่องปริ้นท์เตอร์ไปเติมหมึกอยู่หรือไม่?
ท่านเป็นคนเดียวที่ต้องไปเยี่ยมเพื่ออธิษฐานเพื่อผู้เจ็บป่วยในคริสตจักรหรือไม่? ใครเป็นคนที่ต้องคำนวณ บันทึกรายการ
ทั้งจำนวนคนมานมัสการ เงินถวาย? หรือ ผู้อภิบาลต้องนำนมัสการ เป็นต้นเสียงร้องเพลง เล่นดนตรีในการนมัสการ การเทศนา และ ฯลฯ ในการนมัสการพระเจ้าหรือไม่?
ถ้าท่านผู้นำหรือผู้อภิบาลจะต้องเป็นคนทำสิ่งต่างๆ
ที่ถามมาข้างต้นนี้แสดงว่า ท่านกำลังใช้เวลาในการบริหารจัดการงานที่มีอยู่มากเกินไป
แล้วไม่มีเวลาในการที่จะทำหน้าที่นำในคริสตจักรของท่านให้เติบโต เข้มแข็ง
และเกิดผล
พระเจ้าทรงเรียกท่านมาในฐานะผู้ทำพันธกิจเพื่อเสริมสร้างระบบการบริหารจัดการที่ดี มิได้ทรงเรียกท่านให้มาฝังตัวจมจ่อมอยู่กับกระบวนการการจัดการจนทำให้นิมิตหมายของท่านและคริสตจักรต้องหยุดชะงัก
คริสตจักรที่มีนิมิตหมายแต่ไม่เติบโตหลายคริสตจักรต้องจมแหงกอยู่กับที่ การจัดการที่ดีอย่างเดียวอาจจะช่วยชะลอสภาพ
“ขาลง” ของคริสตจักร
แต่จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการกลายเป็นคริสตจักรที่ไร้ผล ถ้าคริสตจักรไม่มีนิมิตที่จะมุ่งไป ในขณะที่ชุมชนคริสตจักรมีหลายคนที่มีความสามารถในการบริหารจัดการในบทบาทต่างๆ
แต่มีเพียงคนไม่กี่คนที่ได้รับการเจิมให้เป็นผู้อภิบาลที่จะกระทำให้นิมิตหมายดังกล่าวของคริสตจักรเกิดผลเป็นรูปธรรม และนี่เองที่ผู้อภิบาลจะต้องเอาใจใส่อย่างมากในการเสริมสร้างและฝึกฝนให้สมาชิกในคริสตจักรให้เข้ามาร่วมในการบริหารจัดการงานพันธกิจในคริสตจักร และร่วมทำงานรับใช้ร่วมกัน
คงต้องตระหนักชัดนะครับว่า เมื่อสมาชิกทำพันธกิจมากขึ้น พวกเขามีชีวิตคริสตชนที่เติบโตมากขึ้น คริสตจักรแข็งแรงมากขึ้นครับ!
สมัยที่ผมเป็นศิษยาภิบาล
เพื่อนผมเป็นผู้ปกครองในคริสตจักรแห่งหนึ่ง
เป็นเจ้าของธุรกิจเบเกอรี่ (ร้านทำขนมจำพวกขนมปัง) แพทย์สั่งให้เขาเข้ารับการรักษาเกี่ยวกับโรคหัวใจที่กำลังกำเริบเป็นการด่วน
ในที่สุดเขาตัดสินใจรักสุขภาพมากกว่ารักธุรกิจ แต่เขาไปโรงพยาบาลด้วยความวิตกกังวล ทั้งการผลิต และ การส่งสินค้าตามที่ลูกค้าต้องการ
สามสัปดาห์ผ่านไป สุขภาพของเขาได้รับการรักษาอย่างดี เขากลับมาที่ร้าน เขาต้องแปลกใจว่า
ธุรกิจเบเกอรี่ของเขาดำเนินไปด้วยดี
แม้จะมีปัญหาเกิดขึ้น
แต่ลูกน้องของเขาก็สามารถจัดการไปด้วยดี
เขาถึงกับเอ่ยปากชมลูกน้องว่า เขาไม่คิดว่าลูกน้องของเขาจะทำได้ดีถึงขนาดนี้
ลูกน้องตอบเขาว่า “นายครับ
เมื่อนายสอนและฝึกพวกเรา
นายต้องวางใจพวกเราซิครับ”
ใช่
บ่อยครั้งผู้นำและผู้อภิบาลคริสตจักรขาดการไว้วางใจความสามารถรับผิดชอบของสมาชิกในคริสตจักรของตน
เมื่อขาดความไว้วางใจสมาชิกว่าเขาจะสามารถทำพันธกิจด้านต่างๆ ได้ จึงละเลยมิได้ฝึกฝน
บ่มเพาะเอาใจใส่สมาชิก
เมื่อสมาชิกมิได้รับการเอาใจใส่ บ่มเพาะ
จึงไม่มีทักษะในการทำพันธกิจด้านนั้นๆ
หรือไม่ผู้อภิบาลก็มีการฝึกอบรมให้สมาชิกในการทำพันธกิจด้านต่างๆ
แต่ไม่มั่นใจในสมาชิกจึงมิได้ให้สมาชิกมีโอกาสลงสนามฝึกทำพันธกิจ สมาชิกแม้จะได้รับการอบรมมาก็ตามแต่ก็ไม่มีทักษะที่จะทำเป็น
การที่ผู้อภิบาล
“กล้า” ที่จะไว้วางใจและเชื่อใจว่า สมาชิกมีความสามารถที่จะทำพันธกิจด้านต่างๆ ตาม ตะลันต์และของประทานที่แต่ละคนได้รับจากพระเจ้าเป็นบันไดก้าวแรกของการจัดการพันธกิจและการนำคริสตจักรครับ!
จากนั้น ก็ทำหน้าที่พี่เลี้ยง
ฝึกสอนในสนามงาน
การหนุนเสริมเพิ่มพลังความสามารถและพลังใจ เมื่อนั้นครับคริสตจักรของผู้อภิบาลท่านนั้นจะขับเคลื่อนไปด้วยพลังมหาศาลของสมาชิกที่ร่วมกันขับเคลื่อน
หลายคริสตจักรที่ผู้นำหรือผู้อภิบาลต้องออกไปจากคริสตจักรสักช่วงระยะเวลาหนึ่ง คริสตจักรต้องประสบกับการหยุดชะงักงัน งานหลายๆ ด้านต้องหยุดรอผู้อภิบาล
แต่ก็ยังมีอีกหลายคริสตจักรที่แม้ผู้นำและผู้อภิบาลต้องไปทำพันธกิจนอกคริสตจักร แต่ผู้อภิบาลสามารถมอบหมายงานต่างๆ ให้กับบุคคลหลายคนที่ร่วมกันรับผิดชอบ พันธกิจการงานของคริสตจักรสามารถดำเนินการไปอย่างคล่องตัว แม้ผู้อภิบาลจะไม่ได้อยู่คริสตจักร แต่ชีวิตคริสตจักรก็ยังเติบโตต่อไป
นี่แสดงว่าผู้อภิบาลท่านนั้นเป็นผู้ที่เชื่อมโยงเครือข่ายการบริหารจัดการพันธกิจในคริสตจักรไว้เป็นอย่างดี ผู้อภิบาลท่านนั้นไม่ต้องลงมาทำทุกเรื่องด้วยตนเอง
แต่เขากลับเป็นผู้ที่ดูแลและจัดการให้พันธกิจทั้งหลายสามารถขับเคลื่อนไปอย่างดี
เขาเป็นเพียงผู้ดูแลและกระตุ้นหนุนเสริมให้งานพันธกิจสามารถขับเคลื่อนไปตามนิมิตหมายที่มีร่วมกันของคริสตจักร ดังนั้น
งานหลักของผู้อภิบาลคนนี้คือการเป็นผู้ช่วยให้คนทำพันธกิจต่างๆ ให้มุ่งไปสู่นิมิตหมายของคริสจักรที่กำหนดไว้
สมาชิกในคริสตจักรของท่านได้มีโอกาสร่วมกันรับใช้อย่างประสานกลมกลืนกัน
โดยที่ผู้อภิบาลไม่ต้องก้มหน้าก้มตาทำพันธกิจหลายด้านเพียงคนเดียวหรือไม่? ผู้อภิบาลทำงานพันธกิจด้านต่างๆ น้อยลง แต่ใช้เวลาในการบริหารจัดการ และ นำในคริสตจักรมากขึ้นหรือไม่?
ข้าพเจ้าไว้ใจและภูมิใจในพวกท่านมาก
ข้าพเจ้าได้รับการหนุนใจอย่างบริบูรณ์
และมีความยินดีอย่างเหลือล้นในความยากลำบากทุกอย่างของเรา
(2 โครินธ์ 7:4)
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น