นักเรียนหลับในห้องเรียน
ผมมีเพื่อนนักเรียนสมัยเรียนในโรงเรียนพระคริสต์ธรรมเชียงใหม่ นักศึกษาคนนี้นอนหลับในห้องเสมอ
ถึงขนาดลงโทษตนเองให้ยืนอยู่หลังห้องเรียน แต่จนแล้วจนรอดได้ข่าวว่า เขายืนหลับคาหลังห้องเรียนอีก
นี่แสดงว่าไม่สามารถควบคุมความง่วงนอนได้แล้ว ทำให้ผมคิดถึง อาจารย์ Brad Johnson ท่านได้เขียนถึงประสบการณ์นักเรียนหลับในห้องเรียนที่น่าสนใจมากครับ
ท่านบอกว่า
สมัยที่ท่านเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย
ท่านได้พบเห็นกับการ “ปราบเซียนนักหลับ” ในห้องเรียนในรูปแบบต่าง ๆ กันของบรรดาเหล่าอาจารย์ทั้งหลาย อาจารย์กลุ่มแรก ใช้พลังอำนาจในตำแหน่งความเป็นครูอย่างเต็มที่ หรือที่ปัจจุบันเขาเรียกว่า “อำนาจเผด็จการ”
กัน
นักศึกษาคนไหนชอบนอนในห้องเรียน...ระวัง... เดี๋ยวแปรงลบกระดานไวท์บอร์ดจะปลิวมาหาอย่างไม่ทันคาดคิด
แล้วเจ้านักศึกษาขี้เซาคนนั้นต้องสะดุ้งตื่น นักศึกษาคนอื่นฮากันดังทั้งห้อง นักศึกษาขี้เซาคนนั้นอายม้วนเสียหน้าและ
“เสียเซลฟ์” ไปเลย
อาจารย์กลุ่มที่สองแก้ปัญหานักศึกษาหลับในชั้นเรียนอีกแบบหนึ่ง กลุ่มนี้ไม่ชอบ “ความรุนแรง”
เหมือนกลุ่มแรก แต่เป็นกลุ่ม
“ชอบสนุก”
ถ้าอาจารย์เห็นนักศึกษาคนใดชอบหลับในชั้นเรียนเป็นประจำ ท่านจะเอาหนังสือตั้งใหญ่หนักมาตั้งไว้ที่ขอบโต๊ะของนักศึกษาคนนั้น พอเขาขยับเพียงนิดเดียว หนังสือทั้งหมดก็ตกโครม
ทำให้นักศึกษาทั้งห้องหันมาดูว่าอะไรเกิดขึ้น แล้วหัวเราะลั่นกันทั้งห้องเรียน
นักศึกษาตื่นงัวเงียขึ้นมาเห็นเช่นนั้นก็อายม้วนเช่นกัน นี่เป็นความสนุกบนความอับอายเสียความมั่นใจในตนเองของคนอื่นครับ
ที่สำคัญ
Brad Johnson
บอกว่าทั้งสองวิธีข้างต้นไม่สามารถแก้ปัญหาการนอนหลับในชั้นเรียนของนักศึกษาได้เลย คนที่เคยหลับก็ยังคงง่วงและหลับต่อไป เขาไม่สามารถที่จะบังคับตนเองให้ตื่นได้! แต่ Brad Johnson มีประสบการณ์ และชื่นชมในอาจารย์ท่านหนึ่งชื่อคาเรน (Karen) จบการศึกษาปริญญาเอกสายปรัชญามาหมาด ๆ เป็นคนที่มีลักษณะถ่อมและกันเองกับนักศึกษา เธอขอให้นักศึกษาเรียกชื่อเธออย่าเรียก
“ดอกเตอร์” เธอสอนวิชาในสายมนุษยวิทยา
เมื่อคาเรนพบนักศึกษาหลับในห้องเรียน
เธอจะเดินอ้อมไปข้างหลังแล้วเอามือลูบที่ไหล่ของนักศึกษาเบา แล้วก้มลงที่ข้างหูของนักศึกษาคนนั้น แล้วกระซิบกับเขาว่า “อีริค
วันนี้ดูเธอเหนื่อยมากนะ เธอไปนอนพักสักพักที่หลังห้องเรียนดีไหมจ๊ะ
แล้วพรุ่งนี้ค่อยเรียนใหม่อีกครั้งหนึ่งในวิชานี้” ด้วยความรักเมตตาของคุณครูผู้สอนที่มีต่อนักศึกษาเช่นนี้เป็นพลังที่ปลดปล่อยนักศึกษาคนนั้นหลุดรอดออกจาก
“อำนาจแห่งความง่วงเหงาหาวนอน” ได้ Brad Johnson บอกว่า
นักศึกษาที่ได้รับการปฏิบัติด้วยจิตใจและมือที่เมตตาของคุณครูเช่นนี้ ไม่มีใครเลยที่จะกลับมาง่วงแล้วหลับในห้องเรียนอีกเลย
ผู้นำที่มีอิทธิพล “ปลุก”
ความเป็นมนุษย์ในตัวตนผู้คนให้ตื่นขึ้น!
ในฐานะคริสตชน
ในความเป็นมนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้าง
และสร้างเราตามพระฉายาของพระองค์
แต่เพราะมนุษย์ตกลงใต้อำนาจแห่งความบาปชั่ว ทุกวันนี้มนุษย์จึงมีชีวิตที่ต้องปล้ำสู้ขัดแย้งกันภายในชีวิตของมนุษย์เองแต่ละคน และระหว่างตนเองกับมนุษย์คนอื่น ๆ
ในการเรียนการสอน ในการบริหารจัดการเป็นเรื่องของ “จิตวิญญาณ” เพราะเป็นเรื่องที่คุณครู หรือ
ผู้บริหารจะต้องตระหนักชัดว่า ภารกิจการงานที่เรากำลังทำอยู่นี้เรากำลังทำกับ
“ความเป็นคนและพระฉายาของพระเจ้าในความเป็นคนของคน ๆ นั้น” และด้วยการสัมพันธ์และสัมผัสกับนักเรียน หรือ
เพื่อนร่วมงานของผู้บริหารด้วยความรักเมตตาและใจถ่อมแบบพระคริสต์ เยี่ยงการกระทำของคุณครูคาเรนนั้น จะเป็นการปลุกให้นักศึกษาคนนั้นตื่นจากความ
“ง่วงนอน” ยิ่งกว่านั้น จะเป็นการปลุกความเป็นมนุษย์ตามพระฉายาของพระเจ้าในตัวของคน
ๆ นั้นให้ได้รับการ “ปลดปล่อย” ด้วยอิทธิพลแห่งความรักเมตตาแบบพระคริสต์
สำหรับคาเรนแล้ว
ผมเห็นว่าเธอไม่ใช่คุณครูที่เตรียมสอนอย่างดี สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ หรือเป็นนักประกาศที่โด่งดัง หรือมีอำนาจในการบัญชาการ
แต่จากชีวิตการทำงานของเธอเตือนให้ผมคิดได้ว่า
พระฉายาของพระเจ้าในตัวตนความเป็นมนุษย์ของเธอได้สัมผัสสัมพันธ์ชีวิตของนักเรียนได้
“ปลุก” ให้ความเป็นคนในเพื่อนนักเรียนได้ตื่นขึ้นที่จะแสวงหาสัจจะแห่งชีวิต
เธอสอนหนังสือที่ “ปลุก” และ “สร้างเสริม”
จิตวิญญาณของนักเรียนให้เป็นพลังเปลี่ยนแปลงชีวิตครับ!
ผมเชื่อและหวังว่า คุณครู อาจารย์
ในสถาบันการศึกษา และ คริสตจักรจะมีจิตวิญญาณเฉกเช่นนี้ และ
ผู้บริหารระดับต่าง ๆ ในสถาบัน หน่วยงานของคริสตชน และ คริสตจักร
จะบริหารจัดการด้วยจิตวิญญาณที่แข็งแรง มุ่งมั่น อ่อนโยน และ
ถ่อมด้วยความรักเมตตาที่เสียสละแบบพระคริสต์
บริหารด้วยจิตวิญญาณแบบพระคริสต์ครับ!
มิใช่บริหารจัดการด้วยความสามารถในการบริหารจัดการตามวิชาการที่ร่ำเรียน(จากทั้งในและนอกประเทศ)เท่านั้นครับ!
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น