ผู้คนมักจะถามว่า
“อะไรคือสิ่งที่จำเป็นต้องมีที่สุดในภาวะผู้นำ?”
หลายคนต้องการมีภาวะผู้นำ ต้องการที่จะมีชีวิตมีบารมีอิทธิพลและสร้างผลกระทบต่อผู้อื่น แต่กลับเป็นคนที่ขาดด้อยความอดทนที่จะแข็งขันหมั่นเพียรในการที่จะแสวงหาการเรียนรู้และการเติบโตในชีวิตที่สม่ำเสมอและต่อเนื่อง
จอห์น แมกซ์แวลล์ เคยตอบคำถามข้างต้นไว้ว่า
“สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดที่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่จำเป็นต้องมีก็คือ...มีมากกว่าหนึ่งสิ่งที่คุณจะต้องรู้เกี่ยวกับภาวะผู้นำ”
ไม่มีเส้นทางลัดที่จะนำคนขึ้นไปสู่จุดหมายปลายยอด แล้วก็ไม่มี “แหล่งลับลี้”
ของการสร้างภาวะผู้นำ หรือ ก็ไม่มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ใดที่คนนั้นดื่มเข้าไปแล้วจะทำให้เขากลายเป็นผู้นำที่เลิศเลอขึ้นในทันที จอห์น แมกซ์แวลล์
ได้เขียนบทความสรุปประเด็นที่สุดของภาวะผู้นำไว้ 10
ประการดังนี้
1. ชัยชนะสุดยอดของผู้นำคือ... การชนะตนเอง
คนส่วนมากมักคิดถึงชัยชนะของผู้นำคือการที่ผู้นำนั้นมีชัยชนะเหนือคนอื่น หรือการที่ทำให้ฝ่ายตรงกันข้ามต้องพ่ายแพ้ หรือการที่อยู่เหนือกว่าคู่แข่ง แต่เพลโตเคยกล่าวไว้ว่า
ชัยชนะอันดับแรกและเป็นชัยชนะที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือชัยชนะที่มีเหนือตนเอง
ผู้นำหลายต่อหลายคนที่มักถูกผจญจากผลประโยชน์ส่วนตน
แม้ลูกน้องหรือลูกทีมมักมีแนวโน้มที่คิดถึงแต่ตนเองก่อน แต่ผู้นำจะต้องเรียนรู้ที่จะให้คนอื่นนำหน้า
ผู้นำต้องคิดถึงผู้อื่นมากกว่าหมกมุ่นคิดถึงแต่สิ่งที่ตนเองอยากได้ หรือผลประโยชน์เพื่อตนเองก่อน
2. สิ่งที่มีคุณค่ายิ่งสำหรับผู้นำคือ เป็นคนที่ไว้ใจได้(ทั้งของผู้อื่นและตนเอง)
การเป็นคนที่ผู้คนรอบข้างไว้วางใจคือรากฐานความสำเร็จประการหนึ่งของผู้นำ และการที่ผู้นำมีความมั่นใจในตนเองก็จะช่วยให้เขามีสายตามุมมองในการมองคนอื่นในทางสร้างสรรค์ และเชื่อมั่นในคนอื่นด้วย
3. ความหนักแน่นที่สุดของภาวะผู้นำคือ ความรับผิดชอบในการนำ
ความหนักแน่นของผู้นำมิได้วัดกันที่ความกล้าบ้าบิ่นในการตัดสินใจของผู้นำ แต่ความหนักแน่นของผู้นำคือความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจของตน ด้วยความมุ่งมั่นรับผิดชอบเช่นนี้เอง ผู้นำที่หนักแน่นจะไม่โยนกลองความผิดไปให้ลูกน้อง หรือแก้ตัวกล่าวอ้างถึงความเลวร้ายของดินฟ้าอากาศ
หรือกล่าวร้ายป้ายสีความเลวร้ายของฝ่ายตรงกันข้าม
หรือบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบเพราะเงื่อนไขปัจจัยอื่นใด แต่ผู้นำที่หนักแน่นยอมรับผลที่เกิดขึ้นว่าเป็นความรับผิดชอบของตน
4.
วินัยที่สำคัญยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้นำคือ
ใช้เวลาในการคิด
เหตุผลประการหนึ่งที่ผู้นำไม่สามารถพัฒนาเป็นผู้นำที่เติบโตอย่างมีคุณภาพคือ
ผู้นำท่านนั้นมุ่งที่จะเปลี่ยนผลที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้เปลี่ยนความคิดของตนเอง ผลที่เกิดขึ้นในชีวิตแต่ละเรื่องแต่ละราวเป็นผลที่เกิดขึ้นจากความคิดของเราที่ผ่านมา
แต่ชีวิตที่จะเป็นไปในวันพรุ่งนี้มันอยู่ในการคิดการตัดสินใจของเราในวันนี้ ถ้าเราปรารถนาที่จะอยู่เหนือสถานการณ์แวดล้อมทั้งหลายของเรา แล้วต้องการขับเคลื่อนขึ้นสู่อีกระดับหนึ่งในการทำงานชีวิตของเรา ถ้าเช่นนั้นเราต้องคิดพิจารณา แก้ไข ปรับปรุง
และพัฒนาความคิดของเราก่อน
5. จุดอ่อนแอเปราะบาง หรือ
อุปสรรคก้อนโตที่สุดของผู้นำคือ
คามผยองพองตัว ยโสโอหัง
การผยองพองตน
สำคัญผิดคิดว่าตนเป็นผู้สำคัญเกินกว่าความจริงเป็นเหตุให้ผู้นั้นมีคุณค่าลดลงในสายตาและความรู้สึกของผู้อื่น
เป็นผู้นำประเภททำทุกหนทางที่จะตักตวงสิ่งดีใส่ตัว เพื่อที่จะได้รับการยกย่องสรรเสริญจากคนอื่น ผู้นำที่ผยองพองตนมักเบียดและเขี่ยให้คนอื่นตกขอบจากความสำคัญเด่นดัง ผลที่ได้รับคือการแปลกแยกปลีกตน และ สูญเสียเพื่อนร่วมงาน ทีมงานที่ดีๆ ของเขา
แล้วจบลงด้วยการที่จะต้องแสวงหาทีมงานใหม่
แต่ภาระงานที่หนักอึ้งข้างหน้ามิได้รับการรับผิดชอบ
6.
“วันนี้”
คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผู้นำ
ผู้นำแสวงหาโอกาส และผู้นำมักรู้สึกว่าโอกาสไม่ใช่สิ่งที่จะคว้าหมับไว้ได้ง่ายๆ
มันมักจะหลุดไหลออกจากกำมือของเราผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วมือ แล้วก็มักเป็นสิ่งที่ผู้นำบางคนใช้กล่าวว่าอ้างว่า
ถ้าเขามีโอกาสอย่างนั้นอย่างนี้เขาจะสามารถสร้างความแตกต่างของผลที่เกิดขึ้น แต่นั่นเป็นผู้นำที่ใช้อดีตในการแก้ตัว หรือฟอกภาพลักษณ์ของตน แต่ผู้นำกลุ่มนี้มักมองเมินความจริงที่ว่า
วันนี้คือโอกาสตัวจริงที่เขาจะคว้าฉุดและใช้ให้เกิดผล
ผลหรือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเนื่องจากปัจจัยเงื่อนไขในอดีตมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว
มันเป็นผลที่เกิดขึ้นเบ็ดเสร็จในตัวของมันแล้ว แต่ปัจจุบันเป็นโอกาสที่อยู่ข้างหน้าเราที่เราสามารถทุ่มเทความคิดความตั้งใจและพลังชีวิตของเราในการใช้โอกาสนี้ในการจัดการ ดังนั้น
ให้เราเปิดใจกว้างด้วยมีสติ
และมองสิ่งที่อยู่ข้างหน้าให้เห็นชัดเจนตามความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ย่อมเป็นโอกาสสำหรับเราจะสร้างสรรค์สิ่งดีที่จะตามมาจากการทุ่มเทจัดการของเรา
7. สิ่งที่เป็นความสูญเสียสูงสุดของผู้นำคือ การสูญเสียความหวัง
ความหวัง
เป็นหนึ่งในความสำคัญยิ่งในชีวิตของผู้คน
เพราะความหวังในชีวิตคือพลังที่ผลักดันขับเคลื่อนชีวิตของคนๆ นั้น ที่สร้างผลกระทบต่อสังคมคนรอบข้างด้วย
ความหวังเป็นพลังใจพลังชีวิตที่หนุนเนื่องเราให้คนๆ นั้นทนสู้ ยืนหยัด
และเหนียวแน่นในยามที่ชีวิตประสบพบกับวิกฤติที่ยากลำบากสุดๆ และเช่นเดียวกัน ความหวังเป็นพลังที่ทำให้ชีวิตของเรามีชีวิตชีวาตื่นเต้น และทำให้เราคาดหวังในสิ่งที่อยู่ข้างหน้า เป็นแรงผลักดันให้เราก้าวเข้าไปในพรมแดนของอนาคต
ความหวังคือ
เหตุผลที่เรายังมีชีวิตอยู่
ความหวังคือตัวเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นความเป็นไปได้
ความหวังให้พลังความกล้าหาญในชีวิตที่เราทุกคนต้องการ ความหวังเป็นแสงสว่างที่ปลายถ้ำอีกข้างหนึ่งที่เรามุ่งหน้าไล่ล่าตามติดให้ถึง ดังนั้น
ถ้าผู้นำสูญเสียความหวังก็สูญเสียความเป็นผู้นำอย่างสิ้นเชิง
8.
ความผิดพลาดที่มหันต์ของผู้นำคือ
เอาตนเองเป็นเอกเหนือคนอื่น
ผู้นำที่หมกมุ่นครุ่นคิดถึงแต่ตนเองเป็นสูตรการเป็นผู้นำที่ไร้ประสิทธิภาพ
และสิ้นคิด เป็นผู้นำที่เราสามารถเห็นดาษดื่นทั่วไป มักเป็นผู้นำที่ให้ทีมงานหรือลูกน้องทำให้แผนงานของผู้นำสำเร็จ หรือทำตามแผนงานของผู้นำ...
แต่ทำนายได้เลยว่า
ผู้นำคนนั้นจะไม่ได้ผลตามใจปรารถนาที่ตั้งไว้
แต่ผู้นำที่มีวุฒิภาวะจะให้ความสนใจและความสำคัญแก่ความจำเป็นต้องการของทีมงานหรือลูกน้องเป็นเสมือนความจำเป็นต้องการของผู้นำเอง
แทนที่ผู้นำมุ่งมองที่จะใช้คุณค่าและความสามารถของลูกน้องเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จในวิสัยทัศน์ของตน แต่ผู้นำที่มีวุฒิภาวะที่เพิ่มพูนหนุนเสริมคุณค่าคนในทีมงาน
หมายความว่าผู้นำหนุนเสริมให้ลูกทีมได้ไปถึงเป้าหมายในชีวิตของพวกเขา
ผู้นำแบบนี้มีเป้าหมายปลายทางในการเป็นผู้นำคือ การรับใช้ทีมงานที่ทำงานด้วยกัน แทนที่จะดูดดึงทักษะความสามารถ และ
ศักยภาพของทีมงานรับใช้แผนงานต่างๆ ของผู้นำเอง
จอห์น แมกซ์แวล เคยกล่าวว่า
ท่านมีประสบการณ์และได้เรียนรู้ว่า
ความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับเมล็ดที่เราหว่านลงไป มิใช่สิ่งที่เราเก็บเกี่ยวได้
9. คำทูลขออธิษฐานที่ยิ่งใหญ่ของผู้นำคือ ปัญญาจากเบื้องบน
ในพระธรรม 1 พงศ์กษัตริย์
บทที่ 3
พระเจ้าจะประทานสิ่งที่กษัตริย์โซโลมอนจะทูลขอจากพระองค์ แทนที่โซโลมอนจะทูลขอความมั่งคั่งร่ำรวย ชื่อเสียงเกียรติยศ แต่ท่านทูลขอ “ปัญญา” จากพระเจ้าว่า
“พระองค์ทรงสำแดงความรักมั่นคงอันยิ่งใหญ่แก่ดาวิดผู้เป็นบิดาของข้าพระองค์และเป็นผู้รับใช้ของพระองค์...แต่ข้าพระองค์เป็นเพียงเด็กเล็ก
ข้าพระองค์ไม่ทราบว่าจะดำเนินการปกครองอย่างไรถูก และผู้รับใช้ของพระองค์ก็อยู่ท่ามกลางประชากรของพระองค์ผู้ซึ่งพระองค์ทรงเลือกไว้ เป็นประชาชาติใหญ่ ซึ่งไม่สามารถนับหรือคำนวณได้ ฉะนั้น ขอพระองค์ประทานความคิดความเข้าใจแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะวินิจฉัยประชากรของพระองค์
เพื่อแยกแยะความแตกต่างระหว่างดีกับชั่วได้ เพราะใครจะสามารถวินิจฉัยประชากรมากมายนี้ของพระองค์ได้?
(ข้อ 6-9
ฉบับมาตรฐาน)
ในการเป็นผู้นำ
เราจะต้องประสบพบเจอกับสถานการณ์ที่เราไม่เคยพบไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เราอาจจะถูกบีบรัดผลักดันให้ต้องตัดสินใจ ภายใต้ภาวการณ์ที่ไม่แน่นอน สุ่มเสี่ยง และเปราะบาง
ที่จะสร้างผลกระทบต่อสวัสดิภาพและคุณภาพชีวิตของผู้คนอื่น ในภาวะเช่นนี้ผู้นำที่ดีคือผู้นำที่แสวงหาความรู้ความเข้าใจ ผู้นำที่แสวงหาการเรียนรู้มาตลอด ย่อมมีความแหลมคมมากกว่า เพราะผู้นำเหล่านี้จะเรียนรู้ และ พัฒนาทักษะใหม่ๆ สม่ำเสมอต่อเนื่อง จนเกิดเป็นองค์ความรู้ในตัวผู้นำ
ที่ผู้นำกลุ่มอื่นด้อยขาดพลังความรู้และปัญญาเช่นนี้ เพราะขาดการติดตามแสวงหาความรู้ ความเข้าใจ
และฝึกฝนทักษะอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง
10. ความปีติชื่นชมสุดๆ ของผู้นำคือ
เมื่อได้เพิ่มหนุนคุณค่าในคนอื่น
คนส่วนมากมักเห็นว่าสิ่งที่ดียิ่งใหญ่สุดของภาวะผู้นำคือ การที่สามารถบรรลุความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ด้วยความกล้าหาญ ไม่ว่าในด้านธุรกิจ หรือการชนะในการแข่งขันต่างๆ คงต้องบอกว่าไม่ใช่สิ่งผิดอันใดในการที่จะมีความก้าวหน้าบรรลุสำเร็จตามเป้าหมายในการงานที่ทำ แต่สิ่งนี้มิได้นำความปีติชื่นชมมาสู่ชีวิตของคนๆ
นั้นเสมอไป แต่สิ่งที่นำความชื่นชมปีติมาสู่ผู้นำเสมอคือสัมพันธภาพ
ถ้วยรางวัล โล่ ยกย่องเกียรติคุณสักพักหนึ่งแล้วมันก็เป็นที่เกาะยึดของฝุ่นในบ้านในสำนักงาน เป็นการทำให้ผู้นำได้รับมีความชื่นชมปีติเพียงชั่วครู่ชั่วยาม แต่สิ่งที่จะคงเหลือที่ยาวนานยั่งยืนกว่าในชีวิตของคนเราคือความสัมพันธ์
อะไรอีกล่ะที่จะนำมาซึ่งความปีติชื่นชมและความพึงพอใจที่ทำให้ชีวิตมีความชุ่มชื่นไปกว่าการที่ผู้นำเสริมหนุนให้คน ทีมงานที่เขารักได้รับการเสริมเพิ่มคุณค่าในชีวิตของพวกเขาเกิดความปีติชื่นชม นั่นเป็นความชื่นชมยินดีที่สุดของผู้นำ
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น