20 มีนาคม 2556

เงียบ...พระราชกิจที่ทรงพลังของพระคริสต์!


อ่านอิสยาห์ 53:4-9

ท่านถูกบีบบังคับ และ ถูกข่มใจ
ถึงกระนั้นท่านก็ไม่ปริปาก
เหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า
และเหมือนแกะที่เป็นใบ้ต่อหน้าผู้ตัดขนของมันฉันใด
ท่านก็ไม่ปริปากของท่านเลยเช่นนั้น
(ข้อ ฉบับมาตรฐาน)

ในสำนักงานแห่งหนึ่งที่ผมเคยทำงานด้วย  เป็นสำนักงานที่มีการพูดคุยสื่อสารกัน  แล้วเป็นการสื่อสารที่ใช้ปัญญามีเหตุมีผล   อีกทั้งคนในสำนักงานก็รู้เรื่องราวข่าวสารอย่างดี   จนทำให้เราที่อยู่ในสำนักงานนั้นคิดไปว่าตนรู้อะไรต่อมิอะไรมากมายเกินกว่าความเป็นจริง   ดังนั้น  คนในสำนักงานนี้จึงไวในการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็น  หรือไม่บางครั้งก็พูดล้อเล่นจนเพื่อนเสียหาย  หรือไม่ก็กล่าวตำหนิบุคคลที่สาม   และที่ชัดเจนคือเราสวมหน้ากากแห่งความรู้เข้าหากัน

ในเทศกาลมหาพรตปีหนึ่ง   ผมตัดสินใจลดละเลิกการกล่าวตอบโต้คนอื่น   เพื่อผมจะได้กดปุ่มปิดปากตนเองให้หยุดเอื้อนเอ่ยปริปากอย่างไม่จำเป็น   และเพื่อผมจะได้มีโอกาสในการตรวจสอบให้รู้เท่าทันตนเองว่า  อะไรคือแรงกระตุ้นที่ทำให้ผมพูดหรือตอบโต้คนอื่น   และดูว่าเมื่อตนสงบปากสงบคำแล้วทำให้เกิดผลเช่นไรบ้าง

พระธรรมที่เราอ่านตอนนี้เขียนขึ้นเมื่อกว่า 700  ปีก่อนที่พระคริสต์ทรงสภาพมนุษย์บนโลกใบนี้   เมื่อพระองค์เงียบและไม่ปริปากอะไรเลยต่อข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง   พระองค์ไม่ยอมเอ่ยปากเพื่อปกป้องตนเอง   ซึ่งทั้งสาวกของพระองค์ และ ผู้ไต่สวนคาดหวังว่าพระองค์จะสามารถกล่าวปกป้องตนเองได้อย่างดี

แต่อิสยาห์ได้อธิบายไว้ก่อนแล้วว่า   พวกเราทุกคนเป็นเหมือนแกะที่หลงทาง  แล้วต่างคนต่างหันไปตามทางตนเอง (ข้อ 6)  ท่านต้องรับความทนทุกข์บอบช้ำเพราะการทรยศและความบาปผิดของเรา   ท่านถูกลงโทษเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของเรา   การที่ท่านถูกเฆี่ยนตีลงโทษเพื่อชีวิตของพวกเราจะได้รับการรักษา (ข้อ 5)  ท่านถูกบีบบังคับและถูกข่มใจ  ถึงกระนั้นท่านก็ไม่ปริปาก (ข้อ 7)

การเงียบไม่ยอมปริปากอาจจะเป็นการดึงดูดความสนใจ  หรืออาจจะถูกมองว่าน่าจะเป็นผู้กระทำผิด  หรืออาจจะทำให้เข้าใจว่าเป็นคนที่มีลับลมคมใน   หรือมีแผนการลับๆ    ทำให้ผู้คนฉงนสงสัยไปต่างๆ นานา 

ในเทศกาลมหาพรตครั้งนั้นผมพยายามปริปากให้น้อยที่สุด   ผมได้เรียนรู้ว่า บ่อยครั้งที่เราด่วนปริปากพูดออกไปนั้นเป็นการถูกกระตุ้นให้สนองความอยากปรารถนาที่จะยกตนเองให้เหนือคนอื่น   หรือไม่ก็แทรกตัวเข้าไปแล้วก็วิพากษ์เสนอความคิดเห็นโดยที่ยังไม่มีใครร้องขอ  บางครั้งเพื่อสนุกปากตอบสนองตัณหาในตนเท่านั้น   และผมเรียนรู้อีกว่า ความเข้มแข็งและสงบนิ่ง  ไม่ปะทะ โต้แย้ง และเป็นปรปักษ์ต่อกัน  เป็นตัวที่บ่มเพาะและเสริมสร้างให้ผมมีชีวิตคริสตชนที่เติบโตขึ้น

ในยุคที่สังคมไหลล้นด้วยข้อมูลข่าวสาร  ทั้งเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ ที่ยัดเยียดข้อมูลเรื่องราวจนทับถมชีวิตของเรา   ขอให้พระคริสต์  “แกะ” ที่เงียบต่อหน้าคนตัดขนของมัน หรือเงียบแม้จะรู้ว่าตนกำลังถูกนำไปฆ่า และพระองค์เงียบด้วยความเต็มใจ ด้วยความเชื่อฟัง  ยอมรับบาดแผลในชีวิต    ทั้งนี้เพื่อจะเป็นการทรงเยียวยารักษาความป่วยไข้ของพวกเราอันเกิดจากการที่พวกเราทรยศต่อพระเจ้า  ได้สอนให้เราเรียนรู้ที่จะร่วมในพันธกิจแห่งความเงียบ

ขอพระเจ้า ได้โปรดเยียวยารักษาความคิด ความเข้าใจ  ความตั้งใจ  มุมมองชีวิต  และ เสริมสร้างเราแต่ละคนให้มีชีวิตคริสตชนที่เต็มใจ เชื่อฟัง ยอมที่จะ “เงียบ”  ท่ามกลางสถานการณ์ที่เราคิดว่าควรจะพูดเพื่อปกป้องตนเอง  พูดเพื่อแสดงจุดยืนของตนเอง  พูดเพื่อสำแดงความถูกต้องของตนเอง   พูดถึงความยุติธรรมและความชอบธรรมที่ตนเองควรได้รับ 

ขอพระเจ้า  โปรดให้พลังชีวิตแก่เรา “กล้าที่จะเงียบ”  แม้ความเงียบนั้นนำความเจ็บปวดเกิดแก่ชีวิตของเรา   แม้ความเงียบนั้นทำให้ชีวิตของเราเกิดความสูญเสีย   ขอเพียงให้ทราบว่า  “การเงียบ” นั้นเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า  และเป็นพระราชกิจแห่งการช่วยกู้  เยียวยา   และเสริมสร้างของพระองค์สำหรับมนุษย์และสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง   และขอให้เราตระหนักรู้ว่า “การเงียบ” นั้นเราจึงได้มีโอกาสเข้าร่วมในพระราชกิจที่สำคัญยิ่งของพระคริสต์  ตามที่พระองค์ทรงเรียก   เพื่อเราจะได้กลับไปสู่ชีวิตที่ยกย่องสรรเสริญพระองค์อีกครั้งหนึ่ง    

ประเด็นเพื่อการใคร่ครวญและสะท้อนคิด

1. เมื่ออ่านพระธรรมอิสยาห์ในตอนนี้ที่กล่าวถึงภาพที่พระเยซูคริสต์เงียบไม่ปริปาก  ท่านเกิดภาพหรือความรู้สึกอะไรในความคิดและความรู้สึกของท่านบ้าง?
2. ในวันนี้  ท่านจะทดสอบที่จะ “เงียบ” ในที่ไหน? หรือ ในสถานการณ์อะไร?
3. เป็นการยากหรือลำบากมากน้อยแค่ไหน  ที่วันนี้ท่านจะ “เงียบ” เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางที่ทำงาน หรือ ท่ามกลางเพื่อนฝูงของท่าน?  หรือท่ามกลางความขัดแย้งเอาแพ้เอาชนะ?   เพราะเหตุใด?

ใคร่ครวญภาวนา

พระบิดาที่รัก   โปรดอย่าให้ข้าพระองค์ประเมินค่าชีวิตบนกางเขนของพระคริสต์ต่ำกว่าความเป็นจริง   ขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระคริสต์ที่ทรงเป็นแบบอย่างชีวิตแห่งการเชื่อฟังและการเป็นผู้รับใช้แห่งพระวจนะ   โปรดให้ความรักเมตตาของพระองค์ควบคุมข้าพระองค์ให้  “เงียบ” แล้วรู้จักตั้งใจที่ “จะฟัง”   อาเมน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น