29 มีนาคม 2556

กางเขนแห่งความโดดเดี่ยว


อ่าน ยอห์น 19:16-27

แล้วปีลาตจึงมอบพระองค์ให้เขาไปตรึงที่กางเขน   พวกทหารจึงพาพระเยซูไป   และพระองค์ทรงแบกกางเขนของพระองค์ไปยังที่ที่เรียกว่า กะโหลกศีรษะ  ภาษาฮีบรูเรียกว่า กลโกธา   ที่นั่นพวกเขาตรึงพระเยซูไว้ที่กางเขนพร้อมกับชายอีกสองคน คนละข้าง  โดยมีพระเยซูอยู่ตรงกลาง 
(ข้อ 16-19 ฉบับมาตรฐาน)

ในช่วงเวลาที่มืดมิดในชีวิตของพระเยซู  
เตือนเราระลึกถึงว่า   มีบางเส้นทางชีวิตที่เราต้องเดินไปอย่างโดดเดี่ยว

กางเขนเตือนผมให้ระลึกถึง... 
ความโหดร้ายรุนแรง  
ความชั่วร้ายที่น่าเกลียดน่าชัง 
สิ่งที่ทำให้ชีวิตตกอยู่ในความเศร้าสลด
การถูกหักหลังทรยศอย่างอยุติธรรม  ด้วยการหลอกลวงเล่ห์เหลี่ยม
คนที่บริสุทธิ์ไร้ผิดต้องตกเป็นเหยื่อของความทรมานเจ็บปวด และ ได้รับความอดสู
ในขณะที่คนมีอำนาจคบคิด วางแผนเพทุบายอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง

อย่างไรก็ตาม  “เลือดที่ต้องหลั่งออก” และ “ความฉ้อฉล” ที่ดูมีความถูกต้อง  มันรบกวนความรู้สึกของผม
แต่สิ่งที่รบกวนและกระทบกระเทือนจิตใจผมมากกว่านั้นคือ   การที่พระเยซูคริสต์ต้องถูกโดดเดี่ยว
พระคริสต์ต้อง “สะดุดล้มลง” บนถนนที่ขรุขระด้วยก้อนหินแหลมคม
มีเลือดซึมออกไหลอาบเต็มแผ่นหลังของพระองค์ที่มีกางเขนไม้ที่หนักอึ้งกดทับอยู่
กางเขนที่พระองค์ต้องแบกด้วยพระองค์เอง   เพื่อคนอื่น...เพื่อทุกคน...

พระคริสต์รู้ว่า  ที่กางเขนนั้น...
พระองค์ต้องเผชิญหน้ากับความเลวร้าย  ต่ำทราม  ไร้ค่า  หวาดกลัว  
การถูกทอดทิ้ง และ ความโดดเดี่ยวตัวคนเดียว

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้...
พระองค์ต้องอธิษฐานตัวคนเดียวในสวนเก็ธเสมนีทูลขอต่อพระบิดา...
ในขณะที่สาวกคนสนิทของพระองค์หลับใหลไม่ได้สติ

จากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมง
สาวกที่สนิทชิดเชื้อที่สุดของพระองค์
ยืนยันอย่างแข็งขันว่า  เขาไม่เคยรู้จักคนนั้นที่ชื่อเยซู
แม้กระทั่งเมื่อพระเยซูถูกตรึงที่กางเขนที่ขนาบด้วยโจรสองคน
แต่ทั้งสองก็มิได้ชื่นชมต่อการยอมทนทุกข์อย่างเสียสละของพระองค์

แน่นอนครับ...   ความโดดเดี่ยวของพระองค์เตือนให้เราเห็นสัจจะความจริงว่า
ความรู้สึกว้าเหว่เดียวดายสามารถเกิดขึ้นได้แม้ในสถานการณ์ชีวิตที่มีผู้คนห้อมล้อมมากมาย
ในที่สุด...  คำตรัสของพระคริสต์ที่น่าสลดที่สุดที่เปล่งออกจากหัวใจที่เจ็บปวดของพระองค์...
พระองค์ร้องเรียกพระบิดา...   ที่ดูเหมือนว่าพระองค์ถูกพระบิดาทอดทอดทิ้ง...พระบิดาไม่อยู่ที่นั่น!

Lent หรือมหาพรต เป็นเวลาที่เราซึมลึกเข้าไปในความว้าเหว่โดดเดี่ยวแห่งชีวิตของเรา
เป็นเวลาที่เราซึมลึกลงไปในการที่เราถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวตัวคนเดียว
เป็นเวลาที่มีทุกข์หนัก  ชีวิตเต็มด้วยบาดแผล  ต้องแบกภาระหนัก...  แต่ไม่มีใครมองเห็น!

ในช่วงเวลาเช่นนี้ที่เราจะต้องแบกกางเขนไป   ไม่มีใครจะมาแบกแทนเราได้... 
แต่เราต้องตระหนักชัดว่า...เราแบกไปพร้อมกับพระเยซู
เราก้าวเข้าไปในเส้นทางที่คับแคบ ตรอกที่ตีบตันอับจน   ทำให้เราหวาดกลัว   เราไม่มีทางออก...

เมื่อผมต้องเดินถึงจุดอับตีบตันในชีวิตที่มีแต่ความโดดเดี่ยว
ผมเริ่มที่จะค้นพบว่า...   พระคริสต์ทรงอยู่ที่นั่น
ใช่...พระองค์เคยแบกกางเขนอย่างโดดเดี่ยว  และถูกทอดทิ้งให้ตายตัวคนเดียว
ทำให้ผมไม่ต้องกลัวที่จะต้องทนทุกข์ยากอย่างโดดเดี่ยวต่อไป
เพราะพระคริสต์ได้พบสถานการณ์ชีวิตที่สาหัสหนักหนากว่าที่ผมประสบ
ผมไม่ต้องหวาดกลัวภาวะมืดมิดในชีวิต   การถูกโดดเดี่ยวให้ต้องเผชิญชีวิตตามลำพัง
เพราะพระองค์อยู่ที่นั่นกับผมด้วย...!


ประเด็นสำหรับสะท้อนคิดและใคร่ครวญ?

1) ครั้งสุดท้ายที่ท่านต้องประสบกับความว้าเหว่ โดดเดี่ยวสุดๆ ในชีวิตเป็นเรื่องอะไร?
2) ท่านยอมให้ชีวิตซึมซับลงในความโดดเดี่ยวตัวคนเดียว หรือ ท่านแสวงหาทางหลบลี้หนีออกจากสถานการณ์นั้น?
3) ท่านได้แสวงหาพระคริสต์ และ พบพระองค์ในสถานการณ์นั้นหรือไม่?


ใคร่ครวญภาวนา

ข้าแต่พระเจ้า   ในเวลาที่ข้าพระองค์ต้องก้าวเดินเข้าในสถานการณ์ที่ถูกโดดเดี่ยวและหวาดกลัว  ข้าพระองค์จะหลีกเลี่ยงจากเหตุการณ์ชีวิตเช่นนั้นได้หรือไม่?   พระเจ้าข้า...ทำไมชีวิตของข้าพระองค์จึงต้องเดินไปบนเส้นที่ที่ไม่พึงประสงค์นี้?   ทำไมข้าพระองค์จะต้องแบกกางเขนไปเองตัวคนเดียว?

ข้าแต่พระเจ้า   พระองค์ตรัสว่า  พระองค์จะไม่ละทิ้งให้ข้าพระองค์ต้องอยู่โดดเดี่ยวตัวคนเดียว   โปรดช่วยหนุนเสริมให้ข้าพระองค์เชื่อเช่นนั้นตามคำตรัสของพระองค์   และช่วยให้ข้าพระองค์วางใจในพระสัญญานั้น   โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ก้าวเดินต่อไปด้วยความกล้าหาญ   ถึงแม้จะต้องเดินเข้าไปในหุบเหวแห่งความว้าเหว่โดดเดี่ยวก็ตาม   อาเมน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น