26 สิงหาคม 2557

ท่านจะตอบพระเยซูว่าอย่างไร?

เมื่อ​คน​นั้น​ (บารทิเมอัส) ได้​ยิน​ว่า​พระ​เยซู​ชาว​นาซาเร็ธ​เสด็จ​มา จึง​ร้อง​เสียง​ดัง​ว่า
ท่าน​เยซู บุตร​ดาวิด​เจ้า​ข้า ขอ​ทรง​เมตตา​ข้า​พระ​องค์​เถิด”  (มาระโก 10:47)

เมื่อพระเยซู  สาวกของพระองค์  และประชาชนเป็นจำนวนมากกำลังเดินทางออกจากเมืองเยรีโค   มีคนขอทานตาบอดข้างถนนคนหนึ่งชื่อบารทิเมอัส   เมื่อได้ยินว่าพระเยซูกำลังจะผ่านมาทางนั้น   เขาจึงร้องเสียงดังว่า ท่าน​เยซู บุตร​ดาวิด​เจ้า​ข้า ขอ​ทรง​เมตตา​ข้า​พระ​องค์​เถิด (ข้อ 47)   หลายคนสั่งให้คนตาบอดหุบปากเงียบเสีย   แต่เขายิ่งร้องเสียงดังขึ้น   พระเยซูหยุดเดินทางต่อแต่สั่งให้นำคนนั้นมาหาพระองค์   คนตาบอดทิ้งผ้าห่มของเขาแล้วถูกนำมาหาพระองค์   พระเยซูถามเขาว่า เจ้า​ปรารถนา​จะ​ให้​เรา​ทำ​อะไร​ให้​เจ้า เขาทูลตอบว่า  “​พระ​อาจารย์​เจ้า​ข้า ขอ​โปรด​ให้​ตา​ข้า​พระ​องค์​เห็น​ได้” (ข้อ 51)   พระองค์ตรัสกับเขาว่า  จง​ไป​เถิด ความ​เชื่อ​ของ​เจ้า​ได้​กระทำ​ให้​เจ้า​หาย​ปกติ​แล้วใน​ทันใด​นั้น​คน​ตา​บอด​นั้น​ก็​เห็น​ได้ และ​ได้​เดินทาง​ตาม​พระ​องค์​ไป​ (ข้อ 52)

ปกติแล้ว พระคัมภีร์จะเรียกพระเยซูว่า พระบุตรของพระเจ้า  หรือ  บุตรมนุษย์   แต่ในตอนนี้ บารทิเมอัส เรียกพระเยซูว่า  บุตรดาวิด   แต่ประเด็นที่น่าสนใจว่า   เมื่อบารทิเมอัสตะโกนเรียกร้องความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์   ทำไมพวกสาวกและประชาชนถึงห้ามไม่ให้ร้อง  แล้วสั่งบารทิเมอัสให้เงียบเสียงเสีย?

เราคงไม่ลืมว่า   ขณะนี้พระเยซูคริสต์  สาวก และประชาชนจำนวนมากกำลังเคลื่อนมวลชนเข้าไปยังกรุงเยรูซาเล็ม   และหลายคนที่คาดการณ์ว่า  ที่กรุงเยรูซาเล็มครั้งนี้อาจจะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น   แต่การที่บารทิเมอัสมาร้องเรียกชื่อพระเยซูว่า  “เยซูบุตรดาวิด”   คำร้องนี้มีนัยทางการเมืองสำหรับคนยิวและทหารโรมันที่อยู่ในพื้นที่นี้   เป็นการบ่งชี้ถึงว่าพระคริสต์คือพระเมสสิยาห์ที่สืบเชื้อสายจากกษัตริย์ดาวิด  ผู้กลับมาเพื่อพลิกฟื้นราชอาณาจักรและราชวงศ์เพื่อสถาปนาราชอาณาจักรเยรูซาเล็มขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง

การร้องเสียงดังเช่นนี้สร้างอันตรายที่จะถูกกองกำลังโรมันเข้ามาปราบปราม   พวกเขาจึงรีบสั่งให้บารทิเมอัสเงียบเสียงเสีย   ไม่เช่นนั้น อาจจะทำให้ต้องพากันไปตายในกรุงเยรูซาเล็ม

สาวกและประชาชนยังไม่ต้องการตายครับ!

แต่สำหรับพระเยซูคริสต์   ความสนใจของพระองค์ไม่เหมือนสาวก   พระองค์สนใจในประโยคต่อไปของบารทิเมอัสที่ว่า   “...ขอทรงเมตตาข้าพระองค์เถิด”

สาวกของพระเยซูสนใจ “การเมืองที่เป็นเรื่อง อำนาจ และผลประโยชน์ส่วนตน”   พวกเขาสนใจที่จะทำการปลดปล่อยออกจากการเป็นเมืองขึ้นของโรมัน   แต่พระคริสต์สนใจ “คุณภาพชีวิต” ของผู้คน   แม้จะเป็นขอทานข้างถนนก็ตามที   พระองค์ไม่สนใจว่าเขาจะตะโกนร้องดังว่าอย่างไร   แต่พระองค์สนใจที่จะพบปะพูดคุยกับเขา   สั่งให้คนพาบารทิเมอัสมาพบกับพระองค์

สิ่งแรกที่พระองค์ทำคือ   ถามถึงความคิด ความรู้สึก และความต้องการสูงสุดในชีวิตของบารทิเมอัส   “เจ้าปรารถนาจะให้เราทำอะไรให้เจ้า?”  พระองค์สนใจชีวิต  ความต้องการ  ความปรารถนา  และสิ่งที่พระองค์จะทำแก่เขาได้

บารทิเมอัสต้องการมองเห็นได้ครับ!   เขาต้องการการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเขา   เขาต้องการเป็นคนที่มีค่า    เขาต้องการเป็นคนที่จะช่วยตนเองได้   และเป็นที่พึ่งพิงสำหรับคนอื่นตามที่เขาจะทำให้ได้   เขาไม่คิดว่าใครจะได้อำนาจ   เขาไม่ได้สนใจว่าใครจะได้ตำแหน่งอะไร  เขาไม่ได้คิดที่จะได้เป็นใหญ่  แต่เขาต้องการเห็นได้ครับ

พระเยซูบอกกับบารทิเมอัสว่า  เขาจะได้ตามสิ่งที่เขาเชื่อและปรารถนา  

บารทิเมอัสได้คุณภาพ และ ศักยภาพในชีวิตเพิ่มขึ้นจากการที่เป็นคนตาบอด  เขาได้รับการเยียวยาให้สามารถมองเห็นได้   ชีวิตเขาได้รับคุณค่ามากขึ้น   มาระโกใช้คำสั้น ๆ เพียงสองคำว่า   บารทิเมอัส “มองเห็นได้”  และ  เดินทาง “ตามพระองค์” ไป

สำหรับพระคริสต์แล้ว  พระองค์มุ่งมั่นสนใจ “เสียงจากก้นบึ้งแห่งชีวิต” ของประชาชน   เพื่อที่พระองค์จะให้ชีวิตของพระองค์เพื่อให้คนทั้งหลายได้มีชีวิต ในขณะที่สาวกพระคริสต์ และ ผู้คนที่เดินตามติดพระองค์ให้กลับให้ความสำคัญกับ “เสียง” ทาง “การเมือง” ของผู้คน

แต่พระคริสต์ให้ความสำคัญกับคุณค่า และ คุณภาพชีวิตของผู้คน

วันนี้  พวกสาวก และ คนติดตามพระเยซูในประเทศไทยกำลังให้ความสนใจและสำคัญในเรื่องอะไรครับ?  

วันนี้   ถ้าพระเยซูคริสต์ถามท่านว่า   “...เจ้าปรารถนาจะให้เราทำอะไรให้เจ้า?”   ท่านจะตอบพระองค์ว่าอย่างไรครับ?   หลายสิ่งที่เรารู้ว่าเราจัดการตนเองไม่ได้    แต่เราเชื่อและพึ่งในพระเมตตาของพระเยซูคริสต์ได้  

อะไรคือสิ่งที่ท่านจะพึ่งพิงในพระเมตตาคุณของพระคริสต์ในวันนี้?  

ท่านเชื่อในพระเมตตาคุณของพระองค์หรือไม่ครับ?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น