27 กุมภาพันธ์ 2556

ชีวิตที่มีพระเจ้าเป็นใหญ่


ผู้ใดอ้างว่าอยู่ในพระองค์  ผู้นั้นต้องดำเนินชีวิตอย่างที่พระเยซูคริสต์ดำเนิน 
(1ยอห์น 2:6 อมตธรรม)

ถ้าอย่างนั้น   พระเยซูคริสต์ดำเนินชีวิตแบบไหน?

พระองค์มุ่งหางานที่ดีมีตำแหน่งในตะวันออกกลางหรือ?   พระองค์พยายามทำงานหนักเพื่อมีบ้านหลังใหญ่สวยหรู   และพรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีหรือ?   พระองค์ซื้อรถหรูคันใหม่ หรือ อูฐที่แข็งแรงลักษณะดีหรือ?   พระองค์คบค้าหาเพื่อนฝูงที่มีบารมีชื่อเสียงหรือ?   พระองค์ตีสนิทกับคนที่สามารถช่วยพระองค์ได้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน  หรือเอื้อให้ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของพระองค์รุ่งเรืองมั่นคงหรือ?   หรือพระองค์คบค้ากับคนที่มีอำนาจหนุนเสริมพันธกิจที่พระองค์ทำหรือ?   แล้วชีวิตครอบครัวของพระองค์เป็นอย่างไรบ้าง?   ภรรยาและลูกๆ ของพระองค์ล่ะเป็นเช่นไร?

พระคัมภีร์ที่เราอ่านวันนี้ทำให้ผมฉงนใจว่า  แล้วผมจะดำเนินชีวิตอย่างไร?

แล้วท่านล่ะ   ท่านคิดว่าท่านจะดำเนินชีวิตแบบไหน?

อะไรคือสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับชีวิตของเรา?

พระคัมภีร์กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า    ถ้าเราเรียกตนเองว่าเป็นคริสตชน   หรืออ้างตนว่าเป็นสาวกของพระคริสต์   เราต้อง “ดำเนินชีวิตอย่างที่พระเยซูคริสต์ทรงดำเนิน” 

สำหรับผมแล้ว  ผมเห็นว่าสิ่งที่พระเยซูคริสต์สำแดงว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของพระองค์คือ  การที่พระองค์ทรงมีพระเจ้าพระบิดาเป็นเอกเป็นใหญ่ในชีวิตของพระองค์   ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำและดำเนินชีวิตก็เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระบิดา   เป็นการยกย่องสรรเสริญพระเจ้า   มิใช่เพื่อเกียรติยศชื่อเสียงของพระองค์เอง   การกระทำทั้งสิ้น  การดำเนินชีวิตทุกขณะของพระเยซูคริสต์ทรงดำเนินชีวิตตามแบบความรักเมตตาของพระบิดา “...เพราะว่าพระองค์(พระบิดา)ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่วเสมอกัน  และให้ฝนตกแก่คนชอบธรรมและคนอธรรม... เพราะฉะนั้น พวกท่านจงเป็นคนดีพร้อมเหมือนอย่างพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงดีพร้อม” (มัทธิว 5:45, 48 ฉบับมาตรฐาน)  “เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก” (1ยอห์น 4:8, 16 ฉบับมาตรฐาน)

การมีชีวิตตามอย่างพระเยซูคริสต์หมายถึงการที่เรามีชีวิตที่ “รักซึ่งกันและกัน”  พระเจ้าก็จะสถิตในพวกเรา   และความรักของพระองค์ก็สมบูรณ์ในเรา” (1ยอห์ 4:12)

นอกจากนั้นแล้ว ยอห์นยังได้สอนเราอีกว่า   “อย่ารักโลกและสิ่งของในโลก  ถ้าใครรักโลกความรักของพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น” (1ยอห์น 2:15)  “เพราะว่าทุกสิ่งที่อยู่ในโลก คือตัณหาของเนื้อหนัง และ ตัณหาของตา   และความทะนงใจในลาภยศไม่ได้มาจากพระบิดาแต่มาจากโลก” (ข้อ 16)  “โลกกับสิ่งยั่วยวนของโลกกำลังผ่านพ้นไป   แต่คนที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์”

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ   เมื่อใดก็ตามที่เราติดตามสิ่งอื่นใดมากกว่าติดตามพระคริสต์   เราเป็นคริสตชนที่กำลังฉ้อฉลและจะหลงวนเวียนใต้อำนาจของบาปชั่ว   เราต้องการการทรงนำ   เราต้องติดตามพระคริสต์   แล้วเราต้องนำคนอื่นให้มาถึงพระคริสต์ด้วย!

“อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้  แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ  แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่   เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า   จะได้รู้ว่าอะไรดี  อะไรเป็นที่ชอบพระทัย  และอะไรยอดเยี่ยม” (โรม12:2 ฉบับมาตรฐาน)   “...ท่านทั้งหลายรู้ว่าการเป็นมิตรกับโลกนั้นคือการเป็นศัตรูกับพระเจ้าไม่ใช่หรือ?   ...ใครก็ตามที่ต้องการเป็นมิตรกับโลก  ก็ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า” (ยากอบ 4:4 ฉบับมาตรฐาน)  “...ถ้าข้าพเจ้ากำลังเอาใจมนุษย์อยู่  ข้าพเจ้าก็ไม่ใช่ทาสของพระคริสต์” (กาลาเทีย 1:10 ฉบับมาตรฐาน)

ให้เรากลับไปยังรากฐานแห่งชีวิตของเรา   ให้เราเริ่มต้นวันใหม่ของเราด้วยการอธิษฐานทูลขอพระเจ้า  ได้เมตตาสำแดงว่าเราจะดำเนินชีวิตอย่างพระเยซูคริสต์อย่างไร   หลักการรากฐานที่เข้าใจได้ง่ายๆ คือ   การที่เราให้พระเจ้าทรงเป็นเอกเป็นใหญ่ในการดำเนินชีวิตของเรา   กระทำและดำเนินชีวิตทุกอย่าง ด้วยความรักเมตตาของพระองค์เพื่อถวายพระเกียรติ และ สรรเสริญยกย่องพระองค์ 

วันนี้ให้เรามีความสุขกับการกระทำงาน และ ดำเนินชีวิตเพื่อพระคริสต์ครับ!

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น