ท่านเคยหยุดคิดว่าการศึกษาเกี่ยวข้องกับความรักเมตตาอย่างไร ผมเชื่อหลายท่านคงคิดว่า การศึกษาคงไม่ได้มองข้ามผ่านความรักเมตตา หรือ ลดค่าของความสัมพันธ์บนรากฐานแห่งความรัก เพราะการศึกษาที่หยั่งรากลงในความรักเมตตาเป็นการศึกษาที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่แท้จริงยั่งยืน
ถ้าเราพิจารณาในพระคัมภีร์จะพบว่า “การศึกษาและความสัมพันธ์” พระคัมภีร์จะใช้คำว่า
“สัจจะและความรักเมตตา”
พระคัมภีร์กล่าวไว้เช่นไรว่า
สัจจะเกี่ยวพันกับความรักเมตตาอย่างไร?
พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงความเกี่ยวพันในเรื่องนี้ไว้ 4
ทางด้วยกันคือ
1. สัจจะมีเป้าหมายที่ความรักเมตตา
“แต่เป้าหมายของการกำชับ(สั่งสอน)นั้นก็คือ ความรักที่มาจากใจที่บริสุทธิ์ จากมโนธรรมที่ดี และจากความเชื่อที่จริงใจ” (1ทิโมธี 1:5
ฉบับมาตรฐาน) ขอตั้งข้อสังเกตว่า การกำชับสั่งสอนนั้นมิใช่เป้าหมาย แต่ความรักเมตตาต่างหากที่เป็นเป้าหมาย
การกำชับสั่งสอนนั้นเป็นเพียงแนวทางหรือวิธีการเท่านั้น หรือพูดกันตรงไปตรงมาได้ว่า สัจจะนั้นรับใช้ความรักเมตตา การศึกษารับใช้ความสัมพันธ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า และความสัมพันธ์ระหว่างคริสตชนด้วยกัน
แต่ก็ยังครอบคลุมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพี่น้องต่างความเชื่อด้วย เป้าหมายในการศึกษาของเราคือความรักเมตตา
“ขอให้เรายังคงยึดมั่นในความหวังที่ประกาศรับไว้นั้นโดยไม่หวั่นไหว เพราะว่าพระองค์ผู้ประทานพระสัญญานั้นทรงสัตย์ซื่อ
และขอให้เราพิจารณาดูเพื่อจะปลุกใจกันและกันให้มีความรักและทำการดี...แต่จงหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น...”
(ฮีบรู 10:23-25
ฉบับมาตรฐาน) เป้าหมายในการ
“พิจารณาดูเพื่อปลุกใจกันและกัน” และ
“...การหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น”
เราร่วมหนุนเสริมกันและกันเพื่อ “ประกาศถึงความหวังของเรา” ด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งของกันและกัน
เพื่อให้เกิดผลเพื่อหนุนใจกันให้รักกันและกัน
สัจจะความจริงในหลักการความเชื่อและสัจจะความจริงเพื่อช่วยให้ผู้คนให้ร่วมกันสู่เป้าหมายแห่งความรักเมตตา
2. ความรักเมตตามีเป้าหมายที่สัจจะ
“(ความรัก)
ไม่ชื่นชมยินดีในความชั่ว
แต่ชื่นชมยินดีในความจริง” (1โครินธ์ 13:6 อมตธรรม) สัจจะจะชื่นชมยินดีเมื่อสัจจะความจริงที่แสดงตัว ดังนั้น
ความรักเมตตามีเป้าหมายที่สัจจะ
ความรักเมตตาเสริมหนุนสัจจะความจริง
“เพราะว่าข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงพวกท่านด้วยความยากลำบากและระทมใจอย่างยิ่งรวมทั้งน้ำตาไหลมากมาย มิใช่เพื่อจะทำให้พวกท่านทุกข์โศก แต่เพื่อให้ท่านรู้จักความรักมากมายที่ข้าพเจ้ามีต่อพวกท่านทั้งหลาย”
(2โครินธ์ 2:4 ฉบับมาตรฐาน) นี่เป็นตัวอย่างว่าความรักเมตตามุ่งเป้าหมายที่สัจจะความจริง เปาโลเปี่ยมด้วยความรักที่ผลักดันให้ท่านเขียนจดหมายที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากระทมและสร้างความทุกข์โศกแก่ผู้อ่านในเมืองโครินธ์
แต่ท่านก็จำเป็นที่ต้องเขียนถึงชาวโครินธ์ เพราะด้วยความรักของเปาโลท่านถึงเขียนสิ่งเหล่านี้ถึงชาวโครินธ์ ความรักเมตตาทำให้พูดสัจจะความจริงแก่กันบนรากฐานของความเชื่อศรัทธา
3. ความรักเมตตาตัวหล่อหลอมวิธีพูดสัจจะความจริง
“แต่ให้เรายึดถือความจริงด้วยความรัก
เพื่อจะเจริญขึ้นในทุกด้านสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะคือพระคริสต์”(เอเฟซัส 4:15 ฉบับมาตรฐาน) บางครั้งบางคนที่พูดความจริงที่ปราศจากความรัก ซึ่งเราต้องหลีกเลี่ยง หรือ
ไม่กระทำเช่นนั้น
แต่มีหนทางที่เราจะพูดความจริงด้วยความรัก เราจะต้องพยายามหาทุกหนทางที่จะทำเช่นนี้
แต่มิได้หมายความว่าเราจะต้องพูดอย่างอ่อนหวานทุกครั้ง หรือ
บางคนในพระกิตติคุณกล่าวหาพระองค์กระทำกับบางคนอย่างไม่มีความรักเมตตา
ในการพูดความจริงจำเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะต้องพิจารณา ว่าการพูดความจริงแบบไหนที่เป็นการเสริมสร้าง บางครั้งมีความจำเป็นที่เราจะต้องพูดความจริงด้วยการพูดแบบตรงไปตรงมาที่ดูเหมือนว่าเป็นการพูดที่
“แรง” ถึงจะทำให้มีการใส่ใจและเกิดการพิจารณาในเรื่องความจริงนั้นๆ แต่ในเรื่องเดียวกันเมื่อต้องพูดกับกลุ่มอื่นอาจจะต้องพูดด้วยความรักและใจเมตตาเพื่อมิให้เกิดการเข้าใจผิดในการพูดความจริงของเรา แต่โดยหลักการคริสตชนแล้ว จิตใจที่รักเมตตาของผู้พูดความจริงจะเป็นตัวเหนี่ยวนำวิธีการพูดความจริงของคนๆ
นั้น
และที่สำคัญคือไม่ใช่การพูดความจริงที่ยั่วยุให้เกิดการทะเลาะแตกแยกกัน แต่ต้องพูดความจริงด้วยใจเมตตาต่อทุกคน ด้วยสุภาพ อดทน (2ทิโมธี 2:24-25)
4. สัจจะเป็นตัวเหนี่ยวนำว่าความรักจะสำแดงออกมาแบบไหน
“โดยข้อนี้ เราจึงรู้ว่ารักคนทั้งหลายที่เป็นลูกของพระเจ้า คือเมื่อเรารักพระเจ้า
และประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์เพราะว่าความรักต่อพระเจ้าเป็นอย่างนี้ คือเมื่อเราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์นั้นไม่เป็นภาระหนักเกินไป”
(1ยอห์น 5:2-3 ฉบับมาตรฐาน) การกระทำด้วยความรักนั้นบางครั้งไม่สามารถรู้แน่ชัดเจนได้
ยอห์นได้บอกเราถึงสัจจะความจริงที่จะช่วยให้เรารู้ว่าการกระทำนั้นเป็นการกระทำด้วยความรักเมตตาหรือไม่ กล่าวคือการสำแดงสัจจะความจริงที่กระทำด้วยความรักเมตตาจะไม่สร้างความรู้สึกว่าเป็นภาระหนักอึ้งแก่คนที่สำแดงด้วยความรัก
ความจริงประการหนึ่งที่ช่วยให้เรารู้ว่า
การกระทำนั้นกระทำด้วยความรักเมตตาหรือไม่คือ
การกระทำนั้นเป็นการกระทำตามพระบัญญัติของพระเจ้าแก่ประชากรของพระองค์ กล่าวอีกนัยหนึ่งการกระทำนั้นเป็นการกระทำตามสัจจะความจริงแห่งพระประสงค์ของพระเจ้า สัจจะเป็นตัวเหนี่ยวนำการสำแดงความรัก
ขอให้พระเจ้าโปรดกระทำให้ความรักเมตตาของพระองค์ผูกพันเราเข้าด้วยกันเพื่อที่เราจะสำแดงถึงพระสิริแห่งสัจจะความจริงของพระองค์ที่เปี่ยมด้วยความรักเมตตาในวันนี้ที่ทรงประทานแก่เราครับ
ในเวลาเดียวกัน
การเทศน์ การสอน หรือการอ่านพระวจนะของเราในชุมชนคริสตจักรก็มิใช่เพื่อเพียงความรู้เรื่องราวในพระคัมภีร์เท่านั้น
แต่การศึกษาพระวจนะของเราชาวคริสตจักรก็เพื่อนำมาซึ่งความรักเมตตาแบบพระคริสต์ และยิ่งกว่านั้นเป็นการเหนี่ยวนำและหลอมหล่อให้เราได้สำแดงสัจจะด้วยรักเมตตาดังกล่าวในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราด้วย
ให้เราเรียนรู้เพื่อสำแดงความรักเมตตา
และขอพระเจ้าทรงเสริมกำลังให้เรามุ่งมั่นสำแดงความรักเมตตาแบบพระคริสต์เพื่อเราจะเรียนรู้พระประสงค์ของพระองค์มากยิ่งขึ้น
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น