อ่านสดุดี 15:1-5
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดจะได้พักพิงในสถานนมัสการของพระองค์?
ผู้ใดจะได้อาศัยบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
คือผู้ดำเนินชีวิตอย่างไม่มีที่ติ
ผู้ที่ทำสิ่งที่ชอบธรรม
ผู้ที่พูดความจริงจากใจของตน
(ข้อ 1-2 อมตธรรม)
การพูดความจริงเป็นสิ่งที่ดี แต่การพูดความจริงที่ไม่ถูกกาลเทศะ หรือท่าทีน้ำเสียงของคนที่พูดความจริงบางครั้งก็ก่อเกิดความเจ็บปวด
หรือ สร้างความไม่สบายใจแก่ผู้ได้ยินได้ฟังได้เช่นกัน
เรื่องจริงเกิดขึ้นที่หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง เด็กหญิงคนหนึ่งกำลังช่วยคุณพ่อในการทำสวนดอกไม้หน้าบ้าน พอดี ส.ส. ที่เป็นเพื่อนบ้านที่อยู่บ้านด้านตรงกันข้ามเดินมาทักทายผู้เป็นพ่อ ยืนพูดคุยกัน
ส.ส. ท่านนี้ผมหงอกขาวโพลนทั้งศีรษะ
เด็กหญิงมองไปที่ ส.ส.
ด้วยท่าทางที่สนใจมาก
แล้วเด็กน้อยโพล่งออกมาว่า
“คุณลุงดูแก่นะคะ” ผู้เป็นพ่อแสดงความว้าวุ่นใจ แต่ท่าน ส.ส. พูดกับเด็กหญิงด้วยความเอ็นดูว่า
“ใช่ ลุงดูแก่มากใช่ไหมหนู?” แล้วยิ้มให้กับเด็กหญิง
เด็กน้อยรู้สึกพออกพอใจแล้วกลับไปง่วนกับการถอนหญ้าในแปลงดอกไม้หน้าลานบ้าน ส่วนผู้เป็นพ่อรีบขอโทษขอโพยท่าน ส.ส.
เป็นการใหญ่ แต่ท่าน ส.ส.
ไม่รู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดความจริงของเด็กหญิง
แต่กลับเกิดความเอ็นดูผู้พูดที่พูดความจริงจากใจของเธอ
ท่าน ส.ส.
เล่าถึงประสบการณ์ในงานอาชีพการเมืองของท่านว่า
การที่ใครผู้หนึ่งผู้ใดจะพูดความจริงในปัจจุบันจะต้องมีความกล้าหาญเพียงพอ เพราะในการพูดความจริงมีความเสี่ยงสูงในปัจจุบัน เสี่ยงต่อความขุ่นเคืองใจ ความไม่พอใจ
การโกรธเคืองจากคนที่ความจริงพาดพิงถึง
บ่อยครั้งจึงเลี่ยงที่จะพูดความจริงเพราะกลัวจะเกิดผลเสียกับตน ท่านกล่าวต่อไปว่า ในวงการเมืองปัจจุบัน หรือ
องค์กรที่เอาวัฒนธรรมการเมืองปัจจุบันไปใช้ในองค์กร คนพวกนี้จะมีแต่การพูดแบบบิดเบือน หลอกลวง
บางครั้งถึงใส่ความ
ที่พูดเท็จพูดไม่จริงทั้งสิ้นนี้เพราะเป็นการปกป้องผลประโยชน์ และ
อำนาจของตน ปัจจุบันนี้ สำหรับคนพวกนี้
ผลประโยชน์ อำนาจ ความมั่นคงในชีวิต เกียรติยศชื่อเสียงสำคัญกว่าการพูดความจริง ท่านกล่าวทิ้งท้าย
การพูดความจริงเป็นสิ่งที่ท้าทายในการดำเนินชีวิตของคริสตชน เพราะสำหรับคริสตชนแล้ว
การพูดความจริงจากใจของตนเป็นการสะท้อนถึงพระลักษณะ หรือ
พระฉายาของพระเจ้าประการหนึ่งผ่านการดำเนินชีวิตของเรา ยิ่งกว่านั้น
ตามพระธรรมที่เราอ่านในวันนี้จาก สดุดี 15:1-2
กล่าวว่า
ผู้ที่พูดความจริงจากใจของตนคือผู้ที่จะอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้า หรือ
ในที่นมัสการพระเจ้า
ในที่นี้มีความหมายถึงว่า
การที่คนๆ นั้นพูดความจริงจากใจนั้นเป็นการถวายเกียรติยกย่องเทิดทูนพระเจ้า ที่เขาพูดความจริงเพราะในชีวิตของเขาผู้นั้นมีพระเจ้าทรงเป็นใหญ่ในชีวิตของตน
ความคิดและจิตใจของเขาผู้นั้นใกล้ชิดติดสนิทอยู่กับพระเจ้า
การพูดความจริงจากใจของคริสตชนจึงไม่สามารถแยกออกจากการที่คนๆ
นั้นมีสัมพันธภาพที่ใกล้ชิดกับพระเจ้า
และคริสตชนเชื่อมากกว่านั้นว่า
การที่คริสตชนสามารถพูดความจริงได้มิใช่คริสตชนคนๆ
นั้นเก่งกาจกล้าหาญกว่าคริสตชนคนอื่นๆ
แต่ที่เขาคนนั้นสามารถพูดความจริงจากใจได้นั้นเพราะพระเจ้าทรงหนุนช่วยและให้พลังให้พูดความจริงจากใจ ผ่านทางการทรงทำงานขององค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตจิตใจของคนๆ
นั้น
“เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำพวกท่านสู่ความจริงทั้งมวล...”
(ยอห์น 16:13)
เมื่อใดที่เราพูดความจริงจากใจ ถึงแม้จะนำความเสี่ยงมาถึงเรา แต่เราได้ใกล้ชิดติดสนิทกับพระองค์
ดังนั้น
จำเป็นอย่างยิ่งที่คริสตชนจะต้องพูดความจริงจากใจ เพราะนั่นเรากำลัง “นมัสการพระเจ้า” เราได้อยู่ในสถานนมัสการพระองค์
เรามีชีวิตที่มีพระเจ้าทรงเป็นเอกเป็นใหญ่ในชีวิต พระเจ้ากำลังกระทำพระราชกิจผ่านชีวิตของเรา
โลกปัจจุบันต้องการให้มีการสื่อสารความจริงจากใจอย่างมากที่สุด โลกนี้ต้องการผู้ที่กล้าพูดความจริงจากความจริงใจของตน
ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ
1. อะไรที่จะช่วยให้ท่านที่จะพูดความจริงจากใจของท่านในวันนี้?
2. ท่านเข้าใจความสัมพันธ์และเชื่อมโยงระหว่างการพูดความจริงกับพระเจ้าอย่างไรบ้าง?
ใคร่ครวญภาวนา
ข้าแต่พระเจ้า
แท้จริงแล้วพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งสัจจะ พระองค์ทรงเป็นองค์แห่งความจริง และความจริงนั้นมาจากพระองค์ ดังนั้น
ยิ่งข้าพระองค์ดำเนินชีวิตเปี่ยมด้วยความจริง ยิ่งข้าพระองค์พูดความจริงจากใจ ข้าพระองค์ก็จะยิ่งใกล้ชิดพระองค์มากยิ่งขึ้น ข้าพระองค์จะได้ยกย่อง เทิดทูน
และนมัสการพระองค์ และมีชีวิตที่ชื่นชมต่อพระพักตร์ของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าโปรดช่วยข้าพระองค์เป็นคนที่ให้สัจจะความจริงหลั่งไหลออกจากชีวิตจิตใจของข้าพระองค์ในทุกการกระทำและคำพูด
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ในวันนี้โปรดช่วยข้าพระองค์ให้มีกำลังชีวิตจากพระองค์ที่จะสำแดงความจริงจากใจแก่ทุกคนที่ข้าพระองค์เกี่ยวข้องสัมพันธ์
ให้ความจริงดังกล่าวเป็นสิ่งที่เสริมสร้าง
เปลี่ยนแปลง แก้ไข และเยียวยาสังคมที่ข้าพระองค์อยู่ร่วมด้วยกันในปัจจุบัน
ข้าพระองค์ทูลอธิษฐานขอพระองค์โปรดช่วยให้ข้าพระองค์พูดสัจจะจากใจจริง ประทานพระปัญญาแก่ ข้าพระองค์ ประทานความกล้าจากเบื้องบน หนุนเสริมกำลังข้าพระองค์ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะได้เป็นประชากรแห่งสัจจะความจริงของพระองค์ อาเมน
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น