15 มีนาคม 2556

การศึกษาและความสัมพันธ์: สัจจะและรักเมตตา


ท่านเคยหยุดคิดว่าการศึกษาเกี่ยวข้องกับความรักเมตตาอย่างไร   ผมเชื่อหลายท่านคงคิดว่า  การศึกษาคงไม่ได้มองข้ามผ่านความรักเมตตา  หรือ ลดค่าของความสัมพันธ์บนรากฐานแห่งความรัก   เพราะการศึกษาที่หยั่งรากลงในความรักเมตตาเป็นการศึกษาที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่แท้จริงยั่งยืน   

ถ้าเราพิจารณาในพระคัมภีร์จะพบว่า  “การศึกษาและความสัมพันธ์”  พระคัมภีร์จะใช้คำว่า “สัจจะและความรักเมตตา”   พระคัมภีร์กล่าวไว้เช่นไรว่า  สัจจะเกี่ยวพันกับความรักเมตตาอย่างไร?   พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงความเกี่ยวพันในเรื่องนี้ไว้ 4 ทางด้วยกันคือ

1. สัจจะมีเป้าหมายที่ความรักเมตตา

“แต่เป้าหมายของการกำชับ(สั่งสอน)นั้นก็คือ   ความรักที่มาจากใจที่บริสุทธิ์   จากมโนธรรมที่ดี  และจากความเชื่อที่จริงใจ” (1ทิโมธี 1:5 ฉบับมาตรฐาน)  ขอตั้งข้อสังเกตว่า   การกำชับสั่งสอนนั้นมิใช่เป้าหมาย  แต่ความรักเมตตาต่างหากที่เป็นเป้าหมาย   การกำชับสั่งสอนนั้นเป็นเพียงแนวทางหรือวิธีการเท่านั้น  หรือพูดกันตรงไปตรงมาได้ว่า  สัจจะนั้นรับใช้ความรักเมตตา   การศึกษารับใช้ความสัมพันธ์   โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า   และความสัมพันธ์ระหว่างคริสตชนด้วยกัน   แต่ก็ยังครอบคลุมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพี่น้องต่างความเชื่อด้วย   เป้าหมายในการศึกษาของเราคือความรักเมตตา

“ขอให้เรายังคงยึดมั่นในความหวังที่ประกาศรับไว้นั้นโดยไม่หวั่นไหว   เพราะว่าพระองค์ผู้ประทานพระสัญญานั้นทรงสัตย์ซื่อ   และขอให้เราพิจารณาดูเพื่อจะปลุกใจกันและกันให้มีความรักและทำการดี...แต่จงหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น...” (ฮีบรู 10:23-25 ฉบับมาตรฐาน)  เป้าหมายในการ “พิจารณาดูเพื่อปลุกใจกันและกัน”  และ “...การหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น”   เราร่วมหนุนเสริมกันและกันเพื่อ “ประกาศถึงความหวังของเรา”  ด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งของกันและกัน   เพื่อให้เกิดผลเพื่อหนุนใจกันให้รักกันและกัน   สัจจะความจริงในหลักการความเชื่อและสัจจะความจริงเพื่อช่วยให้ผู้คนให้ร่วมกันสู่เป้าหมายแห่งความรักเมตตา

2. ความรักเมตตามีเป้าหมายที่สัจจะ

“(ความรัก) ไม่ชื่นชมยินดีในความชั่ว  แต่ชื่นชมยินดีในความจริง” (1โครินธ์ 13:6 อมตธรรม)   สัจจะจะชื่นชมยินดีเมื่อสัจจะความจริงที่แสดงตัว   ดังนั้น  ความรักเมตตามีเป้าหมายที่สัจจะ   ความรักเมตตาเสริมหนุนสัจจะความจริง

“เพราะว่าข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงพวกท่านด้วยความยากลำบากและระทมใจอย่างยิ่งรวมทั้งน้ำตาไหลมากมาย   มิใช่เพื่อจะทำให้พวกท่านทุกข์โศก   แต่เพื่อให้ท่านรู้จักความรักมากมายที่ข้าพเจ้ามีต่อพวกท่านทั้งหลาย” (2โครินธ์ 2:4 ฉบับมาตรฐาน)   นี่เป็นตัวอย่างว่าความรักเมตตามุ่งเป้าหมายที่สัจจะความจริง   เปาโลเปี่ยมด้วยความรักที่ผลักดันให้ท่านเขียนจดหมายที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากระทมและสร้างความทุกข์โศกแก่ผู้อ่านในเมืองโครินธ์   แต่ท่านก็จำเป็นที่ต้องเขียนถึงชาวโครินธ์   เพราะด้วยความรักของเปาโลท่านถึงเขียนสิ่งเหล่านี้ถึงชาวโครินธ์   ความรักเมตตาทำให้พูดสัจจะความจริงแก่กันบนรากฐานของความเชื่อศรัทธา

3. ความรักเมตตาตัวหล่อหลอมวิธีพูดสัจจะความจริง

“แต่ให้เรายึดถือความจริงด้วยความรัก   เพื่อจะเจริญขึ้นในทุกด้านสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะคือพระคริสต์”(เอเฟซัส 4:15 ฉบับมาตรฐาน)       บางครั้งบางคนที่พูดความจริงที่ปราศจากความรัก  ซึ่งเราต้องหลีกเลี่ยง หรือ ไม่กระทำเช่นนั้น   แต่มีหนทางที่เราจะพูดความจริงด้วยความรัก   เราจะต้องพยายามหาทุกหนทางที่จะทำเช่นนี้   แต่มิได้หมายความว่าเราจะต้องพูดอย่างอ่อนหวานทุกครั้ง  หรือ  บางคนในพระกิตติคุณกล่าวหาพระองค์กระทำกับบางคนอย่างไม่มีความรักเมตตา

ในการพูดความจริงจำเป็นอย่างยิ่งว่า  เราจะต้องพิจารณา   ว่าการพูดความจริงแบบไหนที่เป็นการเสริมสร้าง   บางครั้งมีความจำเป็นที่เราจะต้องพูดความจริงด้วยการพูดแบบตรงไปตรงมาที่ดูเหมือนว่าเป็นการพูดที่ “แรง”   ถึงจะทำให้มีการใส่ใจและเกิดการพิจารณาในเรื่องความจริงนั้นๆ   แต่ในเรื่องเดียวกันเมื่อต้องพูดกับกลุ่มอื่นอาจจะต้องพูดด้วยความรักและใจเมตตาเพื่อมิให้เกิดการเข้าใจผิดในการพูดความจริงของเรา   แต่โดยหลักการคริสตชนแล้ว  จิตใจที่รักเมตตาของผู้พูดความจริงจะเป็นตัวเหนี่ยวนำวิธีการพูดความจริงของคนๆ นั้น   และที่สำคัญคือไม่ใช่การพูดความจริงที่ยั่วยุให้เกิดการทะเลาะแตกแยกกัน   แต่ต้องพูดความจริงด้วยใจเมตตาต่อทุกคน  ด้วยสุภาพ อดทน (2ทิโมธี 2:24-25)

4. สัจจะเป็นตัวเหนี่ยวนำว่าความรักจะสำแดงออกมาแบบไหน 

“โดยข้อนี้  เราจึงรู้ว่ารักคนทั้งหลายที่เป็นลูกของพระเจ้า   คือเมื่อเรารักพระเจ้า  และประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์เพราะว่าความรักต่อพระเจ้าเป็นอย่างนี้   คือเมื่อเราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์นั้นไม่เป็นภาระหนักเกินไป” (1ยอห์น 5:2-3 ฉบับมาตรฐาน)   การกระทำด้วยความรักนั้นบางครั้งไม่สามารถรู้แน่ชัดเจนได้   ยอห์นได้บอกเราถึงสัจจะความจริงที่จะช่วยให้เรารู้ว่าการกระทำนั้นเป็นการกระทำด้วยความรักเมตตาหรือไม่   กล่าวคือการสำแดงสัจจะความจริงที่กระทำด้วยความรักเมตตาจะไม่สร้างความรู้สึกว่าเป็นภาระหนักอึ้งแก่คนที่สำแดงด้วยความรัก

ความจริงประการหนึ่งที่ช่วยให้เรารู้ว่า การกระทำนั้นกระทำด้วยความรักเมตตาหรือไม่คือ  การกระทำนั้นเป็นการกระทำตามพระบัญญัติของพระเจ้าแก่ประชากรของพระองค์   กล่าวอีกนัยหนึ่งการกระทำนั้นเป็นการกระทำตามสัจจะความจริงแห่งพระประสงค์ของพระเจ้า   สัจจะเป็นตัวเหนี่ยวนำการสำแดงความรัก

ขอให้พระเจ้าโปรดกระทำให้ความรักเมตตาของพระองค์ผูกพันเราเข้าด้วยกันเพื่อที่เราจะสำแดงถึงพระสิริแห่งสัจจะความจริงของพระองค์ที่เปี่ยมด้วยความรักเมตตาในวันนี้ที่ทรงประทานแก่เราครับ

ในเวลาเดียวกัน  การเทศน์ การสอน หรือการอ่านพระวจนะของเราในชุมชนคริสตจักรก็มิใช่เพื่อเพียงความรู้เรื่องราวในพระคัมภีร์เท่านั้น    แต่การศึกษาพระวจนะของเราชาวคริสตจักรก็เพื่อนำมาซึ่งความรักเมตตาแบบพระคริสต์   และยิ่งกว่านั้นเป็นการเหนี่ยวนำและหลอมหล่อให้เราได้สำแดงสัจจะด้วยรักเมตตาดังกล่าวในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราด้วย

ให้เราเรียนรู้เพื่อสำแดงความรักเมตตา  และขอพระเจ้าทรงเสริมกำลังให้เรามุ่งมั่นสำแดงความรักเมตตาแบบพระคริสต์เพื่อเราจะเรียนรู้พระประสงค์ของพระองค์มากยิ่งขึ้น

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น