อ่าน
ยอห์น 19:16-27
แล้วปีลาตจึงมอบพระองค์ให้เขาไปตรึงที่กางเขน พวกทหารจึงพาพระเยซูไป
และพระองค์ทรงแบกกางเขนของพระองค์ไปยังที่ที่เรียกว่า กะโหลกศีรษะ ภาษาฮีบรูเรียกว่า กลโกธา
ที่นั่นพวกเขาตรึงพระเยซูไว้ที่กางเขนพร้อมกับชายอีกสองคน คนละข้าง โดยมีพระเยซูอยู่ตรงกลาง
(ข้อ 16-19 ฉบับมาตรฐาน)
ในช่วงเวลาที่มืดมิดในชีวิตของพระเยซู
เตือนเราระลึกถึงว่า
มีบางเส้นทางชีวิตที่เราต้องเดินไปอย่างโดดเดี่ยว
กางเขนเตือนผมให้ระลึกถึง...
ความโหดร้ายรุนแรง
ความชั่วร้ายที่น่าเกลียดน่าชัง
สิ่งที่ทำให้ชีวิตตกอยู่ในความเศร้าสลด
การถูกหักหลังทรยศอย่างอยุติธรรม ด้วยการหลอกลวงเล่ห์เหลี่ยม
คนที่บริสุทธิ์ไร้ผิดต้องตกเป็นเหยื่อของความทรมานเจ็บปวด
และ ได้รับความอดสู
ในขณะที่คนมีอำนาจคบคิด
วางแผนเพทุบายอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
อย่างไรก็ตาม “เลือดที่ต้องหลั่งออก” และ “ความฉ้อฉล”
ที่ดูมีความถูกต้อง
มันรบกวนความรู้สึกของผม
แต่สิ่งที่รบกวนและกระทบกระเทือนจิตใจผมมากกว่านั้นคือ การที่พระเยซูคริสต์ต้องถูกโดดเดี่ยว
พระคริสต์ต้อง
“สะดุดล้มลง” บนถนนที่ขรุขระด้วยก้อนหินแหลมคม
มีเลือดซึมออกไหลอาบเต็มแผ่นหลังของพระองค์ที่มีกางเขนไม้ที่หนักอึ้งกดทับอยู่
กางเขนที่พระองค์ต้องแบกด้วยพระองค์เอง เพื่อคนอื่น...เพื่อทุกคน...
พระคริสต์รู้ว่า ที่กางเขนนั้น...
พระองค์ต้องเผชิญหน้ากับความเลวร้าย ต่ำทราม
ไร้ค่า หวาดกลัว
การถูกทอดทิ้ง
และ ความโดดเดี่ยวตัวคนเดียว
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้...
พระองค์ต้องอธิษฐานตัวคนเดียวในสวนเก็ธเสมนีทูลขอต่อพระบิดา...
ในขณะที่สาวกคนสนิทของพระองค์หลับใหลไม่ได้สติ
จากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมง
สาวกที่สนิทชิดเชื้อที่สุดของพระองค์
ยืนยันอย่างแข็งขันว่า เขาไม่เคยรู้จักคนนั้นที่ชื่อเยซู
แม้กระทั่งเมื่อพระเยซูถูกตรึงที่กางเขนที่ขนาบด้วยโจรสองคน
แต่ทั้งสองก็มิได้ชื่นชมต่อการยอมทนทุกข์อย่างเสียสละของพระองค์
แน่นอนครับ...
ความโดดเดี่ยวของพระองค์เตือนให้เราเห็นสัจจะความจริงว่า
ความรู้สึกว้าเหว่เดียวดายสามารถเกิดขึ้นได้แม้ในสถานการณ์ชีวิตที่มีผู้คนห้อมล้อมมากมาย
ในที่สุด...
คำตรัสของพระคริสต์ที่น่าสลดที่สุดที่เปล่งออกจากหัวใจที่เจ็บปวดของพระองค์...
พระองค์ร้องเรียกพระบิดา... ที่ดูเหมือนว่าพระองค์ถูกพระบิดาทอดทอดทิ้ง...พระบิดาไม่อยู่ที่นั่น!
Lent หรือมหาพรต เป็นเวลาที่เราซึมลึกเข้าไปในความว้าเหว่โดดเดี่ยวแห่งชีวิตของเรา
เป็นเวลาที่เราซึมลึกลงไปในการที่เราถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวตัวคนเดียว
เป็นเวลาที่มีทุกข์หนัก ชีวิตเต็มด้วยบาดแผล ต้องแบกภาระหนัก... แต่ไม่มีใครมองเห็น!
ในช่วงเวลาเช่นนี้ที่เราจะต้องแบกกางเขนไป
ไม่มีใครจะมาแบกแทนเราได้...
แต่เราต้องตระหนักชัดว่า...เราแบกไปพร้อมกับพระเยซู
เราก้าวเข้าไปในเส้นทางที่คับแคบ
ตรอกที่ตีบตันอับจน
ทำให้เราหวาดกลัว
เราไม่มีทางออก...
เมื่อผมต้องเดินถึงจุดอับตีบตันในชีวิตที่มีแต่ความโดดเดี่ยว
ผมเริ่มที่จะค้นพบว่า...
พระคริสต์ทรงอยู่ที่นั่น
ใช่...พระองค์เคยแบกกางเขนอย่างโดดเดี่ยว และถูกทอดทิ้งให้ตายตัวคนเดียว
ทำให้ผมไม่ต้องกลัวที่จะต้องทนทุกข์ยากอย่างโดดเดี่ยวต่อไป
เพราะพระคริสต์ได้พบสถานการณ์ชีวิตที่สาหัสหนักหนากว่าที่ผมประสบ
ผมไม่ต้องหวาดกลัวภาวะมืดมิดในชีวิต การถูกโดดเดี่ยวให้ต้องเผชิญชีวิตตามลำพัง
เพราะพระองค์อยู่ที่นั่นกับผมด้วย...!
ประเด็นสำหรับสะท้อนคิดและใคร่ครวญ?
1) ครั้งสุดท้ายที่ท่านต้องประสบกับความว้าเหว่
โดดเดี่ยวสุดๆ ในชีวิตเป็นเรื่องอะไร?
2) ท่านยอมให้ชีวิตซึมซับลงในความโดดเดี่ยวตัวคนเดียว
หรือ ท่านแสวงหาทางหลบลี้หนีออกจากสถานการณ์นั้น?
3) ท่านได้แสวงหาพระคริสต์
และ พบพระองค์ในสถานการณ์นั้นหรือไม่?
ใคร่ครวญภาวนา
ข้าแต่พระเจ้า
ในเวลาที่ข้าพระองค์ต้องก้าวเดินเข้าในสถานการณ์ที่ถูกโดดเดี่ยวและหวาดกลัว ข้าพระองค์จะหลีกเลี่ยงจากเหตุการณ์ชีวิตเช่นนั้นได้หรือไม่?
พระเจ้าข้า...ทำไมชีวิตของข้าพระองค์จึงต้องเดินไปบนเส้นที่ที่ไม่พึงประสงค์นี้?
ทำไมข้าพระองค์จะต้องแบกกางเขนไปเองตัวคนเดียว?
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ตรัสว่า
พระองค์จะไม่ละทิ้งให้ข้าพระองค์ต้องอยู่โดดเดี่ยวตัวคนเดียว โปรดช่วยหนุนเสริมให้ข้าพระองค์เชื่อเช่นนั้นตามคำตรัสของพระองค์ และช่วยให้ข้าพระองค์วางใจในพระสัญญานั้น โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ก้าวเดินต่อไปด้วยความกล้าหาญ
ถึงแม้จะต้องเดินเข้าไปในหุบเหวแห่งความว้าเหว่โดดเดี่ยวก็ตาม อาเมน
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น