25 กุมภาพันธ์ 2556

Lent 6: ความเชื่อศรัทธา…มองทะลุสิ่งที่เห็น


อ่าน สดุดี 121

ข้าพเจ้าเงยหน้าดู(ภูเขา)เนินเขาทั้งหลาย
ความช่วยเหลือของข้าพเจ้ามาจากไหน?
ความช่วยเหลือของข้าพเจ้ามาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
(สดุดี 121:1-2  อมตธรรม,  ในวงเล็บสำนวนฉบับมาตรฐาน)

ในช่วงเวลา Lent หรือมหาพรตในปีนี้   ผมขอเชิญชวนพวกเราใคร่ครวญถึงความเชื่อศรัทธาของเราองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา   ความเชื่อศรัทธาของเราย่อมมีผลต่อความสัมพันธ์ที่เรามีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า    เปาโลได้สอนถึงเรื่องความเชื่อไว้ในจดหมายฝากหลากหลายตอน   และเรื่องความเชื่อศรัทธาเป็นเรื่องใหญ่สำหรับท่าน   ความเชื่อศรัทธาของท่านเป็นเรื่องจริงที่ปรากฏแล้วในประสบการณ์ชีวิตของผู้เชื่อคนอื่นๆ และ ประสบการณ์ชีวิตของท่านเอง   ดังนั้น จึงทำให้ท่านมั่นใจ และ ไว้วางใจที่จะติดตามพระคริสต์ด้วยชีวิตของท่านแม้ว่าท่านต้องเผชิญกับหลายสิ่งที่ในชีวิตท่านที่ยังไม่ปรากฏเป็นจริงอย่างเป็นรูปธรรมของตน   ท่านสอนว่า “เพราะว่าเราดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ   ไม่ใช่ด้วยสิ่งที่เรามองเห็น” (2โครินธ์ 5:7)

สดุดีข้างต้นบทนี้  เขียนจากประสบการณ์ตรงของอิสราเอล   ผู้ประพันธ์เพลงบทนี้เพื่อใช้ร้องโต้ตอบกันของบรรดาผู้เดินทางจาริกไปยังกรุงเยรูซาเล็ม  อิสราเอลต้องเดินทางผ่านทะเลทรายที่กว้างเวิ้งว้าง   แล้วต้องเผชิญหน้ากับภูเขาที่สูงชัน  และเดินทางเรียบข้างทางที่ฝั่งหนึ่งเป็นหน้าผาที่สูงตระหง่าน  แต่อีกฝั่งหนึ่งเป็นหุบเหวที่ลาดลึกสุดลูกหูลูกตา   และที่สำคัญคือเขาจะต้องออกแรงเดินขึ้นทางชันของภูเขา

เมื่อผู้จาริกสู่กรุงเยรูซาเล็มเขามองเห็นภูเขา...   ใช่เขาเห็นภูเขาที่สูงตระหง่าน   เขารู้ว่าเขาต้องออกแรงทุ่มกำลังที่จะปีนป่ายเขาลูกนี้ไปให้ได้

แต่ผู้จาริกเหล่านี้มองเห็นมากกว่าภูเขาที่สูงชัน  ที่ใหญ่โต  ตั้งมั่นคง หนักแน่น   พวกเขามองเห็นพระผู้ทรงสร้างภูเขานี้   แผ่นดินโลกนี้   ยิ่งกว่านั้น  เขาเห็นผู้ทรงสร้างสวรรค์ที่มิได้ประจักษ์เห็นด้วยสายตาของเขา

ใช่แล้วครับ  ผู้จาริกเหล่านี้เมื่อมองภูเขา  พวกเขาเห็นภูเขา   แต่ด้วยความเข้มแข็งของความเชื่อศรัทธา   เขามองทะลุเห็นเบื้องหลังของภูเขาที่ตั้งตระหง่าน  ใหญ่โต  มั่นคง   เขาเห็นถึงพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และโลก    ความเชื่อศรัทธามิได้อยู่ที่ความยิ่งใหญ่ และ ความมั่นคงของภูเขา    แต่ความเชื่อศรัทธาของพวกเขาอยู่ที่พระเจ้าผู้ทรงสร้างภูเขาที่สง่า มั่นคง ใหญ่โตนี้   และพระองค์มิได้สร้างเพียงภูเขานี้เท่านั้น   แต่ทรงสร้างทั้งแผ่นดินโลก  จักรวาล  และสวรรค์ด้วย

ยิ่งกว่านั้น พวกเขามองทะลุเห็นถึง การทรงช่วยเหลือ การอุปถัมภ์ค้ำชูที่พระเจ้าทรงมีในชีวิตของตน    ท่ามกลางความอันตรายในการจาริก   เมื่อมองเห็นภูเขาที่สูงทะมึนพวกเขากลับมองทะลุเห็นถึงการทรงอารักขาขององค์พระผู้เป็นเจ้า   ผู้ทรงตื่นอยู่เสมอ   ปกป้องพวกเขาให้พ้นจากภยันตรายทั้งสิ้น   พวกเขาเห็นถึงพระหัตถ์ของพระเจ้าที่ทรงอารักขาเขาทุกเวลา “ทั้งการเข้าการออก” ในชีวิตของพวกเขา  

ที่ชนอิสราเอลมองเห็นภูเขาแต่มองเห็นมากกว่าภูเขาเช่นนี้   เพราะเขามองสิ่งล้อมรอบชีวิตด้วยการมองที่มีรากฐานที่หยั่งลงในความเชื่อศรัทธา   ความเชื่อศรัทธาช่วยให้เขามองเห็นสิ่งที่มิได้ปรากฏหรือประจักษ์แก่ตาด้วย   ความเชื่อศรัทธาทำให้เขามองเห็นคุณค่าและความหมายของความทุกข์ยากแสนเข็ญในชีวิต  

ในวันนี้เมื่อเราอ่านพระวจนะ และ อธิษฐานต่อพระเจ้า   ทรงช่วยให้เรามองเห็นมากกว่า  พระคัมภีร์ตอนที่เราอ่านและเข้าใจและเห็นถึงพระองค์ผู้ทรงอยู่เบื้องหลังของเรื่องราวในพระธรรมตอนนั้น   ให้เรามั่นใจว่าเมื่อเราอธิษฐานนั้นมีมากกว่าพูดคุยกับพระเจ้าเท่านั้น

บนรากฐานแห่งความเชื่อศรัทธา   เราได้เห็นถึงพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระเจ้า   ที่เคยทำพระราชกิจของพระองค์ในอดีตกาล   พระองค์ก็ทรงประสงค์ทำพระราชกิจในชีวิตและผ่านชีวิตของเราแต่ละคนในวันนี้   และพระองค์คาดหวังการตอบสนองของเรา   ทั้งความคิด  จิตใจ  ความไว้วางใจ    การเชื่อฟังและยอมกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์

เมื่อเราอธิษฐานมิเพียงแต่เราระบายความในใจกับพระเจ้า  และพระองค์กำลังฟังเราเท่านั้น    แต่บนรากฐานแห่งความเชื่อศรัทธา   เรามั่นใจว่า  พระองค์จะทรงตอบ  ทรงกระตุ้น  ลุ้น  นำ  และชี้นำทั้งจิตสำนึก  ความเข้าใจ   ความคิด  และความตระหนักชัดว่า  อะไรคือวิถีทางที่พระองค์ทรงประสงค์ให้เราดำเนินไป

ยิ่งกว่านั้น   เมื่อเราอธิษฐานบนรากฐานความเชื่อศรัทธา   เรามั่นใจว่า  สิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่ต้องการให้เราดำเนิน และ กระทำแล้ว   พระองค์ทรงเตรียมพร้อมทักษะ ความสามารถ  และของประทาน  ไม่ว่าเครื่องมือ  เพื่อนฝูงรอบข้าง  หรือผู้คนหนุนช่วยพร้อม    เพียงแต่เราต้องกล้าที่จะก้าวออกไปด้วยก้าวแรกแห่งความเชื่อฟังก่อน   แล้วการเปลี่ยนแปลงขับเคลื่อนก้าวต่อๆ มาก็จะปรากฏเป็นจริงขึ้น   และพระเจ้าจะทรงทำให้เรามีความเชื่อศรัทธาที่เติบโต และ แข็งแรงขึ้น

ในวันนี้   เมื่อท่านมองเห็นสามี ภรรยา  ลูก  หลาน  สิ่งต่างๆ   เห็นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   เมื่อท่านพบปะเพื่อนฝูง  เจ้านาย  ลูกน้องในที่ทำงาน   เมื่อท่านได้พบปะสังสรรค์เพื่อนสนิทมิตรสหายในวันนี้    ขอท่านมุ่งมองด้วยดวงตาแห่งความเชื่อศรัทธา   เพื่อท่านจะสามารถมองทะลุสิ่งที่เห็นไปยังองค์ผู้อยู่เบื้องหลังของสิ่งทั้งหลาย   เพื่อที่ท่านจะมองเห็นผู้ที่ค้ำจุนและยกชูชีวิตของผู้คนที่พระองค์ทรงสร้าง    มองเห็นพระประสงค์ของพระองค์ในชีวิตของท่าน

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ

1. ท่านเคยมีประสบการณ์เหมือนกับผู้เขียนสดุดี บทที่ 121 หรือไม่?  ถ้าเคยขอช่วยเล่าให้ฟังด้วย?

2. อะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้การมองเห็นของท่านแต่ละครั้งมองเห็นแต่สิ่งที่ประจักษ์   แต่ไม่สามารถมองเห็นทะลุถึงคุณค่าและความหมายสำคัญสุดที่เราควรจะมองเห็นในฐานะคริสตชน  องค์ผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังสิ่งที่เราประจักษ์เห็นนั้น?

ใคร่ครวญภาวนา

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า   ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงเคียงข้างข้าพระองค์ในทุกที่ทุกสถานการณ์   ขอบพระคุณสำหรับพระเมตตาคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อชีวิตของข้าพระองค์

ในวันนี้เมื่อข้าพระองค์มุ่งมองเห็นสิ่งต่างๆ รายล้อมรอบข้าพระองค์   โปรดกระตุ้นหนุนเสริมข้าพระองค์ให้ตระหนักชัดว่า   พระองค์ทรงอยู่เบื้องหลังสิ่งต่างๆ ที่ข้าพระองค์เห็น และ สถานการณ์ต่างๆ ที่ข้าพระองค์ได้พบเจอ   โปรดช่วยข้าพระองค์มีความเชื่อศรัทธาพอที่ข้าพระองค์จะสามารถมองทะลุสิ่งที่เห็น   เพื่อข้าพระองค์จะพบพระองค์ที่ทรงอยู่เบื้องหลังของทุกสิ่ง   และยิ่งกว่านั้นได้รู้ว่าพระองค์มีพระประสงค์อะไรในชีวิตของข้าพระองค์ในคนนั้น  สิ่งนั้น  สถานการณ์นั้นๆ  เพื่อข้าพระองค์จะเรียนรู้  และดำเนินชีวิตตามพระประสงค์   ได้ประสบการณ์   เกิดการเติบโตในชีวิตจิตวิญญาณ

ทูลขอในพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์  อาเมน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น