09 กุมภาพันธ์ 2556

พูดความจริงจากใจ


อ่านสดุดี 15:1-5

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า   ผู้ใดจะได้พักพิงในสถานนมัสการของพระองค์?
ผู้ใดจะได้อาศัยบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
คือผู้ดำเนินชีวิตอย่างไม่มีที่ติ
ผู้ที่ทำสิ่งที่ชอบธรรม
ผู้ที่พูดความจริงจากใจของตน
(ข้อ 1-2 อมตธรรม)

การพูดความจริงเป็นสิ่งที่ดี   แต่การพูดความจริงที่ไม่ถูกกาลเทศะ   หรือท่าทีน้ำเสียงของคนที่พูดความจริงบางครั้งก็ก่อเกิดความเจ็บปวด หรือ สร้างความไม่สบายใจแก่ผู้ได้ยินได้ฟังได้เช่นกัน

เรื่องจริงเกิดขึ้นที่หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง   เด็กหญิงคนหนึ่งกำลังช่วยคุณพ่อในการทำสวนดอกไม้หน้าบ้าน   พอดี ส.ส. ที่เป็นเพื่อนบ้านที่อยู่บ้านด้านตรงกันข้ามเดินมาทักทายผู้เป็นพ่อ  ยืนพูดคุยกัน  ส.ส. ท่านนี้ผมหงอกขาวโพลนทั้งศีรษะ   เด็กหญิงมองไปที่ ส.ส.  ด้วยท่าทางที่สนใจมาก   แล้วเด็กน้อยโพล่งออกมาว่า  “คุณลุงดูแก่นะคะ”   ผู้เป็นพ่อแสดงความว้าวุ่นใจ   แต่ท่าน ส.ส. พูดกับเด็กหญิงด้วยความเอ็นดูว่า “ใช่  ลุงดูแก่มากใช่ไหมหนู?”  แล้วยิ้มให้กับเด็กหญิง   เด็กน้อยรู้สึกพออกพอใจแล้วกลับไปง่วนกับการถอนหญ้าในแปลงดอกไม้หน้าลานบ้าน   ส่วนผู้เป็นพ่อรีบขอโทษขอโพยท่าน ส.ส. เป็นการใหญ่   แต่ท่าน ส.ส. ไม่รู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดความจริงของเด็กหญิง   แต่กลับเกิดความเอ็นดูผู้พูดที่พูดความจริงจากใจของเธอ

ท่าน ส.ส. เล่าถึงประสบการณ์ในงานอาชีพการเมืองของท่านว่า   การที่ใครผู้หนึ่งผู้ใดจะพูดความจริงในปัจจุบันจะต้องมีความกล้าหาญเพียงพอ   เพราะในการพูดความจริงมีความเสี่ยงสูงในปัจจุบัน   เสี่ยงต่อความขุ่นเคืองใจ  ความไม่พอใจ  การโกรธเคืองจากคนที่ความจริงพาดพิงถึง  บ่อยครั้งจึงเลี่ยงที่จะพูดความจริงเพราะกลัวจะเกิดผลเสียกับตน   ท่านกล่าวต่อไปว่า  ในวงการเมืองปัจจุบัน หรือ องค์กรที่เอาวัฒนธรรมการเมืองปัจจุบันไปใช้ในองค์กร   คนพวกนี้จะมีแต่การพูดแบบบิดเบือน  หลอกลวง  บางครั้งถึงใส่ความ  ที่พูดเท็จพูดไม่จริงทั้งสิ้นนี้เพราะเป็นการปกป้องผลประโยชน์ และ อำนาจของตน   ปัจจุบันนี้ สำหรับคนพวกนี้ ผลประโยชน์  อำนาจ  ความมั่นคงในชีวิต   เกียรติยศชื่อเสียงสำคัญกว่าการพูดความจริง   ท่านกล่าวทิ้งท้าย

การพูดความจริงเป็นสิ่งที่ท้าทายในการดำเนินชีวิตของคริสตชน   เพราะสำหรับคริสตชนแล้ว การพูดความจริงจากใจของตนเป็นการสะท้อนถึงพระลักษณะ หรือ พระฉายาของพระเจ้าประการหนึ่งผ่านการดำเนินชีวิตของเรา   ยิ่งกว่านั้น  ตามพระธรรมที่เราอ่านในวันนี้จาก สดุดี 15:1-2 กล่าวว่า   ผู้ที่พูดความจริงจากใจของตนคือผู้ที่จะอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้า หรือ ในที่นมัสการพระเจ้า   ในที่นี้มีความหมายถึงว่า  การที่คนๆ นั้นพูดความจริงจากใจนั้นเป็นการถวายเกียรติยกย่องเทิดทูนพระเจ้า   ที่เขาพูดความจริงเพราะในชีวิตของเขาผู้นั้นมีพระเจ้าทรงเป็นใหญ่ในชีวิตของตน   ความคิดและจิตใจของเขาผู้นั้นใกล้ชิดติดสนิทอยู่กับพระเจ้า

การพูดความจริงจากใจของคริสตชนจึงไม่สามารถแยกออกจากการที่คนๆ นั้นมีสัมพันธภาพที่ใกล้ชิดกับพระเจ้า   และคริสตชนเชื่อมากกว่านั้นว่า  การที่คริสตชนสามารถพูดความจริงได้มิใช่คริสตชนคนๆ นั้นเก่งกาจกล้าหาญกว่าคริสตชนคนอื่นๆ   แต่ที่เขาคนนั้นสามารถพูดความจริงจากใจได้นั้นเพราะพระเจ้าทรงหนุนช่วยและให้พลังให้พูดความจริงจากใจ  ผ่านทางการทรงทำงานขององค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตจิตใจของคนๆ นั้น

“เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงเสด็จมาแล้ว   พระองค์จะนำพวกท่านสู่ความจริงทั้งมวล...”
(ยอห์น 16:13)

เมื่อใดที่เราพูดความจริงจากใจ   ถึงแม้จะนำความเสี่ยงมาถึงเรา   แต่เราได้ใกล้ชิดติดสนิทกับพระองค์

ดังนั้น   จำเป็นอย่างยิ่งที่คริสตชนจะต้องพูดความจริงจากใจ   เพราะนั่นเรากำลัง “นมัสการพระเจ้า”  เราได้อยู่ในสถานนมัสการพระองค์   เรามีชีวิตที่มีพระเจ้าทรงเป็นเอกเป็นใหญ่ในชีวิต   พระเจ้ากำลังกระทำพระราชกิจผ่านชีวิตของเรา    โลกปัจจุบันต้องการให้มีการสื่อสารความจริงจากใจอย่างมากที่สุด   โลกนี้ต้องการผู้ที่กล้าพูดความจริงจากความจริงใจของตน

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ

1. อะไรที่จะช่วยให้ท่านที่จะพูดความจริงจากใจของท่านในวันนี้?
2. ท่านเข้าใจความสัมพันธ์และเชื่อมโยงระหว่างการพูดความจริงกับพระเจ้าอย่างไรบ้าง?

ใคร่ครวญภาวนา

ข้าแต่พระเจ้า   แท้จริงแล้วพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งสัจจะ  พระองค์ทรงเป็นองค์แห่งความจริง   และความจริงนั้นมาจากพระองค์   ดังนั้น   ยิ่งข้าพระองค์ดำเนินชีวิตเปี่ยมด้วยความจริง   ยิ่งข้าพระองค์พูดความจริงจากใจ   ข้าพระองค์ก็จะยิ่งใกล้ชิดพระองค์มากยิ่งขึ้น   ข้าพระองค์จะได้ยกย่อง เทิดทูน และนมัสการพระองค์   และมีชีวิตที่ชื่นชมต่อพระพักตร์ของพระองค์   ข้าแต่พระเจ้าโปรดช่วยข้าพระองค์เป็นคนที่ให้สัจจะความจริงหลั่งไหลออกจากชีวิตจิตใจของข้าพระองค์ในทุกการกระทำและคำพูด

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า   ในวันนี้โปรดช่วยข้าพระองค์ให้มีกำลังชีวิตจากพระองค์ที่จะสำแดงความจริงจากใจแก่ทุกคนที่ข้าพระองค์เกี่ยวข้องสัมพันธ์   ให้ความจริงดังกล่าวเป็นสิ่งที่เสริมสร้าง  เปลี่ยนแปลง  แก้ไข  และเยียวยาสังคมที่ข้าพระองค์อยู่ร่วมด้วยกันในปัจจุบัน

ข้าพระองค์ทูลอธิษฐานขอพระองค์โปรดช่วยให้ข้าพระองค์พูดสัจจะจากใจจริง  ประทานพระปัญญาแก่ ข้าพระองค์  ประทานความกล้าจากเบื้องบน   หนุนเสริมกำลังข้าพระองค์ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์   เพื่อข้าพระองค์จะได้เป็นประชากรแห่งสัจจะความจริงของพระองค์   อาเมน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น