13 กุมภาพันธ์ 2556

Lent 1: พระเมตตากรุณาของพระเจ้า


อ่าน สดุดี 103
บิดาเอ็นดูสงสารบุตรของตนฉันใด
องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงเอ็นดูสงสารผู้ที่ยำเกรงพระองค์ฉันนั้น
เพราะพระองค์ทรงทราบว่าเราถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร
พระองค์ทรงระลึกว่าเราเป็นธุลีดิน 
(ข้อ 13-14 อมตธรรม)

อย่างที่กล่าวมาก่อนนี้แล้วว่า  Lent เริ่มต้นในวันพุธขี้เถ้า   เป็นที่งงสำหรับผมเองอย่างยิ่งว่า “วันพุธขี้เถ้าคืออะไรกันแน่?”   ผมเติบโตขึ้นมาในคริสตจักรโปรเตสแตนท์ ในสังกัด คริสตจักรภาคที่ 7  สภาคริสตจักรในประเทศไทย  ไม่เคยเรียนรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย

ต่อมาผมได้มาเรียนที่โรงเรียนพระคริสตธรรมเชียงใหม่ (ปัจจุบันเป็นวิทยาลัยพระคริสต์ธรรมแมคกิลวารี  เป็นคณะหนึ่งในมหาวิทยาลัยพายัพ)  ในช่วง 5-6 ปีแรกไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องวันพุธขี้เถ้า   จนมาในปีสุดท้ายถึงมีโอกาสร่วมในพิธีวันพุธขี้เถ้า   ขอสารภาพว่าในครั้งแรกนี้เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดกับพิธีนี้  แปลกประหลาดเพราะไม่เคยปฏิบัติมาก่อน   และผมบอกกับตนเองว่าผมอ่านพระคัมภีร์มาเป็นสิบๆ ปีไม่เห็นมีวันพุธขี้เถ้าในพระคัมภีร์สักแห่งเลย!

ผมร่วมในพิธีวันพุธขี้เถ้า   แต่ผมไม่ทำอย่างคนอื่นที่ทำกันในวันพุธขี้เถ้า (เพิ่งมาตระหนักว่าตนเป็นนักศึกษาที่ดื้อด้านพอประมาณทีเดียว!)   ผมเห็นอาจารย์เอาขี้เถ้า หรือ โคลนเถ้า มาป้ายทำสัญญลักษณ์กางเขนที่หน้าผากของนักศึกษาแต่ละคนที่สมัครใจ   พร้อมกับกล่าวว่า  “ท่านมาจากดิน  ท่านจะกลับไปเป็นธุลีดิน”

ทันทีเกิดคำถามขึ้นในใจ  “เอ ประโยคนี้คุ้นหูจริงๆ เราเคยได้ยินมาจากไหนนะ?”   ใช่   เราจะได้ยินประโยคที่คล้ายคลึงกันนี้ในพิธีฝังศพครับ   เอ้า...แล้วทำไมมาใช้ในวันพุธขี้เถ้าที่ว่านี้ล่ะ?

ประโยคนี้ดัดแปลงมาจากพระธรรมปฐมกาล 3:19 “...เพราะเจ้าเป็นธุลีดิน...เจ้าจะกลับคืนสู่ธุลีดิน” (อมตธรรม)   พระธรรมข้อนี้เตือนสติเราแต่ละคนว่า   เราเป็นผู้ที่อ่อนแอ  เปราะบาง  จำกัด  ขัดสนในความเป็นคน   และเราต้องไม่ลืมว่า  พระเจ้าตรัสประโยคนี้กับอาดัมและเอวา   เมื่อชีวิตของเขาทั้งสองต้องตกลงใต้อำนาจของซาตานผู้หลอกลวง   และผลที่จะได้รับคือชีวิตที่ต้องตกระกำลำบาก  แม้สิ่งดีที่จะได้รับเช่นบุตรก็ยังต้องพบกับสภาพความทุกข์ในชีวิต   และชีวิตของเขา “มาจากดิน ก็จะกลับคืนสู่ธุลีดิน”   ความหมายจริงๆ คือ  ผู้ประกอบพิธีพุธขี้เถ้ากำลังบอกกับเราแต่ละคนว่า  “ท่านจะต้องตาย”   มิใช่พิธีที่มีความชื่นชมยินดีแต่ประการใดเลย!

ด้วยเหตุนี้   ในพิธีพุธขี้เถ้าจึงเป็นช่วงเวลาที่เตือนสติผู้ที่เข้ามาร่วมว่า  ตั้งแต่วันนี้ไปอีก 6 อาทิตย์   เป็นช่วงเวลาที่เราจะต้องจริงจังทุ่มเทกับการพินิจพิจารณาใคร่ครวญถึงชีวิตที่เราดำเนินมาจนถึงวันนี้   ความจริงประการหนึ่งก็คือว่า  เราทุกคนมาจากธุลีดิน  ร่างกายของเราจะแตกสลายกลับคืนสู่ธุลีดิน...  เราทุกคนจะต้องตาย!   แต่ในเวลาเดียวกันความจริงประการที่สองที่ยิ่งใหญ่สำคัญกว่าประการที่หนึ่งสำหรับคริสตชนคือ “พระคุณของพระเจ้าที่ผ่านมาทางชีวิตและพระราชกิจของพระเยซูคริสต์”   เพราะในความตายนั้น พระเจ้าทรงประทานโอกาสแห่งชีวิตใหม่แก่มนุษย์แต่ละคน   Lent จึงเป็นช่วงเวลาที่เราคริสตชนแต่ละคนจะเปิดใจเปิดชีวิตรับความรักเมตตากรุณาของพระเจ้า   ที่จะทรงเสริมสร้างชีวิตใหม่ในตัวเรา   ถึงแม้ว่าเราจะต้องเสื่อมสลายกลับคืนสู่ธุลีดิน   แต่ความรักเมตตากรุณาของพระเจ้าจะมิเสื่อมสลาย   แต่เป็นพลังแห่งชีวิตใหม่ที่ปกป้องคุ้มครอง และ หนุนเสริมเพิ่มพลังจากพระเจ้า

วันนี้พุธขี้เถ้า  ที่เป็นวันเริ่มต้น Lent ของปี 2013 นี้   ขอให้เราเตือนสติกันและกันว่า “เราท่านนั้นเป็นธุลีดิน”   ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องการพึ่งพาในพระคุณความรักเมตตากรุณาของพระเจ้าในชีวิตแต่ละวันของเรา   ในช่วงเวลาของ Lent ให้เราจาริกไปด้วยความสำนึกและตระหนักรู้ว่า   พระเจ้าทรงรู้จักเราแต่ละคนอย่างดี   พระองค์รู้ว่าเราแต่ละคนถูกสร้างขึ้นอย่างไร   มีสภาพชีวิตเช่นไร  เปราะบางและมาจากธุลีดิน   แต่ความเมตตากรุณาของพระเจ้ามีล้นเหลือสำหรับเราแต่ละคน   และที่สำคัญคือ  พระคริสต์ทรงดำเนินเคียงข้างชีวิตเราแต่ละคนในแต่ละวัน  ในทุกสถานการณ์ชีวิตครับ

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ

1. ท่านเคยมีโอกาสเข้าร่วมในพิธีพุธขี้เถ้าหรือไม่?   ท่านรู้สึกเช่นไร?
2. ในแต่ละวันท่านเตือนสติตนเองว่าท่านมาจากธุลีดิน จะต้องกลับคืนสู่ธุลีดินหรือไม่?   การเตือนสติตนเองเช่นนี้ ท่านรู้สึกและมีผลกระทบเช่นไรต่อชีวิตประจำวันของท่าน?
3. ท่านจะตอบสนองต่อพระคุณเมตตากรุณาของพระเจ้าที่มีต่อท่านอย่างไร?

ใคร่ครวญภาวนา

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระคุณ   ในวันนี้ข้าพระองค์ตระหนักรู้แล้วว่า  ข้าพระองค์มาจากธุลีดิน  และจะต้องกลับคืนสู่ธุลีดิน   ชีวิตข้าพระองค์อ่อนแอ  จำกัด  ขัดสน และเปราะบาง  ข้าพระองค์จึงต้องการและพึ่งพาในพระกำลังและความรอดที่มาจากพระองค์

ข้าพระองค์ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงรู้ถึงความเป็นธุลีดินของข้าพระองค์  แต่กลับทรงห่วงใยในความอ่อนแอของข้าพระองค์   พระองค์มิได้ทรงละทิ้งข้าพระองค์   แต่พระองค์ทรงพระคุณเมตตากรุณาต่อข้าพระองค์   พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์แห่งความรักเมตตาคว้าและฉุดข้าพระองค์ไว้   แล้วทรงเมตตากรุณาเอาพระทัยใส่ชีวิตที่มาจากธุลีดินของข้าพระองค์  ที่ถูกแปดเปื้อนครอบงำจากอำนาจแห่งความบาป

เกินความคาดหมาย   พระองค์กลับเป็นผู้แบกรับความบาปผิดของข้าพระองค์บนกางเขน  ด้วยเหตุนี้เอง  ข้าพระองค์จึงต้องการพึ่งในพระคุณเมตตาของพระองค์   ข้าพระองค์ต้องการพระผู้ช่วยให้รอดคือพระองค์

โปรดทรงบ่มเพาะและฟูมฟักข้าพระองค์ในช่วงเวลาของ Lent ที่ข้าพระองค์จะใช้ชีวิตที่ใกล้ชิดติดสนิทกับพระองค์ในทุกเวลา   และข้าพระองค์ขอถวายชีวิตทั้งกาย ใจ และจิตวิญญาณแด่พระองค์   เพื่อขอทรงเตรียมพร้อมข้าพระองค์สำหรับข่าวดีของพระองค์ที่กำลังเข้ามาในชีวิตของข้าพระองค์

ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักเมตตากรุณา  อุดมด้วยพระคุณ  อาเมน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น