อ่าน
สดุดี 121
ข้าพเจ้าเงยหน้าดู(ภูเขา)เนินเขาทั้งหลาย
ความช่วยเหลือของข้าพเจ้ามาจากไหน?
ความช่วยเหลือของข้าพเจ้ามาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
(สดุดี 121:1-2 อมตธรรม, ในวงเล็บสำนวนฉบับมาตรฐาน)
ในช่วงเวลา Lent
หรือมหาพรตในปีนี้
ผมขอเชิญชวนพวกเราใคร่ครวญถึงความเชื่อศรัทธาของเราองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
ความเชื่อศรัทธาของเราย่อมมีผลต่อความสัมพันธ์ที่เรามีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
เปาโลได้สอนถึงเรื่องความเชื่อไว้ในจดหมายฝากหลากหลายตอน
และเรื่องความเชื่อศรัทธาเป็นเรื่องใหญ่สำหรับท่าน
ความเชื่อศรัทธาของท่านเป็นเรื่องจริงที่ปรากฏแล้วในประสบการณ์ชีวิตของผู้เชื่อคนอื่นๆ
และ ประสบการณ์ชีวิตของท่านเอง ดังนั้น
จึงทำให้ท่านมั่นใจ และ ไว้วางใจที่จะติดตามพระคริสต์ด้วยชีวิตของท่านแม้ว่าท่านต้องเผชิญกับหลายสิ่งที่ในชีวิตท่านที่ยังไม่ปรากฏเป็นจริงอย่างเป็นรูปธรรมของตน ท่านสอนว่า
“เพราะว่าเราดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ
ไม่ใช่ด้วยสิ่งที่เรามองเห็น” (2โครินธ์ 5:7)
สดุดีข้างต้นบทนี้ เขียนจากประสบการณ์ตรงของอิสราเอล ผู้ประพันธ์เพลงบทนี้เพื่อใช้ร้องโต้ตอบกันของบรรดาผู้เดินทางจาริกไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
อิสราเอลต้องเดินทางผ่านทะเลทรายที่กว้างเวิ้งว้าง แล้วต้องเผชิญหน้ากับภูเขาที่สูงชัน และเดินทางเรียบข้างทางที่ฝั่งหนึ่งเป็นหน้าผาที่สูงตระหง่าน
แต่อีกฝั่งหนึ่งเป็นหุบเหวที่ลาดลึกสุดลูกหูลูกตา และที่สำคัญคือเขาจะต้องออกแรงเดินขึ้นทางชันของภูเขา
เมื่อผู้จาริกสู่กรุงเยรูซาเล็มเขามองเห็นภูเขา... ใช่เขาเห็นภูเขาที่สูงตระหง่าน เขารู้ว่าเขาต้องออกแรงทุ่มกำลังที่จะปีนป่ายเขาลูกนี้ไปให้ได้
แต่ผู้จาริกเหล่านี้มองเห็นมากกว่าภูเขาที่สูงชัน ที่ใหญ่โต
ตั้งมั่นคง หนักแน่น
พวกเขามองเห็นพระผู้ทรงสร้างภูเขานี้
แผ่นดินโลกนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาเห็นผู้ทรงสร้างสวรรค์ที่มิได้ประจักษ์เห็นด้วยสายตาของเขา
ใช่แล้วครับ
ผู้จาริกเหล่านี้เมื่อมองภูเขา
พวกเขาเห็นภูเขา
แต่ด้วยความเข้มแข็งของความเชื่อศรัทธา
เขามองทะลุเห็นเบื้องหลังของภูเขาที่ตั้งตระหง่าน ใหญ่โต
มั่นคง
เขาเห็นถึงพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และโลก ความเชื่อศรัทธามิได้อยู่ที่ความยิ่งใหญ่ และ
ความมั่นคงของภูเขา
แต่ความเชื่อศรัทธาของพวกเขาอยู่ที่พระเจ้าผู้ทรงสร้างภูเขาที่สง่า มั่นคง
ใหญ่โตนี้
และพระองค์มิได้สร้างเพียงภูเขานี้เท่านั้น แต่ทรงสร้างทั้งแผ่นดินโลก จักรวาล
และสวรรค์ด้วย
ยิ่งกว่านั้น พวกเขามองทะลุเห็นถึง
การทรงช่วยเหลือ การอุปถัมภ์ค้ำชูที่พระเจ้าทรงมีในชีวิตของตน ท่ามกลางความอันตรายในการจาริก เมื่อมองเห็นภูเขาที่สูงทะมึนพวกเขากลับมองทะลุเห็นถึงการทรงอารักขาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงตื่นอยู่เสมอ ปกป้องพวกเขาให้พ้นจากภยันตรายทั้งสิ้น พวกเขาเห็นถึงพระหัตถ์ของพระเจ้าที่ทรงอารักขาเขาทุกเวลา
“ทั้งการเข้าการออก” ในชีวิตของพวกเขา
ที่ชนอิสราเอลมองเห็นภูเขาแต่มองเห็นมากกว่าภูเขาเช่นนี้
เพราะเขามองสิ่งล้อมรอบชีวิตด้วยการมองที่มีรากฐานที่หยั่งลงในความเชื่อศรัทธา
ความเชื่อศรัทธาช่วยให้เขามองเห็นสิ่งที่มิได้ปรากฏหรือประจักษ์แก่ตาด้วย
ความเชื่อศรัทธาทำให้เขามองเห็นคุณค่าและความหมายของความทุกข์ยากแสนเข็ญในชีวิต
ในวันนี้เมื่อเราอ่านพระวจนะ และ อธิษฐานต่อพระเจ้า ทรงช่วยให้เรามองเห็นมากกว่า พระคัมภีร์ตอนที่เราอ่านและเข้าใจและเห็นถึงพระองค์ผู้ทรงอยู่เบื้องหลังของเรื่องราวในพระธรรมตอนนั้น ให้เรามั่นใจว่าเมื่อเราอธิษฐานนั้นมีมากกว่าพูดคุยกับพระเจ้าเท่านั้น
บนรากฐานแห่งความเชื่อศรัทธา
เราได้เห็นถึงพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระเจ้า ที่เคยทำพระราชกิจของพระองค์ในอดีตกาล พระองค์ก็ทรงประสงค์ทำพระราชกิจในชีวิตและผ่านชีวิตของเราแต่ละคนในวันนี้ และพระองค์คาดหวังการตอบสนองของเรา ทั้งความคิด
จิตใจ ความไว้วางใจ การเชื่อฟังและยอมกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์
เมื่อเราอธิษฐานมิเพียงแต่เราระบายความในใจกับพระเจ้า และพระองค์กำลังฟังเราเท่านั้น แต่บนรากฐานแห่งความเชื่อศรัทธา เรามั่นใจว่า
พระองค์จะทรงตอบ ทรงกระตุ้น ลุ้น
นำ และชี้นำทั้งจิตสำนึก ความเข้าใจ
ความคิด และความตระหนักชัดว่า
อะไรคือวิถีทางที่พระองค์ทรงประสงค์ให้เราดำเนินไป
ยิ่งกว่านั้น
เมื่อเราอธิษฐานบนรากฐานความเชื่อศรัทธา
เรามั่นใจว่า
สิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่ต้องการให้เราดำเนิน และ กระทำแล้ว พระองค์ทรงเตรียมพร้อมทักษะ ความสามารถ และของประทาน
ไม่ว่าเครื่องมือ
เพื่อนฝูงรอบข้าง หรือผู้คนหนุนช่วยพร้อม
เพียงแต่เราต้องกล้าที่จะก้าวออกไปด้วยก้าวแรกแห่งความเชื่อฟังก่อน แล้วการเปลี่ยนแปลงขับเคลื่อนก้าวต่อๆ มาก็จะปรากฏเป็นจริงขึ้น
และพระเจ้าจะทรงทำให้เรามีความเชื่อศรัทธาที่เติบโต และ แข็งแรงขึ้น
ในวันนี้
เมื่อท่านมองเห็นสามี ภรรยา
ลูก หลาน สิ่งต่างๆ
เห็นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อท่านพบปะเพื่อนฝูง เจ้านาย
ลูกน้องในที่ทำงาน
เมื่อท่านได้พบปะสังสรรค์เพื่อนสนิทมิตรสหายในวันนี้ ขอท่านมุ่งมองด้วยดวงตาแห่งความเชื่อศรัทธา เพื่อท่านจะสามารถมองทะลุสิ่งที่เห็นไปยังองค์ผู้อยู่เบื้องหลังของสิ่งทั้งหลาย เพื่อที่ท่านจะมองเห็นผู้ที่ค้ำจุนและยกชูชีวิตของผู้คนที่พระองค์ทรงสร้าง มองเห็นพระประสงค์ของพระองค์ในชีวิตของท่าน
ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ
1. ท่านเคยมีประสบการณ์เหมือนกับผู้เขียนสดุดี
บทที่ 121 หรือไม่? ถ้าเคยขอช่วยเล่าให้ฟังด้วย?
2.
อะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้การมองเห็นของท่านแต่ละครั้งมองเห็นแต่สิ่งที่ประจักษ์
แต่ไม่สามารถมองเห็นทะลุถึงคุณค่าและความหมายสำคัญสุดที่เราควรจะมองเห็นในฐานะคริสตชน องค์ผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังสิ่งที่เราประจักษ์เห็นนั้น?
ใคร่ครวญภาวนา
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงเคียงข้างข้าพระองค์ในทุกที่ทุกสถานการณ์
ขอบพระคุณสำหรับพระเมตตาคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อชีวิตของข้าพระองค์
ในวันนี้เมื่อข้าพระองค์มุ่งมองเห็นสิ่งต่างๆ รายล้อมรอบข้าพระองค์
โปรดกระตุ้นหนุนเสริมข้าพระองค์ให้ตระหนักชัดว่า พระองค์ทรงอยู่เบื้องหลังสิ่งต่างๆ ที่ข้าพระองค์เห็น
และ สถานการณ์ต่างๆ ที่ข้าพระองค์ได้พบเจอ
โปรดช่วยข้าพระองค์มีความเชื่อศรัทธาพอที่ข้าพระองค์จะสามารถมองทะลุสิ่งที่เห็น เพื่อข้าพระองค์จะพบพระองค์ที่ทรงอยู่เบื้องหลังของทุกสิ่ง และยิ่งกว่านั้นได้รู้ว่าพระองค์มีพระประสงค์อะไรในชีวิตของข้าพระองค์ในคนนั้น สิ่งนั้น
สถานการณ์นั้นๆ เพื่อข้าพระองค์จะเรียนรู้ และดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ ได้ประสบการณ์ เกิดการเติบโตในชีวิตจิตวิญญาณ
ทูลขอในพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ อาเมน
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น